จากข้อมูลของ Bloomberg และแหล่งข่าวของ Apple ระบุว่าบริษัทกำลังเลื่อนการเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบที่ลือว่าอาจชื่อ Apple Car ออกไปจนถึงปี 2026 และอาจลดแผนอันทะเยอทะยานของรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนตัวเองได้ลงมาเป็นรถที่ต้องมีคนขับแทน
ทำให้โครงการ Project Titan ของ Apple นี้เป็นโครงการที่ล่าช้าที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์ และเป็นที่ถกเถียงกันมากกว่า Tesla Cybertruck เสียอีก
Apple Car ที่บอกว่าจะมาพร้อมดีไซน์แห่งอนาคต ที่ไม่มีพวงมาลัยและไม่มีแป้นคันเร่งดูเหมือนว่าจะถูกยกเลิกไปแล้วครับ อย่างที่ทราบกันดีว่า เทคโนโลยีปัจจุบันของ Apple นั้นไม่สามารถนำเสนอการขับขี่อัตโนมัติที่ปลอดภัยได้ และสถานการณ์อาจยิ่งแย่ลงไปอีก เพราะบริษัทจีนบางแห่งอาจประสบความสำเร็จได้ก่อน Apple ก็เป็นได้
มีแหล่งข่าววงในที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการ Titan ยืนยันกับ Bloomberg ว่า Apple จะไม่เน้นที่ระบบอัตโนมัติด้วยการขับด้วยตนเองบนทางหลวง ทำให้เทคโนโลยีอาจไม่ได้ก้าวหน้าไปมากไปกว่า SuperCruise จาก GM หรือ FSD จาก Tesla โดยเฉพาะเจ้าหลังนี้ อาจมีการอัปเกรดที่คาดไม่ถึงภายหลัง และก้าวกระโดดยังแถวหน้าของลีดเดอร์บอร์ดภายหลังได้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า Apple จะถอยก็ไม่ได้แล้วครับ เพราะลงทุนไปแล้วค่อนข้างมากทีเดียว โดยบริษัทได้เพิ่มงบประมาณ R&D ทุกปีเพื่อพัฒนาต่อไป ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 26.3 พันล้านดอลลาร์ ในทางกลับกัน บริษัทในปัจจุบันลงทุนไปแล้วอยู่ที่ประมาณ 48,000 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นดูเหมือนจะลงจากหลังเสือยากเสียแล้วครับ
และจากข่าวการตัดระบบขับเคลื่อนไร้คนขับออกจาก Apple Car ออกไป ทำให้หุ้นของ Apple ตอบสนองทันที โดยลดลงไปที่ 142 ดอลลาร์ในขณะที่รายงานนี้ออกครับ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ้นของบริษัทจะตกลงอย่างช้าๆ ในปีนี้ แต่อาจเป็นเพราะสถานการณ์ในตลาดโลกร่วมด้วย
เควิน ลินช์ ผู้รับผิดชอบโครงการไททัน บอกว่าตอนนี้โครงการอาจมีการปรับในหลายจุด จากที่ตอนแรกตั้งใจจะให้คล้ายกับรถ Canoo แต่ตอนนี้จะเป็นรถแบบดั้งเดิมมากขึ้นและจะมีที่นั่งคนขับโดยเฉพาะ ในขณะที่บริษัทหวังว่าจะขายได้อย่างน้อย 120,000 ดอลลาร์ในตอนแรก แต่เป้าหมายนั้นได้รับการแก้ไขให้ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์แล้ว
และเป็นครั้งแรกที่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดบน Apple Car โดยระบุว่าจะได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะและมีชื่อเรียกว่า Denali ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์แบบกำหนดเองที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ M2 ซิลิคอนล่าสุด 4 ตัว และพร้อมสำหรับการผลิตแล้ว โดยชิปใช้สำหรับการควบคุมเซ็นเซอร์และฟังก์ชั่นขั้นสูงมากมายที่รถจะนำเสนอ แต่น่าแปลกใจที่ Apple ตัดสินใจว่ามันไม่ทรงพลังพอที่จะให้การขับขี่อัตโนมัติได้
และมองในอีกมุมหนึ่ง ก็อาจเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple ไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ แต่ในทางกลับกัน การลดความคาดหวังลง จะทำให้โครงการเสร็จเร็วขึ้น และช่วยให้ทีมพัฒนารถที่แข็งแกร่งกว่า 1,000 คนสามารถมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่จับต้องได้มากขึ้น
รถ Apple จะถือเป็นรถหรูครับ เชื่อว่าจะมีราคาอยู่ราวๆ 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.48 ลบ) ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์หรูอื่นๆ ก็ถือว่ายังน้อยกว่าครับ แต่จะคุ้มค่าหรือไม่ อาจต้องดูที่เทคโนโลยี EV และตัวสนับสนุนอื่นๆ อีกครับ
บางทีการเริ่มทำอะไรในตลาดใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ก็อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยครับ แต่ถ้าอยากชมสินค้าที่ถนัดของ Apple อย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือ Gadget ต่างๆ สามารถแวะไปชมได้ที่นี่เลยครับ
source: arenaev