ปกติแล้วเรามักจะชินตากับหูฟังไร้สายที่ดีไซน์เป็นแท่งๆ ซะมากกว่า แต่สำหรับตัวที่นำมารีวิวนี้ เห็นแค่ดีไซน์ก็อยากได้แล้วเพราะนี่คือ Huawei Freeclip หูฟังดีไซน์แบบหนีบ ที่โดดเด่นในเรื่องการดีไซน์แนวแฟชั่น ในขณะที่เรื่องของคุณภาพเสียงก็ไม่ธรรมดาเลย เดี๋ยวเรามาลองดูจุดเด่นของหูฟัง Huawei Freeclip ตัวนี้กันดีกว่า
เริ่มจากแกะกล่องกันเลย จะพบกับตัวหูฟังภายในกล่อง มีคู่มือและสายชาร์จพร้อมใบรับปรกันสินค้ามาให้ ตัวหูฟัง Huawei Freeclip จะมาพร้อมกับเคสชาร์จ โดยมีให้เลือกสองสี คือ สีม่วงและสีเทาดำ โดยในส่วนของตัวเคสชาร์จ ออกแบบมาเป็นรูปทรงรี คล้ายไข่ สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆผ่าน Bluetooth ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน ทั้ง iOS และ Android
สำหรับ Huawei Freeclip มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์ เพราะเมื่อเปิดฝาเคสชาร์จ จะเห็นตัวหูฟังที่อยู่ภายใน ดูแปลกตามาก การดีไซน์ตัวหูฟังมีชื่อว่า C-Bridge Design ซึ่งก็คือลักษณะที่เหมือนรูปตัว C นั่นเอง การใช้งานก็แค่หยิบออกมาหนีบกับใบหู โดยตัวหูฟังมีจุดเด่นเรื่องของน้ำหนักที่เบาเพียง 5.7 กรัมต่อข้าง เวลาสวมใส่จะไม่รู้สึกรำคาญหรือกดใบหูแต่อย่างใด แถมยังสวมใส่ได้กระชับ ไม่หลุดง่ายอีกด้วย เนื่องจากเป็นลักษณะของการใช้หนีบไว้กับใบหูนั่นเอง
ตัวเคสชาร์จที่ให้มานั้น สามารถชาร์จไฟสำรองผ่านพอร์ต USB-C ได้เลย ในส่วนของการใช้งานหูฟัง Huawei Freeclip สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงเต็มสำหรับการฟังเพลง และ 5.5 ชั่วโมงสำหรับการโทร และเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จที่ให้มาก็จะสามารถใช้งานได้สูงสุด 36 ชั่วโมงสำหรับการฟังเพลง และ 22 ชั่วโมงสำหรับการใช้โทร มีระบบ Fast Charge ที่ชาร์จหูฟังเพียง 10 นาที ใช้งานต่อเนื่องได้ 3 ชั่วโมง จะใส่ออกไปเดินทาง ท่องเที่ยว ใส่ทำงานหรืออกกำลังกาย ก็หมดห่วงเรื่องแบตเตอรี่
ในเรื่องคุณภาพเสียงเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าหูฟังดีไซน์ปกติเลย เพราะ Huawei Freeclip มาพร้อมกับการวางตำแหน่งลำโพงขับเสียงที่ให้สนามเสียงพุ่งตรงเข้าสู่รูหูของเราโดยตรง จึงได้ยินเสียงชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ไม่เกิดเสียงเล็ดรอดออกไป จนคนข้างๆได้ยิน มาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัวที่มีระบบตัดเสียงรบกวน ให้เสียงคุยโทรศัพท์ชัดเจนแม้อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีเสียงดัง เนื่องจาก Huawei Freeclip มีเทคโนโลยีช่วยตรวจจับเสียงพูด ดังนั้นหากเสียงอื่นๆที่ไม่ใช่เสียงมนุษย์พูดคุยแทรกเข้ามา ก็จะถูกตัดออกไป ทำให้สนทนาได้อย่างชัดเจน
ตัวหูฟังเองเป็นวัสดุ Nickel Titanium หุ้มด้วยพลาสติก TPU ที่มีความอ่อนนุ่ม ซึ่งเป็นคุณสมบัติของตัววัสดุที่สามารถง้างออกได้โดยไม่เสียรูปทรงเดิมที่ผลิตออกมา ดังนั้นเวลาสวมใส่จึงกระชับตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้แล้วยังมีการดีไซน์แบบสมมาตร ไม่ได้แบ่งว่าข้างไหนต้องใส่หูซ้ายหรือหูขวา สามารถหยิบสลับใส่ได้เลย เดี๋ยวเจ้า Huawei Freeclip ตัวนี้จะจัดการสลับสัญญาณเสียงสเตอริโอแยกซ้ายขวาให้อัตโนมัติ แถมรองรับระบบสัมผัสที่ตัวหูฟังสามารถใช้ควบคุมการเล่นเพลง หรือใช้รับสาย-วางสายได้
และจากการลองใช้งานจริงก็พบว่า การเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆทำงานได้อย่างง่ายดาย แค่กดปุ่มบนตัวเคสชาร์จค้างไว้เพื่อให้ค้นหา Huawei Freeclip เจอ และยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆได้มากถึง 2 เครื่องด้วยกัน จะต่อกับแท็บเล็ตไว้ดูหนังเครื่องหนึ่ง แล้วต่อกับสมาร์ทโฟนเผื่อไว้มีสายเรียกเข้าอีกเครื่องหนึ่งก็ทำได้ ไม่ต้องสลับไปมา หรือถ้ามีหูฟัง Huawei Freeclip 2 ชุดยังสามารถต่อเข้ากับอุปกรณ์เดียวกัน พร้อมกันได้ด้วย จะดูหนังฟังเพลงกับแฟน ก็สะดวกเลยทีนี้ แถมตัวหูฟังยังกันน้ำมาตรฐาน IP54 ใส่เล่นกีฬาได้สบายๆ
และที่ชอบก็คือ ดีไซน์สุดล้ำที่ดูเหมือนเป็นจิวหู เป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ใส่แล้วแน่นกระชับจริง ในขณะที่คุณภาพเสียงคือ ดีมาก เป็นหูฟังที่ให้เสียงคมชัด ใสสะอาด และเมื่อใช้งานการโทร ต้องบอกว่าน่าทึ่งมากๆ เพราะตัดเสียงรบกวนได้ยอดเยี่ยม ปลายสายที่ได้ยินเสียงจาก Huawei Freeclip แทบไม่ได้ยินเสียงรบกวน เช่น เสียงรถวิ่ง เสียงอึกทึกต่างๆขณะอยู่บนท้องถนน
และถ้าหากต้องการใช้งานแบบเต็มรูปแบบ แนะนำให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า AI LIfe มาใช้งานร่วมด้วย ซึ่งแอพพลิเคชั่นจะมีฟีเจอร์การใช้งานเพิ่มเติม เช่น การปรับตั้งค่า EQ อัตโนมัติที่ตั้งค่ามาให้เลือก หรือการเลือกระบบสัมผัส Gestures เอง และการอัพเดตเฟิร์มแวร์ของหูฟัง Huawei Freeclip ผ่านแอพพลิเคชั่น
จุดเด่นทั้งเรื่องดีไซน์และเรื่องเสียงทั้งหมดของ Huawei Freeclip ถือว่าประทับใจมาก จนตอนนี้กลายเป็นหูฟังที่หยิบออกมาใช้ประจำ เพราะใส่สวย ใช้งาน เสียงดี ตัดเสียงรบกวนขณะโทรได้เยี่ยมมากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยลักษณะของการสวมใส่ Huawei Freeclip เป็นแบบ Open Ear จึงไม่สามารถตัดเสียงรบกวนขณะสวมใส่ได้เท่าหูฟังประเภท In Ear ซึ่งเราจะได้ยินเสียงรอบข้างตามปกติ ไม่ได้รู้สึกเข้าไปในโลกเสียงเพลงส่วนตัวนั่นเอง
ถ้าใครชอบหูฟังที่ดีไซน์สวยๆ แล้วเน้นความสามารถในการใช้งานตามที่รีวิว สามารจับจองได้ผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้เลยทั้ง Shopee และ Lazada