มาตามนัดครับสำหรับ Sony WF-1000XM5 หูฟังเอียร์บัดมี ANC รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกเรียกว่าเป็น "ก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ Sony เคยมีมาในด้านการตัดเสียงรบกวน" ที่โดดเด่นด้วยไมโครโฟนสามตัวบนเอียร์บัดแต่ละข้าง รวมถึงไมโครโฟนตอบรับคู่ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนด้วยความถี่ต่ำได้ดียิ่งขึ้น
Sony WF-1000XM5 เป็นหูฟังเอียร์บัดที่มีหน่วยประมวลผลแบบรวม V2 ใหม่ของ Sony ซึ่งช่วย "ปลดล็อกศักยภาพของโปรเซสเซอร์ตัดเสียงรบกวน HD QN2e" ให้ดียิ่งขึ้น โดยชิปเหล่านี้จะควบคุมไมโครโฟนผ่านหูทั้งสองข้างเพื่อมอบคุณภาพการตัดเสียงรบกวนที่ไม่เคยมีมาก่อน และสามารถปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงรอบตัวผู้ฟังได้
นอกจากนี้ทางด้านเสียงความถี่ต่ำจะสร้างเสียงได้ดีกว่า WF-1000XM4 ด้วย Dynamic Driver X ใหม่ ซึ่งช่วยให้สร้างเสียงความถี่กว้างและเสียงร้องที่ชัดเจน ในขณะที่การขจัดเสียงรบกวนมีวัสดุโฟมโพลียูรีเทนที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนในช่วงความถี่สูง
WF-1000XM5 ยังรองรับเสียงความละเอียดสูงแบบไร้สายผ่านตัวแปลงสัญญาณ LDAC รวมถึง DSEE Extreme เพื่อเพิ่มสเกลเพลงที่บีบอัดในแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังรองรับระบบเสียง 360 Reality Audio พร้อมด้วยการติดตามศีรษะ แถมยังรองรับการเล่นเกม AR เช่น Ingress จาก Niantic ที่ได้รับการสนับสนุนสำหรับเสียงที่สมจริงโดยใช้เซ็นเซอร์ใหม่และเทคโนโลยีเสียงเชิงพื้นที่ด้วย
Sony สัญญาว่าจะให้คุณภาพการโทรที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนหูฟังประเภทนี้ด้วยอัลกอริธึมการลดสัญญาณรบกวนที่ใช้ AI ซึ่งอิงตามการประมวลผล Deep Neural Network (DNN) และเซ็นเซอร์การนำกระดูก ช่วยให้เสียงของผู้ใช้ชัดเจนและเป็นธรรมชาติแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง และมีโครงสร้างลดเสียงลม
ด้านการออกแบบ WF-1000XM5 มีขนาดเล็กกว่า WF-1000XM4 รุ่นก่อนหน้าถึง 25% และมีน้ำหนักเบากว่า WF-1000XM4 ถึง 20% โดยได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความสบาย มีรูปทรงจำลองตามหูของมนุษย์ Sony รับประกันการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ช่วยให้สวมใส่ได้พอดีและมั่นคง
นอกจากนี้ยังรองรับการแจ้งเตือนด้วยเสียง เช่นเดียวกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับ Spotify, Endel และ Apple Music เพื่อเข้าถึงเพลงโปรดและเสียงที่ผ่อนคลาย และยังสามารถตั้งค่าให้เล่นอัตโนมัติได้เมื่อคุณใส่เอียร์บัด รองรับฟีเจอร์ Adaptive Sound Control และ Speak-to-chat และรองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันครับ
Sony WF-1000XM5 รองรับการใช้งานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงไม่รวมเคส และการชาร์จเพียง 3 นาที จะฟังเพลงต่อได้อีก 1 ชั่วโมง อุปกรณ์ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สาย และป้องกันน้ำกระเซ็น IPX4 ส่วนทางด้านราคาเปิดตัวที่ 299 USD มีให้เลือกสีดำและสีเงิน และจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไปครับ
source: gsmarena