สวัสดีครับและแล้วเราก็มาพบกันอีกครั้ง วันนี้ TechXcite มารีวิว ASUS Zenbook S 13 OLED ที่บอกได้ว่าแรกพบที่ทางเราได้สัมผัสมันน่าทึ่งมาก เบาบางแบบจะบางไปไหน จากที่เคยได้รีวิวมาตัวนี้น่าจะบางที่สุดที่ได้เคยเห็นแล้วครับ
ASUS Zenbook S 13 OLED เบื้องต้นนั้น เป็นโน้ตบุ๊คที่มีความบางเบาและสวยงามเป็นพิเศษออกแนวๆไปทางสไตล์มินิมอล พร้อมจอแสดงผล OLED ที่มีความคมชัดสูงสีสันที่สดใส ในราคาที่ไม่มาไม่น้อยจนเกินไปในความเรียบหรูที่ให้มาขนาดนี้ ซีพียูที่ใช้จะเป็น Intel Core i7-1355U รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมกราฟิก Intel Iris Xe และหน่วยความจำ 32 GB
ตามปกติที่เรารีวิวประจำอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะประกอบไปด้วย
1.ตัวเครื่อง ASUS Zenbook S 13 OLED
2.สายชาร์จและคู่มือ
3.ตัวซองใส่เครื่อง (คิดดูว่าบางถึงขนาดใส่ซองได้)
ดีไซน์ภายนอกนั้นดูเป็นแล็ปท็อปที่โฉบเฉี่ยวและมีสไตล์อย่างชัดเจน ผลิตจากส่วนผสมของอลูมิเนียมและแมกนีเซียมอัลลอยด์เป็นพลาสมาเซรามิก อลูมิเนียม ให้ผิวสัมผัสเสมือนหินธรรมชาติ และทัชแพดกระจกแม้แต่กรอบยังเป็นโลหะ ซึ่งทำให้ทั้งทนทานและน้ำหนักเบา แล็ปท็อปมีความหนาเพียง 0.6 นิ้ว และหนักเพียง 2.8 ปอนด์ (1.2 กิโลกรัม)
ใน ASUS Zenbook S 13 OLED มีการปรับเครื่องของการระบายความร้อนมา เป็นพัดลมสองตัวด้านหลังให้การไหลเวียนของอากาศมากขึ้น และข้างหน้าอีกหนึ่งตัว เมื่อเปิดหน้าจอขึ้นถึงจะเห็น นี้ก็แสดงได้ว่า ASUS คงอยากให้มันบางแต่ยังคงระบายความร้อนได้ดีอยู่
แน่นอนว่าโลหะที่ทำการเคลือบมาอาจไม่ให้ความรู้สึกพรีเมียมเท่ากับชิ้นอะลูมิเนียมเพียวๆ เหมือน MacBook แต่การใช้งานจริงมันดันดีมากกว่า มีแรงต้านนิ้วที่ดีกว่าทำให้เวลาจับมันลื่นยากกว่า และขอบมุมที่ดูเป็นมนสวยมากกว่า
ด้วยความที่เป็นอะลูมิเนียมแล้วพื้นผิวสัมผัสเหมือนหินยิ่งทำให้ตัวเครื่องภายนอกมันเหมือนซ่อนรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดีเลย เห็นแบบนี้ได้รับรางวัล Red Dot Product Design Award ด้วย
ในเรื่องของหน้าจอก็เป็นพระเอกเหมือนกัน เพราะเป็นจอแสดงผลคุณภาพสูงมีแผง OLED ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880x1800) อัตราส่วนภาพ 16:10 และเวลาตอบสนอง 0.2 ms จอแสดงผลยังครอบคลุมช่วงสี DCI-P3 100% และมีความสว่างสูงสุด 550 nits เห็นจอบางขนาดนี้ยังสามารถฝังกล้อง FHD IR ลงไปได้ด้วย ทำให้จะดูภาพยนตร์ ตัดต่อรูปภาพ หรือเล่นเกมก็ยังไม่มีปัญหาในเรื่องของหน้าจอ เกือบลืมบอกว่ารองรับ HDR ด้วยนะ แต่ไม่รองรับการสัมผัสหน้าจอนะครับ
มาต่อในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อ แม้ว่า Zenbook S 13 OLED จะมีขนาดที่บางมากๆ แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับพอร์ตเชื่อมต่อที่มีครบตามที่คุณต้องการ ประกอบไปด้วย Thunderbolt 4 USB-C สองพอร์ต พร้อมรองรับการชาร์จเร็วและต่อจอเสริม 4K ได้ มีการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 40 Gbps และแจ็ค 3.5 , USB 3.2 , HDMI 2.1 ก็ยังคงมีให้มาอยู่
พอเปิดออกมาจะรู้สึกได้เลยว่าบานพับมีความแข็งแรงแต่ก็ยังจะยกหรือพับด้วยมือเดียวได้ สามารถเอนจอแสดงผลไปในแนวราบได้ถึง 180 องศา ไฟจากคีย์บอร์ดอาจไม่ได้สว่างหวือหวาขนาดนั้นเป็น LED สีขาวและระดับความสว่างสามระดับให้เลือกแต่เอาจริงก็สว่างเพียงพอแล้ว นี่เป็นจุดเด่นที่ ZenBooks ทำได้ดีเสมอมาจริงๆ ตัวอักษรห่างกันกำลังดี เอียงตามหลักสรีรศาสตร์ รู้สึกว่าคีย์บอร์ดตอบสนองไวในขณะที่ต้องกดลึกลงไป
ทัชแพดมีความสูงกว่า S13 รุ่นก่อนหน้าเล็กน้อยทำให้เวลาจะกดลงไปต้องกดลึกนิดนึง แต่ให้มาขนาดใหญ่มาก เลื่อนมันเลยทีเดียว
สำหรับระบบไบโอเมตริก ตอนนี้ไม่มีเซ็นเซอร์นิ้วในปุ่มเปิดปิดอีกต่อไป แต่มีกล้องที่รองรับ IR ที่ด้านบนของจอแสดงผลแทน พร้อมเซ็นเซอร์ 2 MPX และเซ็นเซอร์ ALS/CLS
มาในส่วนของฮาร์ดแวร์และประสิทธิภาพการใช้งานกัน
- CPU Intel Core i7-1355U
- Display OLED, 13.3”, resolution 2880×1800 pixels, aspect ratio 16:10, frequency 60 Hz
- RAM 16 GB LPDDR5 – 5200 MHz
- Drive 1 TB PCIe 4.0 NVMe M.2 SSD
- GPU Intel Iris Xe
- Wireless modules Wi-Fi 6E + Bluetooth 5.2
- Camera Full HD-camera
- Battery and charging 63 Wh, 65 W
ASUS ZenBook S 13 OLED เป็นแล็ปท็อปที่ค่อนข้างสเปกเหลือเฟือซึ่งเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา มืออาชีพก็ใช้ได้ และสายคอนเทนต์ก็ไม่แย่ เพราะมาด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core i7 เจนเนอเรชั่น 13 Evo เป็นการออกแบบแบบไฮบริดที่มีคอร์ประสิทธิภาพ 2 คอร์และคอร์ประหยัดพลังงาน 8 คอร์ รวมถึง 12 เธรดรวมกัน และจับคู่กับกราฟิก Intel Iris Xe หน่วยความจำ LPDDR5-5200 ขนาด 16 GB และ SSD 1 TB
ตัวเครื่องเวลาใช้งานไม่ได้ร้อนอะไรมากมาย มีระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างสมบูรณ์ อุณหภูมิของโปรเซสเซอร์จะอยู่ที่ระดับ 74 องศาเซลเซียสโดยเฉลี่ย ในขณะที่ตัวแล็ปท็อปแทบจะไม่อุ่นเลย แถมเสียงพัดลมก็ไม่ค่อยดังมากนะในโหมด Performance แต่ถ้าจะให้เงียบเลยก็ไป Standard เลยดีกว่าเพราะเกือบไม่ได้ยินเสียงเลยด้วย
มาในส่วนของแบตเตอรี่ 63 Wh ใช้งานได้นานจริงอันนี้ซึ่งค่อนข้างใหญ่สำหรับแล็ปท็อปที่มีขนาดเท่านี้ ในการทดสอบแบตเตอรี่ของ Zenbook S 13 OLED ใช้งานได้ประมาณ 11 ชั่วโมง 15 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นผลลัพธ์เป็นที่ค่อนข้างน่าพอใจ อย่างที่บอกว่าตัวนี้เขารองรับการชาร์จเร็ว ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ถึง 50% ในเวลาเพียง 30 นาที
กล้องหน้ามีทั้งกล้องปกติกับกล้องอินฟราเรด FHD (IR) ที่ช่วยให้เราเอาไว้ปลดล็อกหน้าจอ ในส่วนของประสิทธิภาพกล้องในสภาวะแสงปกติ กล้องเว็บแคมของ ASUS Zenbook S 13 OLED ให้ภาพที่คมชัดและสมจริง สามารถเห็นรายละเอียดของใบหน้าและผมได้ชัดเจน สีของผิวหนังและเสื้อผ้าไม่ถูกเพี้ยนไปจากสีจริง เสียงที่ถ่ายทอดผ่านไมโครโฟนก็ชัดเจนและไม่มีสัญญาณรบกวน
ในสภาวะแสงน้อย กล้องเว็บแคมของ ASUS Zenbook S 13 OLED ยังคงให้ภาพที่คมชัดได้ดี ไม่พบปัญหาเรื่อง noise หรือ grainy เหมือนกับโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แถมทดสอบใช้ฟังก์ชัน IR camera เพื่อปลดล็อคด้วยใบหน้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ในสภาวะแสงจ้า เช่นการใช้โน้ตบุ๊คใต้แสงแดด กล้องเว็บแคมของ ASUS Zenbook S 13 OLED จะมีปัญหาเรื่อง glare หรือการสะท้อนแสงที่ทำให้ภาพไม่ชัดเจน ทำให้จำเป็นต้องปรับมุมการถ่ายภาพหรือการปิดผ้าม่าน เพื่อลดปัญหาการสะท้อนแสง
โดยรวมแล้วในการทำงานของกล้องเว็บแคมของ ASUS Zenbook S 13 OLED ดีพอได้เลย เพราะมันให้ภาพที่คมชัดและสมจริงในสภาวะแสงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมผ่าน Zoom, Skype, Google Meet หรือการถ่าย Live Stream
ลำโพงของ ASUS Zenbook S 13 OLED (UX5304) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของแล็ปท็อปรุ่นนี้ เพราะมีการใช้เทคโนโลยี Smart Amp และ harman/kardon เพื่อให้เสียงที่ดังและชัด เหมาะสำหรับการฟังเพลง ดูหนัง หรือการประชุมออนไลน์
ตามผลทดสอบพบว่าลำโพงของ ASUS Zenbook S 13 OLED (UX5304) มีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าแล็ปท็อปในระดับเดียวกัน เสียงไม่แตกหรือซ้ำ เมื่อปรับระดับเสียงสูงสุด เสียงกลางและเสียงสูงมีความชัดเจนและสมดุล เสียงเบสไม่หนักเกินไป แต่ก็ไม่จืดจาง
แต่ด้วยข้อจำกัดของขนาดและการออกแบบทำให้เสียงไม่ได้มีความกว้างและลึกเหมือนกับลำโพงที่ใช้ไดร์เวอร์หลายตัว แต่ถ้าเทียบในรุ่นไล่ๆกันถือว่าดีกว่ารุ่นที่ราคาเท่าๆกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั้นก็คือโปรแกรม My ASUS ที่เอาไว้ปรับแต่ง ASUS Zenbook S 13 OLED ได้ตามต้องการเลยไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโหมดการทำงาน เลือกโหมดการแสดงผล OLED เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น เช็คสถานะแบตเตอรี่ หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ เรียกว่ามีอะไรเข้าโปรแกรมนี้เลยมีเกือบครบ
ผลทดสอบประสิทธิภาพ
ผลทดสอบแบตเตอรี่
จากภาพจะเห็นได้ว่า PCIe 4.0 NVMe M.2 SSD จาก Samsung ที่มีความจุ 1 TB นี่ถือว่าเป็นไดรฟ์ที่เร็วมากด้วยความเร็วในการอ่าน 7085 MB/s และความเร็วในการเขียน 5227 MB/s
โดยรวมแล้ว Zenbook S 13 OLED ทำได้เกินความคาดหมายในแง่ของประสิทธิภาพ และในการทดสอบ PCMark 10 แล็ปท็อปได้คะแนนไปกว่า 5804 เมื่อทำงานขณะการชาร์จ
สรุปโดยรวมแล้ว ASUS Zenbook S 13 OLED เหมาะกับใครคุ้มไหม?
ASUS Zenbook S 13 OLED เป็นโน้ตบุ๊คที่มีความบางเบาเหมาะสำหรับสายพกไปไหนมาไหน ตัวเครื่องก็สวยดูทันสมัย มีพอร์ตเชื่อมต่อเยอะสะดวกสบาย มาพร้อมจอแสดงผล OLED ที่มีความคมชัดสูงหน้าจอสัมผัสไม่ได้แต่เคลือบกันแสงสะท้อนให้สีสันที่สดใสและความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการดูหนัง หรือทำงานที่ต้องการความคมชัดสูง หากเน้นไปที่การประมวลผลก็ทำได้ดีเพราะ เป็นซีพียูแบบ Evo Platform ที่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E ได้เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานได้ดีขึ้น และท้ายสุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 63 Whr ที่ใช้งานได้นานกว่า 11 ชั่วโมงแถมรองรับชาร์จเร็ว ในราคา 49,990 บาท หากใครที่สายทำงานข้างนอกต้องการไปไหนมาไหนคุ้มครับ
สำหรับใครที่สนใจเจ้า ASUS Zenbook S 13 OLED หลังจากที่ได้อ่านการรีวิวของเราแล้วก็สามารถไปซื้อได้ที่ Shopee หรือ LAZADA ได้เลย!