
เป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่ทาง vivo ทำออกมาได้สวยมาก แค่เห็นดีไซน์ก็ดูดี มีความมินิมอล สีสวยละมุนมาก นี่คือ vivo V60 Lite ซึ่งเน้นในเรื่องของการใช้งานได้อย่างยาวนาน เพราะให้แบตเตอรี่ความจุมากถึง 6500mAh พร้อมการชาร์จไว 90W มาพร้อมขุมพลัง MediaTek Dimensity 7360-Turbo ที่แรงในระดับเล่นเกมใหม่ๆ ได้อย่างสบาย เดี๋ยวมาดูกันว่า vivo V60 Lite ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจ และคุ้มค่าแค่ไหน


สำหรับสเปกตัวเครื่อง มีรายละเอียด ดังนี้
- จอแสดงผลขนาด 6.77 นิ้ว แบบ AMOLED
- ความละเอียดหน้าจอ 2392 × 1080 อัตรารีเฟรช 120Hz
- ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7360-Turbo
- GPU : Mali-G615 MC2
- หน่วยความจำ 8GB + 256GB / 12GB + 256GB
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15 ที่ทำงานบน Android 15
- แบตเตอรี่ความจุ 6500mAh รองรับการชาร์จไว 90W
- ตัวเครื่องและกรอบเครื่องพลาสติก
- การทนน้ำทนฝุ่น มาตรฐาน IP65
- กล้องหน้า 32MP
- กล้องหลัง 50MP (Sony IMX882) + กล้อง Wide-Angle 8MP

ภายในกล่องมาพร้อมกับ อะแดปเตอร์ สายชาร์จ และเคสพลาสติกแบบใสมาให้เลย โดยตัวเครื่องก็ติดฟิล์มหน้าจอมาให้

ดีไซน์ตัวเครื่องของ vivo V60 Lite ถูกออกแบบให้มีดีไซน์ตัวเครื่องที่บาง ดูมินิมอล เน้นความหรูหราและทันสมัย โดยมาด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีชมพู Pop Pink, สีฟ้า Titanium Blue และสีดำ Elegant Black แต่ที่นำมารีวิวให้ชมกันเป็นสีชมพูและสีฟ้า ซึ่งเน้นความสดใส ด้วยโทนสีแบบพาสเทลดูละมุนมาก


ฝาหลังมีการเล่นแสงสวยงาม หยิบจับมาใช้แล้ว ดูสวยสะอาดตา โดยรวมคือดูพรีเมียมสบายตาเน้นความเป็นมินิมอล การจับถือกระชับมือ ส่วนการจัดวางโมดูลกล้องเรียงเป็นแนวตั้ง มีไฟแฟลชแบบ Aura Light ที่เป็นเอกลักษณ์ของ vivo ที่สามารถปรับแสงสีของไฟแฟลชได้ในรูปแบบวงแหวนที่ช่วยให้การถ่ายภาพ Prortrait ออกมาสวยงาม

.jpg)
ส่วนการจัดเรียงปุ่มต่างๆ ก็ดูเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอที่ให้เสียงดังกระหึ่ม เหมาะกับใช้ดูหนัง เล่นเกมและให้เสียงที่คมชัดแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ซึ่งในส่วนของลำโพงสามารถเร่งประสิทธิภาพระดับเสียงไปถึง 400% ซึ่งลองแล้วบอกเลยว่าดีมาก สำหรับใครที่ชอบเปิดลำโพงเสียงดังๆ

ตัวเครื่องเองถึงแม้จะเป็นวัสดุพลาสติก แต่ก็ทนทาน มีการทดสอบและได้รับการรับรองมาตรฐาน SGS Five-Star Drop Resistance และ Military-Grade Certification มาพร้อมกระจกหน้าจอ Diamond Shield Glass ที่ทนต่อแรงตกกระแทกด้วย และแน่นอนว่ามีมาตรฐานการทนน้ำและฝุ่น IP65 สามารถลุยได้พอสมควร เช่น ใช้งานในช่วงที่ต้องลุยฝน เป็นต้น แถมยังมีฟีเจอร์น่าสนใจคือ Water Ejection สำหรับทำการไล่น้ำที่ติดอยู่ในลำโพงด้วยคลื่นเสียง


vivo V60 Lite เน้นในเรื่องของการใช้งานที่ยาวนานด้วยการใส่แบตเตอรี่ความจุ 6500mAh มาให้ ซึ่งจากการใช้งานจริงพบว่า สามารถอยู่ได้ทั้งวันราวๆ 12-14 ชั่วโมงแน่ๆ สำหรับการใช้งานปกติทั่วไป ถือว่าอึดมาก แถมยังรองรับการชาร์จไว 90W สามารถชาร์จจาก 1% ถึง 100% ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง โดยทาง vivo ยังระบุอีกด้วยว่าสามารถชาร์จ ชาร์จจาก 1% เพียง 10 นาที ก็สามารถดู YouTube ได้ต่อเนื่องถึง 6.6 ชั่วโมง

สิ่งที่หลายคนชอบก็คือ หน้าจอที่เป็นแบบขอบเรียบ สามารถติดฟิล์มได้ง่าย แถมผ่านการรับรองมาตรฐาน SGS Certification เรื่องการปล่อยแสงสีฟ้าตํ่า มีระบบ Anti-Fatigue 2.0 ช่วยปรับแสงหน้าจอให้ใกล้เคียงธรรมชาติ ลดอาการตาล้า

จุดต่อมาที่น่าสนใจก็คือการเลือกใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7360-Turbo ที่เป็นชิปเซ็ตที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหล สามารถใช้งาน Multitasking ได้สบาย ส่วนสายเกมที่อยากเอามาเล่นเกม ก็สามารถนำมาใช้เล่นเกมได้ในระดับปานกลาง

จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Antutu Benchmark พบว่าได้คะแนนนอยู่ที่ราวๆ แปดแสนคะแนน ส่วนคะแนนประสิทธิภาพจาก Geekbench ก็อยู่ในระดับปานกลางสำหรับสมาร์ตโฟนในตลาดตอนนี้
.jpg)
.jpg)
การใช้เล่นเกมถือว่าทำได้ดี เล่นเกมได้หลากหลาย แบบลื่นๆ โดยปรับตั้งค่าเกมให้แสดงผลอยู่ในระดับกลาง ซึ่งเพียงพอต่อการเล่นเกมทั่วไป แต่ที่ชอบมากก็คือ ระบบเสียงที่ปรับดังได้มากถึง 400% ให้ความบันเทิงแบบสะใจในการเล่นเกม


ถัดมาคือเรื่องของกล้องนั่นเอง แม้ว่า vivo V60 Lite จะไม่ได้ติดเลนส์ ZEISS ที่เป็นเอกลักษณ์ของ vivo มาให้ แต่ก็ยังคงใส่ฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆ มาให้ไม่ต่างกับรุ่นใหญ่เลย โดยเฉพาะการถ่ายภาพที่มีฟีเจอร์ AI Four Season Portrait สามารถตั้งค่าให้ได้ภาพถ่ายที่มีบรรยากาศเป็นฤดูต่างๆ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว โดย AI ใน vivo V60 Lite สามารถสร้างบรรยากาศได้อย่างสมจริงมากๆ




ส่วนเรื่องการถ่ายภาพโดยทั่วไป ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้ หรือการใส่ลูกเล่นโบ้เก้ ZEISS มาให้เหมือนอย่างรุ่นพี่อย่าง vivo V60 แต่ก็ถือว่าสามารถเอามาถ่ายรูปได้สวย และหากถ่ายด้วยโหมด Portrait ก็สามารถทำหน้าชัดหลังเบลอได้ เดี๋ยวลองดูรูปตัวอย่างได้เลย






ดังนั้นประสิทธิภาพเรื่องกล้องโดยรวมก็คือ ให้ความคมชัดด้วยความละเอียด 50 ล้านพิกเซลในกล้องหลัก แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกว่าสำหรับรุ่นนี้เอง ไม่ได้เน้นกล้องเหมือนรุ่นพี่ ที่ให้กล้องจัดเต็มมามากกว่า แต่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานถ่ายภาพทั่วไป รวมถึงการใส่ไฟแฟลช Aura Light พร้อมกับ AI 3D Studio Lighting ที่จำลองไฟสตูดิโอระดับมืออาชีพมาให้ ช่วยให้ถ่ายภาพบุคคลในเวลากลางคืนได้สวยงาม และกล้องหน้าที่มีความละเอียดภาพถึง 32 ล้านพิกเซล


แน่นอนว่าในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆ ก็ต้องมาพร้อมกับระบบ AI ซึ่งใน vivo V60 Lite เองก็มี AI หลายอย่างให้ใช้ อย่างเช่น การปรับแต่งภาพที่มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า AI Erase 3.0 สามารถลบบุคคลอื่นในภาพออกไปได้อย่างง่ายๆ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ช่วยให้ได้ภาพถ่ายสวยๆ เผื่อถ่ายติดคนอื่นเข้ามาอย่างไม่ตั้งใจ


หรือฟีเจอร์ AI Reflection Erase ที่ช่วยแก้ไขภาพด้วยการตัดแสงสะท้อนกรณีถ่ายภาพผ่านกระจกได้

นอกจากนี้ยังมี AI ที่น่าใช้อีกเยอะ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มักเจอปัญหาเรื่องมิจฉาชีพโทรมาหลอกลวง โดยใน vivo V60 Lite ก็มีเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Block Spam Calls เป็นการบล็อกสายที่โทรก่อกวนโดยอาศัยฐานข้อมูล AI ทั่วโลกเพื่อป้องกันการหลอกลวงด้วยการบล็อกสายที่เข้าข่ายเป็นมิจฉาชีพหรือโทรมาก่อกวน รวมถึงสามารถแจ้งรายงานเบอร์ที่น่าสงสัยเพิ่มได้อีกด้วย

หรือ AI Smart Call Assistant ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์น่าสนใจที่ช่วยแปลภาษาขณะสนทนาขณะโทรได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแปลออกมาเป็นเสียงและข้อความให้เห็นเลย ถือว่าใช้งานได้สะดวกดี

โดยรวมแล้ว vivo V60 Lite ก็เป็นอีกหนึ่งสมาร์ตโฟนที่น่าใช้ทั้งในเรื่องของการดีไซน์ที่สวยงาม รวมถึงจุดเด่นในเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้ความจุมาเยอะ ใช้งานได้นาน เหมาะกับผู้ที่มองหาสมาร์ตโฟนที่เน้นใช้งานได้นานๆ ตลอดทั้งวัน รวมถึงมีประสิทธิภาพในการชาร์จไวอีกด้วย สามารถพักชาร์จไม่นานก็นำกลับมาใช้ต่อได้ยาวๆ

จุดเด่น
- ดีไซน์ตัวเครื่องสวย
- ใช้งานได้นาน เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
- ลำโพงเสียงดังกระหึ่ม เร่งเสียงได้สูงสุด 400%
- ใส่ฟีเจอร์ AI มาให้เหมือนรุ่นที่แพงกว่า เช่น AI Four Season Portrait
จุดสังเกต
- ไม่ได้เน้นเรื่องประสิทธิภาพของกล้อง และกล้องไม่ได้มีเลนส์ ZEISS รวมถึงโบเก้ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ZEISS
- ชิปเซ็ตอยู่ในระดับกลาง ทำให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลเมื่อใช้งานหนักๆ หรือเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกระดับสูงอาจไม่ดีเท่ากับชิปเซ็ตที่อยู่ในระดับสูงกว่า
