สวัสดีครับชาว TechXcite ทุกคน ปัจจุบันมี Laptop ให้เราได้เลือกสรรมากมาย แต่ถ้าหากคุณเป็นนักออกแบบ นักสาย Creator Content หรืองานที่ต้องการความแม่นยำสูงในการแสดงสี คุณอาจจะต้องไม่พลาดและสนใจใน Laptop ของ ASUS ในชื่อรุ่น ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) โน้ตบุ๊กที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.2K UHD และรองรับการแสดงสี 100% DCI-P3 เพื่อให้คุณได้เห็นภาพที่สวยงามและสมจริงที่สุดครับ
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง ProArt Studiobook 16 OLED
- สายชาร์จและคู่มือ
- กระเป๋าที่เอาไว้ใส่เครื่องไปไหนมาไหน
- ปากกา Pen Stylus 2.0
- กระเป๋าสะพาย
การออกแบบและดีไซน์
ASUS ProArt Studiobook 16 OLED มีการออกแบบที่ทำออกมาให้เราได้นึกถึง Legion 5 หรือ Legion Slim 7 ด้วยส่วนหลังที่มีการยื่นออกมา ดีไซน์ขอบมีความโค้งมน ควบคู่กับสีดำที่ทำให้ดูเรียบง่ายมองยังไงก็ดูไม่เบื่อ แทร็คแพดมีขนาดใหญ่ขึ้น 28% คีย์บอร์ดขนาด 100% ถือว่า ASUS ใช้พื้นที่ได้ดีเลยทีเดียวโดยวางพอร์ตขนาดใหญ่บางพอร์ตไว้ด้านหลัง ทั้งปลั๊กพลังงาน ขั้วต่ออีเทอร์เน็ต และพอร์ต HDMI
ในเบื้องต้นนั้น ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) เป็นโน้ตบุ๊คสำหรับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊คทำงานระดับมืออาชีพ ที่มีความสามารถในการประมวลผล กราฟิก และเสียง อย่างเหนือชั้น ด้วยสเปกที่แรงแบบ Workstation + Gaming และจอ OLED ขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 3.2K ที่มีสีสันและความคมชัดสูงมาก
จุดเด่นเลยเนี่ยของ ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) คือจอ OLED ที่ให้สีสันที่แม่นยำและครอบคลุมเกือบทุกมาตรฐานของการผลิตสื่อ เช่น DCI-P3, Adobe RGB, sRGB, Rec.709, Rec.2020, PANTONE Validated, VESA DisplayHDR True Black 500, Dolby Vision และ Delta E <2 เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในด้านการออกแบบ ภาพยนตร์ และสายครีเอเตอร์ จะเล่นเกมก็พอไปวัดไปวาได้อยู่เพราะมากับซีพียูตัวแรงเจนใหม่กับการ์ดจอตัวแรง NVIDIA GeForce RTX™ 4070
ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) ยังมีฟีเจอร์ ASUS Dial เป็นปุ่มหมุนที่ใช้ปรับค่าต่างๆของแต่ละโปรแกรมแตกต่างกันไปทำให้สะดวกสบายกว่าเดืม ไม่ว่าจะเป็น Adobe Creative Cloud เช่น Photoshop, Lightroom Classic, Premiere Pro, After Effects เพื่อให้การทำงานได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น
สเปกเบื้องต้น
- โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i9-13980HX Processor 2.2 GHz (36MB Cache, up to 5.6 GHz, 24 cores, 32 Threads)
- NVIDIA GeForce RTX™ 4070 Laptop
- RAM 16GB DDR5 SO-DIMM *2 Memory Max Up to 64GB 1TB M.2 NVMe
- หน้าจอ: 16.0-inch, 3.2K (3200 x 2000) OLED
- Smart Amp Technology Built-in speaker ลำโพงสเตอริโอ 4 ทางในตัว
- Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth® 5
- แบตเตอรี่ 90WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home - ASUS recommends Windows 11 Pro for business
- 2x DDR5 SO-DIMM slots
- 2x M.2 2280 PCIe 4.0x4
- Backlit Chiclet Keyboard with Num-key, 1.4mm Key-travel, -, Touchpad
- กล้อง FHD พร้อมฟังก์ชัน IR เพื่อสนับสนุน Windows Hello With privacy shutter
- น้ำหนัก 2.40 kg (5.29 lbs)
- ขนาด (กว้าง x ลึก x สูง) 35.60 x 27.10 x 2.09 ~ 2.39 cm (14.02" x 10.67" x 0.82" ~ 0.94")
จอภาพ OLED (Organic Light-Emitting Diodes) 3D ขนาด 16 นิ้วที่มีความละเอียด 3.2K (3072 x 1920) พิกเซล และครอบคลุมสี DCI-P3 เต็ม 100% และค่า Delta-E < 2 ที่ทำให้สามารถแสดงสีได้อย่างเหมือนจริงไม่เพี้ยนและคงที่ไม่มีดรอป การตอบสนองของภาพเคลื่อนไหวที่เร็วเพียง 0.2 ms มันต่างกันมากหากคุณใช้จอแบบปกติอยู่ นั้นทำให้ได้ภาพชัดในทุกๆเฟรมที่เคลื่อนไหว แน่นอนว่าเป็นจอสัมผัสรองรับสไตลัสระดับแรงกด 4096 และตอบสนองได้เร็วมากๆจากที่ได้ลองมา
จอภาพของ ProArt Studiobook 16 OLED ยังได้รับการปรับแต่งให้สอดคล้องกับมาตรฐาน HDR400 True Black ที่มีค่าความสว่างสูงสุดถึง 550 nits และค่าความเข้มของสีดำต่ำถึง 0.0005 nits เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนและมีความหลากหลายของสีได้มากขึ้น แถมยังช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับจอ LCD ปกติ
สิ่งที่ทำให้ว้าวมากๆสำหรับทีมงาน TechXcite คือเซ็นเซอร์ติดตามการเคลื่อนไหวของตาที่ช่วยให้การรับชมภาพ 3D เป็นไปได้อย่างง่ายดาย เพราะ ASUS Spatial Vision Technology ที่ใช้เทคโนโลยี Autostereoscopic 3D OLED โดยไม่ต้องใส่แว่น 3D
และก็มาถึงกับเครื่องมือ ASUS Dial ที่ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าและฟังก์ชันต่างๆในโปรแกรมที่ทำให้ทำงานสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น สำหรับ ASUS Dial เป้นลักษณะวงกลมหมุนๆที่ติดอยู่บนแผงคีย์บอร์ดฝั่งซ้ายมือ จะช่วยให้เราสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของแอปต่างๆได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ตัวอย่างก็จะเป็นพวกแอป Photoshop, Premiere Pro, Lightroom หรือแอปอื่นๆที่รองรับ Dial tool หลักการใช้งานก็ใช้งานไม่ยาก เพียงแค่กด Dial tool ลงไปหนึ่งครั้งเพื่อเปิดเมนูของแอปที่กำลังใช้งาน และหมุน Dial tool เพื่อเลือกฟังก์ชันต่างๆ เช่น การปรับขนาดของบรัช, การเปลี่ยนสี, การเพิ่มความสว่างหรือความคมชัด เป็นต้น
Dial tool ยังสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของเรา โดยใช้โปรแกรม ProArt Creator Hub ที่จะช่วยให้คุณกำหนดฟังก์ชันของ Dial tool ได้ตามแอปที่คุณใช้บ่อย หรือตาม workflow ของคุณ เช่น ถ้าคุณใช้ Photoshop เพื่อแก้ไขภาพ คุณสามารถกำหนด Dial tool เพื่อเปลี่ยน layer, filter, opacity, blend mode ได้เลย
รองรับปากกา ASUS Pen 2.0
ProArt Studiobook 16 OLED นั้นเป็น Laptop ที่รองรับปากกาแบบไร้สาย (stylus) สามารถเขียน วาด หรือแก้ไขงานบนหน้าจอ OLED ขนาด 16 นิ้วได้อย่างอิสระและแม่นยำ ซึ่งปากกา ASUS Pen 2.0 ที่ให้มาก็เพียงพอต่อการใช้งานมากแล้วเพราะมีความเร็วในการตอบสนองเพียง 10 ms เท่านั้น ตัวปากกาเองยังมีปุ่มสั่งการและเซ็นเซอร์อยู่ด้วย หรือถ้าใครไม่ได้ใช้ปากกาก็สามารถใช้เป็นระบบสัมผัสหน้าจอได้โดยตรง
ประสิทธิภาพของซีพียู Intel Core i9-13980HX และ GPU NVIDIA RTX 4070
Intel Core i9-13980HX เป็นหนึ่งในซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Intel ด้วยจำนวนคอร์ทั้งหมด 24 คอร์และ 32 เธรด ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการประมวลผลแบบหลายคอร์และแบบเดี่ยวคอร์ โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 5.6 GHz และ TDP ที่ 55 W (สามารถปรับได้ตั้งแต่ 45 W ถึง 157 W) และขุมพลังจาก NVIDIA RTX 4070 เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดจาก NVIDIA ที่ใช้สถาปัตยกรรม Ampere ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจาก Turing ใช้งานได้ตั้งแต่ การตัดต่อวิดีโอ การออกแบบกราฟิก หรือการเรนเดอร์ภาพ 3D
การใช้งานจริงก็พบว่า มันทำงานได้เร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวีดีโอ การประมวลผลภาพต่างๆเมื่อต้องมีการใช้ไฟล์ขนาดใหญ่ รวมไปถึงเรื่องของการเล่นเกมก็ทำได้ดีไม่แพ้โน้ตบุ๊คเกมมิ่ง เพราะทาง ASUS เอง ใส่เอาสเปกที่ดีที่สุดไว้ เพื่อรองรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆได้อย่างรวดเร็ว สมราคาค่าตัว
การจัดการความร้อนและเสียงของพัดลม
หลายๆคนคงสงสัยว่าด้วยความที่ทั้งขุมพลังและประสิทธิภาพการใช้งานขนาดนี้เครื่องจะมีความร้อนสะสมหรือไม่ โดยเมื่ออยู่ในโหมดพลังงาน 'Standard' พัดลมจะไม่มีเสียงมาให้กวนใจเรา และแป้นพิมพ์จะอุ่นเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อทำงานหนัก พัดลมจะมีเสียงขึ้นมาสักนิดพอให้เราได้ยิน แต่ไม่รบกวนหรือทำให้รำคาญ และแป้นพิมพ์จะอุ่นขึ้น แต่ก็ไม่ร้อนจนไม่สามารถใช้งานได้
โดยเราสามารถจัดการปัญหานี้ได้ เพราะเครื่องมีระบบระบายความร้อนและควบคุมพัดลมที่อัจฉริยะ สามารถปรับความเร็วของพัดลมได้ตามการใช้งานของ CPU และ GPU พร้อมโหมดพลังงานอื่นๆที่สามารถเลือกได้ตามความต้องการอีก 2 โหมดด้วยกันคือ 'Performance' และ 'Turbo' ซึ่งโหมดเหล่านี้จะใช้พลังงานและความเร็วของ CPU และ GPU เต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แอบเห็นว่าคีย์บอร์ด Per-key lighting มาพร้อมช่องระบายอากาศเพิ่มการไหลเวียนของอากาศอีกด้วย
ProArt Creator Hub
อย่างที่ได้บอกไปครับ ProArt Creator Hub เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของ ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดการทำงานที่เหมาะสมกับงานของเราได้ซึ่ง ProArt Creator Hub จะปรับการใช้งานของ CPU GPU RAM และ SSD ให้เหมาะสมกับโหมดที่เลือก นอกจากนี้ยังปรับคีย์ลัดต่างๆ ปรับค่าความเร็วของแต่ละโปรแกรมก็ทำได้ ครบเครื่องเหลือๆครับสำหรับ ProArt Creator Hub
ทางตัว Laptop เองไม่ได้มีเพียงกล้องหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเซ็นเซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยตอบโต้กับผู้ใช้งานอย่างเราโดยอัตโนมัติอย่างดารปรับแสงความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติที่ทำให้หน้าจอของเรามืดลงหากเราหันไปมองทางอื่นและกล้องอินฟราเรด FHD ที่เอาไว้ปลดล็อกโน้ตบุ๊ก
การใช้งานแบตเตอรี่และการชาร์จ
ProArt Studiobook 16 OLED ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและการป้องกันการสึกหรอของแบตเตอรี่ โดยมีคุณสมบัติ ASUS Battery Health Charging Technology ที่ช่วยป้องกันการชาร์จแบตเตอรี่เกินจำเป็น แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 6 เซลล์ 96 วัตต์-ชั่วโมง เฉลี่ยการใช้งานดูแล้วในโหมดปกติ ทำงานได้ถึง 10 ชั่วโมงการชาร์จก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ชาร์จ 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที เมื่อไม่ได้ใช้งาน
ความสะดวกในการพกพาและน้ำหนักของแล็ปท็อป
จริงๆแล้ว ProArt Studiobook 16 OLED ที่มีขนาดหน้าจอ 16 นิ้ว แต่มีขนาดเทียบเท่ากับแล็ปท็อปขนาด 15 นิ้ว เพราะมีขอบจอบางมาก นอกจากนี้ ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) ยังมีน้ำหนักเพียง 2.4 กิโลกรัม ถามว่าหนักไหม ก็หนักอยู่ครับ แต่ถ้าเทียบกับสเปกเพื่อไปใช้งานถือว่าตอบโจทย์ครับ ถือว่าเบาและบางสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ถ้าหากเราต้องการแล็ปท็อปที่มีความสะดวกในการพกพาและน้ำหนักเบาเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด
การเชื่อมต่อพอร์ตและไร้สาย
พอร์ตที่ให้มาเรียกได้ว่าให้มาเหลือกินเหลือใช้จริงๆ เพราะอย่างที่รู้ว่า ProArt Studiobook 16 OLED เป็น Laptop ที่ครบครันแล้วถ้าเอาไปใช้ทำงาน มีพอร์ตในการเชื่อมต่อแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต 2x USB 3.2 Gen 2 Type-A, 2x Thunderbolt 4 ที่รองรับการแสดงผลและการจ่ายไฟ, 1x HDMI 2.1 FRL, 1x SD Express 7.0, 1x RJ45 LAN, 1x Audio combo jack, 1x DC-in รอบตัวเครื่องเลย
ถ้ายังไม่สะใจยังมีการเชื่อมต่อแบบไร้สายอีกอย่าง WiFi SmartConnect และ Bluetooth 5.2 ที่จะเลือกเครือข่ายที่ดีที่สุดให้คุณโดยอัตโนมัติ และ Link to MyASUS ที่ช่วยให้คุณสามารถซิงค์ข้อมูลและการทำงานระหว่างแล็ปท็อปและสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกสบาย
คุณภาพเสียงของลำโพงและไมโครโฟน
เรื่องเสียงนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ปลื้มจริงๆครับ เพราะ ProArt Studiobook 16 OLED เขามีระบบเสียงที่ได้รับการรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของ Harman Kardon แล้วยังมาพร้อมเทคโนโลยี Dolby Atmos อีกด้วย จากที่ได้ลองฟังเพลงดูหนังไปมีเสียงสูงที่คมชัดและเสียงเบสที่ลงลึก มีระบบ SonicMaster Pro ที่ปรับแต่งเสียงให้เหมาะกับแอปพลิเคชันต่างๆ เสียงระดับโรงภาพยนตร์เลย
ราคาและความคุ้มค่าของแล็ปท็อป
ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) มีราคาอยู่ที่ 99,990 บาท แน่นอนว่ามีทั้งส่งฟรีผ่อนชำระและการรับประกัน สำหรับสายครีเอเตอร์ที่กำลังมองหาแล็ปท็อปใหม่ที่เอาไว้ทำงาน และเล่นเกมนิดหน่อยก็จัดเลยครับ คุ้มชัวร์
ส่วนใครที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมและต้องการสั่งซื้อ ก็สามารถกดไปตาม Link นี้ได้เลยที่เป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของทาง ASUS
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ ASUS ProArt Studiobook 16 OLED (H7604)
ประสิทธิภาพในการเล่นเกม
จากการนำไปทดสอบเล่นเกมถือว่าสเปกและประสิทธิภาพเหลือเฟือเลย เนื่องจากจัดเต็มทั้ง CPU , GPU รวมถึง RAM และ Harddisk ความเร็วสูง รองรับการเล่นเกมที่ลื่นไหล แอบกระซิบเลยว่า สเปกเครื่องนั้นดีกว่าโน้ตบุ๊คเกมมิ่งบางตัวซะอีก แถมด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16 นิ้ว เต็มตา บวกกับสีสันที่สดในและคมชัดของจอ OLED ที่ทาง ASUS ใส่มาให้ รับรองเลยว่าด้าน Entertainment นั้นสุดๆไปเลย ถ้าใครคิดจะซื้อมาไว้เล่นเกมด้วย ทำงานด้วย น่าจะจบได้ในตัวเดียวกับ ASUS ProArt Studiobook 16 OLED (H7604) เครื่องนี้
สรุปการใช้งาน
จุดเด่น
- สเปกแรง จัดเต็ม
- หน้าจอสวยมาก ใครที่ต้องการจอสีตรงๆ คมชัด แนะนำว่าควรซื้อ
- ระบบระบายความร้อนทำได้ดี
- เครื่องมือ ASUS Dial ช่วยให้ทำงานได้สะดวกรวดเร็ว ถือเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่ ASUS ใส่มาให้
จุดสังเกต
- ตัวเครื่องขนาดใหญ่และหนักพอสมควร การพกพาอาจไม่สะดวกเท่าโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นๆในตลาด
- ราคาค่อนข้างสูง