มีรายงานที่น่าตื่นเต้นหลุดออกมาว่า Apple กำลังเตรียมที่จะเปิดตัว 4 แอปพลิเคชันระดับมืออาชีพชุดใหญ่สำหรับ iPadOS ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแอปที่เดิมทีมีให้ใช้งานเฉพาะบน macOS เท่านั้น
แอปที่ว่านี้ประกอบด้วย Pixelmator Pro (แอปตัดต่อภาพระดับโปรที่ Apple เพิ่งเข้าซื้อกิจการไปเมื่อไม่นานมานี้), MainStage (แอปคู่หูของ Logic Pro สำหรับการแสดงสด), Compressor (แอปคู่หูของ Final Cut Pro สำหรับบีบอัดไฟล์วิดีโอ/เสียง), และ Motion (แอปคู่หูของ Final Cut Pro สำหรับสร้างกราฟิกชื่อเรื่อง, เอฟเฟกต์ 2D/3D)

การมาถึงของแอปเหล่านี้จะช่วยเสริมทัพให้กับ Final Cut Pro และ Logic Pro ที่เคยเปิดตัวบน iPadOS ไปแล้วในปี 2023 ทำให้ iPad กลายเป็นเครื่องมือสำหรับมืออาชีพด้านงานสร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ บน macOS แอปเหล่านี้มีราคาขายขาดอยู่ที่ระหว่าง $29.99 ถึง $49.99 ซึ่งเมื่อแปลงเป็นเงินไทยคร่าว ๆ จะอยู่ที่ประมาณ 1,170 บาท ถึง 1,950 บาท ต่อแอป
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า Apple จะใช้โมเดลราคาแบบซื้อขาดเดิม หรือจะเปลี่ยนไปใช้ รูปแบบการสมัครสมาชิก รายเดือน/รายปี เหมือนที่ใช้กับ Final Cut Pro และ Logic Pro บน iPadOS และที่สำคัญคือ ยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน ว่าเราจะได้เห็นแอปเหล่านี้บน iPad เมื่อใด
หมีเด้งวิเคราะห์: การเติมเต็ม "ความโปร" และกลยุทธ์ทำเงินใหม่ของ Apple

การตัดสินใจนำแอป "คู่หู" ระดับมืออาชีพอย่าง Compressor, Motion, MainStage และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pixelmator Pro มาสู่ iPadOS ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการ เติมเต็มช่องว่าง ของ iPad ให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำงานระดับ "Pro" ได้อย่างแท้จริง หลังจากที่ Final Cut Pro และ Logic Pro ได้พิสูจน์แล้วว่า iPad Pro ที่ใช้ชิปตระกูล M สามารถรองรับงานหนักได้ การเพิ่มแอปเหล่านี้เข้ามาจะช่วยให้กระบวนการทำงานสร้างสรรค์ครบวงจรมากขึ้น (เช่น การตัดต่อวิดีโอด้วย FCP, การใส่กราฟิกด้วย Motion, การส่งออกไฟล์ด้วย Compressor)
สิ่งที่น่าสนใจและต้องจับตาดูคือ โมเดลการคิดราคา หาก Apple เลือกที่จะใช้รูปแบบการ "สมัครสมาชิก" สำหรับแอปเหล่านี้ตามรอย FCP และ Logic Pro บน iPad (ซึ่งต่างจากเวอร์ชัน Mac ที่เป็นการซื้อขาด) ก็จะสะท้อนถึง กลยุทธ์ทำเงินใหม่ ที่เน้นรายได้ต่อเนื่อง (Subscription Revenue) จากกลุ่มมืออาชีพที่ใช้ iPad เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ การย้ายแอปเหล่านี้มายัง iPad พร้อมการเปลี่ยนโมเดลราคาเป็นแบบสมัครสมาชิก อาจทำให้เกิดคำถามถึงความคุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่เคยซื้อแอปบน Mac ไปแล้ว แต่ในทางกลับกัน มันคือการปลดล็อกศักยภาพของ iPad และเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของ Apple อย่างไม่มีข้อสงสัย และเป็นการประกาศชัดว่า iPad Pro ไม่ใช่แค่แท็บเล็ตอีกต่อไป แต่คือคอมพิวเตอร์สำหรับการทำงานสร้างสรรค์แบบพกพาอย่างแท้จริง
source: gsmarena