Suunto เปิดตัวนาฬิกาผจญภัยรุ่นล่าสุด Suunto Vertical 2 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการผจญภัยสุดโหดและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยมีการอัปเกรดที่น่าสนใจหลายอย่างเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ให้เหนือกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.5 นิ้ว ที่ใหญ่และสว่างกว่าเดิม พร้อมความละเอียดที่คมชัดขึ้นถึง 466×466 พิกเซล และใส่ชิปประมวลผลที่เร็วขึ้น ทำให้การใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังมาพร้อมเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบใหม่ที่แม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อวัดจากข้อมือโดยตรง

หนึ่งในฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาคือ ไฟฉาย LED ในตัว ที่ปรับความสว่างได้ มีโหมดไฟสีแดงสำหรับการใช้งานตอนกลางคืน และยังมีฟังก์ชันขอความช่วยเหลือ (SOS) หรือส่งสัญญาณเตือนเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย ในด้านการนำทาง Suunto Vertical 2 ยังคงจุดแข็งเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน โดยสามารถใช้งาน GPS แบบ Dual-band ได้สูงสุด 65 ชั่วโมง และใช้งานในโหมดสมาร์ทวอทช์ได้ยาวนานถึง 20 วันเต็มๆ นอกจากนี้ ยังมี แผนที่ออฟไลน์ ที่ละเอียดมาก ทั้งเส้นทางและลักษณะภูมิประเทศให้ดาวน์โหลดฟรีผ่านแอป Suunto

สำหรับการผจญภัยในเส้นทางสูงต่ำ Vertical 2 ได้เพิ่มฟีเจอร์ Climb Guidance ใหม่ ที่ช่วยวางแผนและนำทางคุณบนเส้นทางได้อย่างชาญฉลาด โดยแสดงข้อมูลความสูง ระดับความชัน และจะแจ้งเตือนเมื่อเข้าใกล้ช่วงปีนขึ้นหรือลงจริงแบบเรียลไทม์ และหากคุณต้องการเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน ก็สามารถใช้ฟังก์ชัน Quick Start Navigation เพื่อโหลดเส้นทางใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดการติดตามกิจกรรม นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมความทนทานขั้นสูง มีปุ่มกดด้านข้าง 3 ปุ่มที่ช่วยให้ควบคุมได้ง่ายแม้จะใส่ถุงมืออยู่ก็ตาม มีโหมดกีฬาให้เลือกใช้มากกว่า 115 โหมด พร้อมฟีเจอร์ครบเครื่องสำหรับสายผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์การฝึกซ้อม การแจ้งเตือนสภาพอากาศ ข้อมูลความสูง และเวลาพระอาทิตย์ขึ้น/ตก

สรุปข่าว
Suunto Vertical 2 คือนาฬิกาผจญภัยที่อัปเกรดครั้งใหญ่ ด้วยหน้าจอ AMOLED 1.5 นิ้วที่สว่างคมชัด โปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้น และเพิ่ม ไฟฉาย LED ในตัว เพื่อความปลอดภัย แบตเตอรี่ก็ยังคงอึดทนทาน โดยใช้งาน GPS ได้สูงสุด 65 ชั่วโมง พร้อมระบบนำทางที่แม่นยำด้วย แผนที่ออฟไลน์ฟรี และฟีเจอร์ใหม่ Climb Guidance ที่ช่วยในการปีนป่าย การออกแบบเน้นความทนทานสูงในวัสดุสแตนเลสสตีลและไทเทเนียม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $599 (รุ่น Stainless Steel) และ $699 (รุ่น Titanium) และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 ตุลาคม 2025

source: gizmochina