สำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่เหมาะกับการเน้นเล่นเกมเป็นหลักแล้ว ในตลาดก็มีอยู่หลากหลายแบรนด์ให้เลือก แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์ ASUS แล้ว ต้องบอกว่านี่คือผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนเกมมิ่งมาอย่างยาวนาน และล่าสุด TechXcite ก็ได้มีโอกาสลองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง ASUS ROG Phone 7 ซึ่งขอบอกไว้เลยว่าตัวนี้เป็นสมาร์ทโฟนสายเกมตัวแรงแห่งยุค ที่สุดแห่งความเร็วแรง
ทำไมถึงบอกว่าเร็วแรง ก็เพราะว่า ASUS ROG Phone 7 มาพร้อมกับสเปคตัวเครื่องที่จัดเต็มสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งรายละเอียดของสเปคก็มีดังนี้
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 - 3.2 Ghz
- GPU Qualcomm Adreno 740
- หน้าจอจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว 165Hz ความละเอียด 2448 x 1080
- ROM แบบ UFS4.0 ความจุ 512GB
- RAM แบบ LPDDR5X ความจุ 16GB
- กล้องหลังสามตัวได้แก่ กล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX766 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล , กล้อง Ultra Wide 13 ล้านพิกเซลและกล้องมาโคร 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล (ประมวลผล Pixel binning ออกมาเป็น 8 ล้านพิกเซล)
- รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด 8K 24 fps พร้อมระบบกันสั่นแบบอเล็คทรอนิกส์
- ลำโพงคู่ด้านหน้าตัวเครื่อง รองรับ Dirac HD
- ไมโครโฟนแบบตัดเสียงรบกวน 3 ตัว
- รองรับสองซิมการ์ดในการใช้งาน 5G
- ระบบสแกนนิ้วบนหน้าจอ
- ระบบตรวจจับใบหน้า
- เซ็นเซอร์ Accelerator, E-Compass, Proximity, Ambient Light Sensor, Gyro, Hall Sensor, AirTrigger
- แบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh รอวรับการชาร์จเร็ว 65W
- ระบบปฏิบัติการ Android 13
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP54
- ขนาดตัวเครื่อง 172.83 x 77.25 x 10.48 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 239 กรัม
- สีตัวเครื่อง - Blcak , Storm White
แกะกล่องตัวเครื่องมาดูกันเลยดีกว่า สำหรับ ASUS ROG Phone 7 ตัวนี้มาพร้อมกับกล่องสีดำ มีโลโก้ ROG Fearless Eye อันเป็นเอกลักษณ์ โดยตัวเครื่องที่นำมารีวิวครั้งนี้เป็นสีดำ ดูดุดันน่าใช้มากๆ
ภายในกล่องก็จะมีตัวเครื่องพร้อมกับให้เคสแบบ Bumper เซาะร่องมาให้ พร้อมกับมีสายชาร์จแบบ USB Type-C ที่เป็นสายถักอย่างดีใช้งานได้ทนทานแน่นอน และอแดปเตอร์ที่ให้มาก็รองรับเทคโนโลยีการชาร์จไว 65W ROG Hyper Charge ส่วนเข็มจิ้มถาดซิมเป็นดีไซน์เฉพาะของทาง ASUS ROG Phone 7 และเอกสารคู่มือการใช้งานมาให้
ในส่วนของดีไซน์ฝาหลัง ASUS Phone 7 นั้น มีความโดดเด่นตั้งแต่โลโก้ ROG Fearless Eye ที่เป็นไฟ Aura RGB 16.77 ล้านสี สามารปรับเปลี่ยนสีได้โดยมี Preset ให้เลือกปรับแต่ง เวลาจับถือแล้วดูมีความเป็นเกมเมอร์ขึ้นมาทันที แถมยังมีแถบไฟสวยๆอยู่ตรงด้านข้าง สำหรับตัวฝากหลังยังมีการดีไซน์เป็นแบบ 2Tone ตามด้วยการวางตำแหน่งกล้องสามตัวไว้ด้านบนสุดของตัวเครื่อง
เมื่อจับใส่เคสที่ให้มาในกล่องก็จะปิดทับตัวเครื่อง เว้นตำแหน่งไว้ตรงในส่วนของโลโก้ แถบไฟ และกล้อง เอาไว้โชว์ไฟสวยๆตอนเล่นเกมได้ โดยเคสที่แถมมาให้นี้จะไม่ได้ปิดครอบตัวเครื่องทั้งหมด เลยดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยปกป้องตัวเครื่องสักเท่าไรนัก
ในส่วนของไฟ RGB ด้านหลังตัวเครื่องนั้น ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าการแสดงสีสันได้เอง โดยผ่านแอพฯในตัวเครื่องที่ชื่อ Armoury Crate หรือหากไม่ต้องการให้โชว์ไฟก็สามารถปิดได้ ซึ่งการแสดงผลของไฟด้านหลังตรงนี้ก็ไม่ใช่แค่สวยงามอย่างเดียว แต่สามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการให้โชว์ไฟเป็นสีอะไร เพื่อแจ้งสถานะการทำงาน เช่น เปลี่ยนสีไฟตามโหมดการใช้งาน เป็นต้น
ด้านข้างตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง และไมโครโฟน รวมไปถึงปุ่มสำหรับเปิด-ปิดเครื่อง และบริเวณขอบทั้งสองด้านของตัวเครื่องมี AirTrigger ซึ่งก็คือปุ่มสัมผัสแบบ Ultrasonic ที่ช่วยในการควบคุมสำหรับการเล่นเกม โดยสามารถปรับการใช้งานได้ตามความต้องการมากถึง 9 แบบ ใครที่เป็นสายเกมน่าจะชอบเพราะมีไว้ให้ใช้เล่นเกมได้อย่างสะดวก
ลองดูกันชัดๆตรงส่วนของ AirTrigger จะสังเกตเห็นว่ามีการทำเป็นลวดลายตัวอักษร ROG ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานของ AirTrigger จะปรับรูปแบบได้ตามความถนัด หรือปรับตามรูปแบบเกมที่เล่นก็ได้ เป็นเสมือนการเพิ่มปุ่มควมคุบขึ้นมาโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ ทำให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น ถนัดขึ้น
ส่วนของโมดูลกล้องนั้น วางตำแหน่งเรียงกันสามตัวด้วยกัน ซึ่งกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซลจะมีวงแหวนสีแดงล้อมรอบไว้ และมีกล้อง Ultra Wide และกล้อง Macro ให้ใช้งานด้วย รวมถึงมีไฟแฟลชวางไว้อยู่ในชุดโมดูลกล้องเรียงกันตามภาพที่เห็น
ส่วนอีกด้านของตัวเครื่องนั้นถือว่าออกแบบมาพิเศษเลยก็ว่าได้ เพราะมีช่องเสียบสาย USB Type-C ให้ใช้งาน เวลาเล่นเกมแล้วต้องการชาร์แบตเตอรี่ไปด้วย ก็จะไม่เกะกะสายอีกต่อไป ซึ่งลักษณะการออกแบบนี้มีมานานแล้ว และเป็นที่ถูกใจของคนที่ชอบเล่นเกมมากๆ รวมถึงมีขั้วสัมผัสเพื่อเอาไว้ใช้งานกับอุปกรณ์เสริมที่ชื่อว่า Aero Active Cooler ที่เป็นพัดลมระบายความร้อนหลังตัวเครื่องนั่นเอง แต่อุปกรณ์เสริมที่ว่าไม่ได้มีแถมมาให้กับตัวเครื่องนะ ต้องซื้อเพิ่มแยกเอง
และด้านล่างของตัวเครื่องก็มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมสำหรับสายเล่นเกมที่ต้องการเสียบใช้งานหูฟังดีๆสำหรับการเล่นเกม รวมถึงการวางตำแหน่งของพอร์ต USB Type-C ที่อยู่ด้านข้าง เวลาใช้งานเสียบสายเข้ากับตัวเครื่องตรงจุดนี้ก็ยังสามารถทำให้จับตัวเครื่องในแนวนอนสำหรับเล่นเกมได้ถนัดมากกว่าตำแหน่งตรงกลางเครื่อง รวมถึงมีไมโครโฟน และถาดซิมที่อยู่ด้านข้างเป็นสีแดงสะดุดตา
หน้าจอของ ASUS ROG Phone 7 มีการเว้นส่วนของหน้าจอเอาไว้ด้านบนและล่างเพื่อให้สามารถจับถือเครื่องในแนวนอนสำหรับการเล่นเกมได้อย่างถนัด ไม่ไปรบกวนการสัมผัสหรือบังหน้าจอนั่นเอง โดยจอเป็น AMOLED Corning Gorilla Glass Victus ที่มีตวามแข็งแกร่งทนทานต่อรอยขูดขีด และยังให้สีสันที่สมจริงด้วย จากการใช้งานจริงก็พบว่าจอของ ASUS ROG Phone 7 คือให้สีสันที่สดใส สู้แดดได้ดี และมีอัตรารีเฟรชหน้าจอที่สูงถึง 165Hz ทำให้เวลาดูวีดีโอหรือเล่นเกมแล้ว ภาพลื่นไหลมากๆ รวมถึง Touch Sampling Rate ที่ 720Hz ทำให้ตอบสนองการสัมผัสที่รวดเร็ว มี Touch Latency ต่ำที่สุดเพียง 23 มิลลิวินาที
ระบบการทำงานของ ASUS ROG Phone 7 นั้น มีโหมดการทำงานที่เป็นทั้งแบบเร่งประสิทธิภาพของตัวเครื่อง เพื่อใช้งานขณะเล่นเกมได้อย่างไหลลื่นเรียกว่า X Mode ซึ่งเครื่องจะทำการรีดศักยภาพของทุกๆฮาร์ดแวร์ในตัวเครื่องออกมา หรือจะเป็นโหมดการทำงานแบบ Dynamic ซึ่งเป็นโหมดสำหรับการใช้งานทั่วไป และจะปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของตัวเครื่องให้เหมาะกับการใช้งานขณะนั้น ส่วนโหมดสุดท้ายที่ชื่อว่า Ultra Durable จะเน้นประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ให้อยู่ได้นาน โดยจะลดการทำงานในส่วนอื่นๆของตัวเครื่องเพื่อประหยัดพลังงานนั่นเอง ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดโหมดการทำงานได้ผ่านแอพฯที่ชื่อว่า Armoury Crate นั่นเอง
และด้วยการใช้งานชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ที่ได้ชื่อว่าเป็นชิปประมวลผลที่เร็วและแรงที่สุดในตอนนี้ ทำให้ ASUS ROG Phone 7 สามารถตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล บวกกับการประหยัดพลังงานและลดปัญหาเรื่องความร้อนได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อน ซึ่งจากการใช้จริงก็พบว่า ASUS ROG Phone 7 ร้อนน้อยลง และเมื่อเข้าสู่การเล่นเกม เราสามารถตั้งค่าเพื่อปิดการแจ้งเตือน รวมถึงสายเรียกเข้าได้ด้วย ป้องกันการหลุดออกจากเกม หรือถูกรบกวนขณะเล่นเกม
และอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เครื่องร้อนน้อยลงไม่ใช่แค่ชิปประมวลผลรุ่นใหม่นี้เท่านั้น เพราะตัวเครื่องเองก็ได้มีการออกแบบมาเพื่อให้ระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย โดย ASUS ROG Phone 7 มีระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่ชื่อว่า GameCool 7 ซึ่งอาศัยการกระจายความร้อนจาก CPU ที่อยู่ตรงกลางเครื่องไปยังชิ้นส่วน Vapor Chamber
นอกจากนี้ยังมีการวางตำแหน่งของแบตเตอรี่แยกออกจากกันเป็นสองชิ้น ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะให้ความจุแบตเตอรี่ที่สูงถึง 6,000 mAh แล้วยังสามารถลดความร้อนที่เกิดจากตัวแบตเตอรี่ได้เพราะสามารถที่จะถ่ายเทความร้อนไปยัง Vapor Chamber ได้ดีกว่าการรวมแบตเตอรี่เป็นชิ้นเดียว และทาง ASUS เอง ยังได้ใส่ระบบ Smart bypass เพื่อให้ตัวเครื่องสามารถเสียบสายชาร์จโดยไม่ต้องผ่านแบตเตอรี่ขณะเล่นเกมโดยอัตโนมัติ เป็นการลดความร้อนและลดการเสื่อมของแบตเตอรี่ หรือจะปรับเป็น Bypass charging ให้ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่เลยก็ได้
ในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งาน ก็ต้องขอเอ่ยชมเลยว่า ASUS ROG Phone 7 เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรงที่อัดสเปคแน่นๆมาให้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่การเน้นเล่นเกมเท่านั้น แต่ทางด้านมัลติมีเดียเองก็ทำงานได้ดีไม่แพ้กัน ทั้งในส่วนของหน้าจอที่สีสันสดใสด้วยมาตฐานความเที่ยงตรง Delta-E < 1 และที่ชอบมากๆก็คือเรื่องระบบเสียงที่ให้มา ปกติแล้วลำโพงของสมาร์ทโฟนทั่วไป มักจะเสียงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เนื่องจากมีขนาดเล็ก แต่สำหรับ ASUS ROG Phone 7 ตัวนี้ เรื่องของเสียงที่ออกมานั้นดีจริงๆ ให้เสียงที่ดังแต่คมชัด ใช้ดูหนังฟังเพลงและเล่นเกมได้อรรถรสมากๆ เพราะมี Built in Subwoofer มาให้
ส่วนการทดสอบด้วย Antutu Benchmark ได้คะแนนสูงลิบลิ่วทะลุ 1.6 ล้านคะแนนแบบสบายๆ เพราะทั้งชิปประมวลผล บวกกับ GPU ตัวแรง และหน่วยความจำที่ใช้ ROM แบบ UFS 4.0 และ RAM แบบ LPDDR5X ทำให้ช่วยในเรื่องการประมวลผลต่างๆได้รวดเร็ว แบตเตอรี่ที่มีความจุเยอะ สามารถใช้งานเล่นเกมได้อย่างยาวนาน นอกจากนี้ด้วยความเป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่ง จึงมีการใส่ฟีเจอร์ที่เน้นการเล่นเกมเป็นหลักมาให้อีกมากมายด้วย ทั้งระบบสั่นขณะเล่นเกมเพิ่มความสมจริง หรือระบบคีย์ลัด และตั้งค่ามาโคร เป็นต้น
และสุดท้ายก็คือเรื่องกล้องนั่นเอง สำหรับกล้องหน้าของ ROG Phone 7 จะมีความละเอียดของเซ็นเซอร์ที่ 32 ล้านพิกเซล แต่ภาพจริงที่ออกมาจะถูกย่อลงเหลือ 8 ล้านพิกเซล เพื่อความคมชัดและได้คุณภาพของไฟล์ที่ดีขึ้น แต่ความละเอียดของภาพจะลดลงนั่นเอง โดยกล้องหน้าที่ให้มามีโหมดปรับหน้าชัดหลังเบลอด้วย และแน่นอนว่ามีโหมด Beauty มาตรฐานสำหรับทำหน้าเนียนมาให้
ส่วนกล้องหลังนั้น จะมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมด Portrait ทำหน้าชัดหลังเบลอได้ รวมถึงการถ่ายภาพ Panorama , มีโหมด Light Trail สำหรับการถ่ายภาพแสงไฟยามค่ำคืน หรือการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูง 8K 24p ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของ ASUS ROG Phone 7 ซึ่งจากการใช้งานจริงก็พบว่ากล้องของ ASUS ROG Phone 7 เองนั้นอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังสู้กับพวกกลุ่มสมาร์ทโฟนที่เน้นเรื่องกล้องเป็นหลักไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้เน้นเรื่องการถ่ายภาพ แต่จะไปเน้นเรื่องการเล่นเกมมากกว่านั่นเอง
สรุปการใช้งาน ASUS ROG Phone 7 และราคาวางจำหน่าย
จุดเด่น
- สเปคแรง
- จอสวย
- เสียงดี
- แบตเตอรี่อึด
- จัดการความร้อนได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม
จุดสังเกต
- กล้องยังสู้รุ่นอื่นๆในตลาดไม่ได้ในระกับราคาเดียวกัน
ASUS ROG Phone 7 นับว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เน้นจุดขายเรื่องความเร็ว แรง ในกลุ่มผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนเกมมิ่ง โดยอัดสเปคตัวเครื่องมาแบบจัดเต็ม และตอนนี้ก็ได้เปิดราคาวางจำหน่ายออกมาแล้วสำหรับ ASUS ROG Phone 7 ในราคา 34,900 บาท (มีให้เลือกสองสีคือ Phantom Black และ Storm White) ความจุ 16/512GB
และอีกหนึ่งรุ่นเป็นรุ่นใหญ่ ROG Phone 7 Ultimate ที่มาพร้อมจอแสดงผล ROG Vision ที่ฝาหลัง และมี AeroActive Cooler 7 มาให้ด้วย มีให้เลือกสองสีคือ Phantom Black และ Storm White) ความจุ 16/512GB ในราคา 42,990 บาท
ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจรายเดือนกับ AIS 5G ROG Phone 7 ราคาเริ่มต้นที่ 29,490.-* และ ROG Phone 7 Ultimate ราคาเริ่มต้นที่ 37,490.-* ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมมา AIS รายเดือน ลดเพิ่มอีก 1,000 บาท!* *เงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด AIS website: https://m.ais.co.th/GAHGQrzHP Early Bird Promotion พิเศษ! เมื่อซื้อ ROG Phone 7 รุ่นใดก็ได้ ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. - 18 ก.ค. 66 รับฟรีชุดหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ROG Strix Go 2.4 มูลค่า 3,390 บาท ลงทะเบียนรับของแถมได้ที่: https://th.rog.gg/t2ve0Q ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม ROG Phone 7 : https://th.rog.gg/sG9u1r ROG Phone 7 Ultimate : https://th.rog.gg/22l2G3