Apple นำการอัพเดตที่สำคัญมาสู่ระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนบน iOS 18 โดยนำเสนอการใช้งาน AI, เปิดใช้งาน RCS, อัพเกรดคุณสมบัติการสื่อสารต่างๆ (เช่น เอฟเฟกต์ข้อความ, การแสดงความรู้สึกด้วยอีโมจิ ฯลฯ), เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และคุณสมบัติการปรับแต่งที่ได้รับการปรับปรุง และมีข่าวดีว่า iPhone ทุกเครื่องที่ใช้ iOS 17 จะสามารถอัปเดตเป็น iOS 18 ได้
ซึ่งหมายความว่า iPhone XR, XS และ XS Max รุ่นตั้งแต่ปี 2018 จะเป็นรุ่นเก่าที่สุดที่ยังรองรับอยู่ (จะมีอายุครบ 6 ปีในเดือนกันยายนนี้) ในขณะที่ iPhone SE (2016) ดั้งเดิมถูกลอยแพเรียบร้อยพร้อมกับ iOS 16 โดยรายชื่อไอโฟนทุกรุ่นที่จะสามารถอัพเดต iOS 18 ได้มีดังนี้
![](https://techxcite.com/web/../topics/43892/filemanager/gsmarena_000 (1).jpg)
- iPhone 15
- iPhone 15 Plus
- iPhone 15 Pro
- iPhone 15 Pro Max
- iPhone 14
- iPhone 14 Plus
- iPhone 14 Pro
- iPhone 14 Pro Max
- iPhone 13
- iPhone 13 mini
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
- iPhone 12
- iPhone 12 mini
- iPhone 12 Pro
- iPhone 12 Pro Max
- iPhone 11
- iPhone 11 Pro
- iPhone 11 Pro Max
- iPhone XS
- iPhone XS Max
- iPhone XR
- iPhone SE (2022)
- iPhone SE (2020)
อย่างไรก็ตาม เฉพาะ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max เท่านั้นที่ได้รับ Apple Intelligence รุ่นเบต้า (แม้ว่าจะเปิดตัว iOS 18 อย่างเต็มรูปแบบแล้ว) ซึ่งหมายความว่า iPhone 15 และ 15 Plus จะอดไป และแน่นอนว่ารุ่นเก่ากว่า 15 Pro ทั้งสองรุ่นจะอดได้ฟีเจอร์ Apple Intelligence นี้
Neural Engine ภายใน A17 Pro สามารถให้พลังได้สูงสุด 35 TOPS ในขณะที่ A16 Bionic ได้เพียง 17 TOPS ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของพลังการคำนวณ และแม้ว่างาน AI บางอย่างจะดำเนินการโดยเซิร์ฟเวอร์ (Private Cloud Compute ของ Apple) แต่งานอื่นๆ จะถูกจัดการบนอุปกรณ์เอง และชัดเจนว่ารุ่นสเปคไม่ถึง จะไม่รองรับนั่นเอง ซึ่งฟังแล้วก็มีเหตุผลครับ
source: gsmarena