ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไม่ต้องสงสัยเลยว่า Tesla เป็นเจ้าของส่วนแบ่งการเติบโตนี้อย่างมาก บริษัทยืนหยัดในฐานะผู้นำทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมที่เข้าก่อนคู่แข่งทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พบว่าบริษัทมียอดขายเป็นอันดับสอง รองจาก BYD ผู้ผลิตสัญชาติจีน สาเหตุก็เนื่องมาจากด้านการผลิตและราคาที่ถูกกว่าซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสองประการ
แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า Tesla จะเจอปัญหาใหญ่ครับ จนต้องเรียกคืนรถยนต์กว่า 1.1 ล้านคันในประเทศจีน คำสั่งนี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นกับยานพาหนะ ตามรายงานของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐ (SAMR)
ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม เทสลาจะเริ่มเรียกคืนรถยนต์จำนวน 1,104,622 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ผลิตระหว่างวันที่ 12 มกราคม 2019 ถึง 24 เมษายน 2023 และที่น่าสนใจคือ ตัวเลขนี้เกือบเท่ากับจำนวนรถยนต์ที่ Tesla ขายในจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา จากการคำนวณของ CNN จากข้อมูลของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน เทสลาขายรถยนต์ได้ประมาณ 1.09 ล้านคันในจีนตั้งแต่ปี 2019 จนถึงมีนาคม 2023
การเรียกคืนจะรวมรถยนต์หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Model S, Model X, Model 3 ที่นำเข้า ตลอดจน Model 3 และ Model 6 ที่ผลิตในจีน หน่วยงานกำกับดูแลได้เน้นย้ำถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นซึ่งผู้ขับขี่ที่อาจเผลอกดคันเร่งนานเกินไป ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการชนและก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัย
ในการตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ Tesla ระบุว่ามีแผนจะทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นหรือเพิ่มคุณสมบัติการแจ้งเตือนใหม่ให้กับรถยนต์ที่ถูกเรียกคืนเพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม Tesla ได้เรียกคืนรถยนต์ Model S นำเข้ากว่า 2,600 คันในจีนแล้ว ตามรายงานของ SAMR รถเหล่านี้มีปัญหาที่ตัวถังอาจเปิดออกโดยไม่คาดคิดขณะเคลื่อนที่ ซึ่งสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้ที่อยู่ในยานพาหนะใกล้เคียง
โรงงานในเซี่ยงไฮ้ของเทสลา ซึ่งรองรับตลาดส่วนใหญ่นอกอเมริกาเหนือ ยังคงอยู่ในภาวะไม่แน่นอน ยังไม่ชัดเจนว่ารถยนต์ที่ขายนอกประเทศจีนจากโรงงานแห่งนี้จะถูกเรียกคืนด้วยหรือไม่ นี่เป็นการเพิ่มระดับความซับซ้อนอีกขั้นให้กับเทสลา เนื่องจากพยายามฝ่าอุปสรรคด้านกฎระเบียบในจีนอยู่ ณ ขณะนี้
source: gizmochina