ZTE Blade A31 Plus สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก ZTE ที่ออกมาเอาใจกลุ่มตลาดผู้ที่เน้นของราคาถูกโดยเฉพาะ สำหรับสมาร์ทโฟนตัวนี้ที่นำมารีวิวให้ชมกันว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้างกับราคาไม่ถึงสองพันบาท โดย ZTE Blade A31 Plus จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาไม่แพง เอาไว้ใช้งานที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น เอาไว้โทรเข้า โทรออก ดู Youtube หรือเล่น LINE ได้ หรือจะเอาไว้ให้เด็กๆ , คนเฒ่าคนแก่ใช้งาน ไม่ต้องกลัวเสียดายเงินหากทำพังหรือทำหาย
เปิดกล่องออกมาก็จะได้พบกับตัวเครื่อง ZTE Blade A31 Plus โดยมีเคสใสมาให้พร้อมกันในกล่องเลย รวมไปถึงอแดปเตอร์และสายชาร์จแบบ USB Type B หรือที่เรียกกันว่า Micro USB นั่นแหละ นอกจากนี้ยังมีคู่มือและใบรับประกันมาในกล่อง ที่สะดุดตาก็คือมีแบตเตอรี่แยกออกมาในกล่อง ซึ่งหมายความว่า ZTE Blade A31 Plus สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง
ก่อนการใช้งานก็ต้องนำแบตเตอรี่มาใส่ก่อน การถอดฝาหลังก็ไม่ยาก แงะเปิดเบาๆก็ออก โดยแบตเตอรี่ที่ให้มานั้นมีความจุ 3,000 mAh ตัวเครื่องหลังจากที่เปิดฝาออกมา ตามภาพทางด้านขวาจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดที่สองและสามารถใส่ Micro SD Card ได้สูงสุด 128 GB
ZTE Blade A31 Plus มาพร้อมกับฝาหลังสีฟ้าสดใส สำหรับสเป็คตัวเครื่องมีรายละเอียดดังนี้
- ชิพประมวลผล Unisoc SC9863A Octa-core ((1.6GHz*4) + (1.2GHz*4))
- ระบบปฏิบัติการ Android R Go (V.11)
- ขนาดตัวเครื่อง 159.2 x 77.5 x 9.58 มม.
- หน้าจอแบบ IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 960 x 480 พิกเซล
- หน่วยความจำ 32GB / 2GB
- รองรับการ์ด Micro SD ความจุสูงสุด 128 GB
- ความจุแบตเตอรี่ 3000 mAh
- กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n
- Bluetooth 4.2
- มีวิทยุ FM ในตัว
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5
ในส่วนของกล้องหลัง ด้วยราคาเน้นประหยัด จึงให้กล้องมาตัวเดียว ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แต่มีระบบประมวลผลช่วยขยายความละเอียดภาพเป็น 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับใส่ระบบ AI มาให้ เพื่อช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพให้สวยงามมากขึ้น มีโหมดถ่ายภาพ Panorama , โหมด Pro , โหมด Burst สำหรับถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 30 ภาพต่อครั้ง และโหมดอื่นๆให้ใช้งานอีกหลากหลาย พร้อมกันนี้ยังสามารถถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดแบบ Full HD 30fps ส่วนกล้องหน้านั้นจะมีความละเอียดที่ 2 ล้านพิกเซล แต่ใช้ระบบประมวลผลช่วยขยายความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล โดยมี Beauty Mode ให้ใช้งานด้วย สามารถปรับหน้าเนียน ปรับตาโต ฯลฯ
จุดเด่นของ ZTE Blade A31 Plus มาพร้อมกันพอร์ตหูฟังแบบ 3.5 ซึ่งใช้งานได้สะดวก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในกล่องไม่มีหูฟังมาให้ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานวิทยุ FM ด้วย ซึ่งสามารถเปิดฟังคลื่นต่างๆได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องต่อสายหูฟังแต่อย่างใด เผื่อไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ตก็ยังมีวิทยุไว้ฟังแก้เหงา
ในส่วนของพอร์ตสำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่อต่างๆใช้พอร์ต Micro USB โดยตำแหน่งของพอร์ตดังกล่าวอยู่บริเวณด้านข้างตัวเครื่อง ตรงจุดนี้น่าเสียดายไปนิดนึง เพราะน่าจะทำเป็นพอร์ต USB-C มาให้ เพราะยุคนี้แล้ว พอร์ต USB-C น่าจะตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายกว่า ส่วนลำโพงก็มีตัวเดียวอยู่ด้านล่างเครื่องจุดเดียวกับไมโครโฟนเลย
ในส่วนของจอนั้นเป็นแบบ IPS ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้สว่างสดใสเหมือนพอวกจอ OLED แต่ก็เข้าใจได้ว่าด้วยราคาค่าตัวที่ไม่ถึงสองพันบาทแล้ว ต้นทุนเรื่องจอก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำราคาเหมือนกัน ส่วนการสัมผัสทำได้ลื่นไหลดี ไม่มีปัญหา และทำงานด้วยระบบ Android Go ที่ออกแบบมาให้ใช้งานกับสเปคเครื่องที่ไม่ได้แรงมากนักนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม การใช้งานโดยทั่วไปแล้วก็ถือว่าทำได้ดี เพราะสามารถใช้งานในแบบที่ไม่ซับซ้อนได้ เช่น เอาไว้เล่น LINE เปิดดู Youtube หรือจะเอาไว้ส่อง Facebook ก็ไม่มีปัญหา แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัด เพราะตัวเครื่องไม่มีเซ็นเซอร์ความปลอดภัย เช่น การสแกนลายนิ้วมือ หรือใบหน้า รวมถึงไม่มีเซ็นเซอร์ Gyroscope , เซ็นเซอร์วัดสภาพแสง รวมถึงเซ็นเซอร์อื่นๆ คือมีแค่เซ็นเซอร์ Accelerometer อย่างเดียว ซึ่งทำให้ไม่มีฟีเจอร์การใช้งานบางอย่าง เช่น ไม่สามารถหรี่แสงหน้าจอได้อัตโนมัติ เป็นต้น
แอพพลิเคชั่นที่ให้มากับเครื่องก็ครบๆ โดยเฉพาะในส่วนของแอพพลิเคชั่นของ Google เองที่ติดมากับตัวเครื่องเลย จะเข้าอินเตอร์เน็ต หรือใช้งานการนำทางด้วย Google Maps ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด หรือถ้าจะดาวน์โหลดเพิ่มก็มี Google Play Store ติดตั้งมาให้แล้ว เข้าไปดาวน์โหลด Tiktok , Facebook หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆได้เลย ซึ่งขอบอกว่าระหว่างการลองใช้งานทั่วไป ไม่พบอาการกระตุกหรือค้างแต่อย่างใด ถือว่าทำ ROM ออกมาได้ดีทีเดียว
เดี๋ยวไปดูในเรื่องของการเล่นเกมดูบ้างว่า ZTE Blade A31 Plus สามารถเล่นเกมได้หรือไม่ ตอบตรงนี้เลยว่าเล่นได้เป็นบางเกม ด้วยสเป็คเครื่องที่ไม่ได้เน้นแรงอะไร ดังนั้นก็จะไม่รองรับเกมระดับ AAA ที่ต้องใช้การประมวลผลกราฟิคสูงๆได้ แต่ถ้าเป็นเกมทั่วไปแล้วก็ยังพอไหวอยู่
และในส่วนของ Benchmark คะแนนจากการทดสอบของ PCMark ก็ได้คะแนนออกมาอยู่ในช่วง 4,000 กลางๆ ก็ตามสเป็คที่ให้มา เมื่อเทียบกับรุ่นเรือธงในตลาดคะแนนจะอยู่เกินหลักหมื่นคะแนนขึ้นไป
สรุปการใช้งานของ ZTE Blade A31 Plus
นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ราคาถูกที่สุดตัวหนึ่งที่เคยรีวิวมาก็ว่าได้ ถ้าถามถึงความคุ้มค่าก็ต้องบอกก่อนเลยว่า คุ้มค่ามากๆสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่เอาไว้ใช้งานแบบทั่วไป ไม่หวือหวา เพราะทุกอย่างที่ให้มาถือว่าพอใช้งานได้ตามคุณสมบัติที่สมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องจะทำได้ ทิ้งท้ายด้วยตัวอย่างภาพถ่ายจาก ZTE Blade A31 Plus ให้ดูกันว่าผลงานที่ได้ออกมาน่าสนใจแค่ไหน...
ภาพสุดท้ายลองใช้ฟิลเตอร์ปรับแต่งโทนภาพที่มีมาให้
สนใจสังซื้อ ZTE Blade A31 Plus ผ่านชองทางออนไลน์ได้ทาง