เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ ASUS ROG Phone 6D Series ซึ่งคราวนี้ถือเป็นการอัพเกรดขุมพลังจากตัวเดิมก่อนหน้านี้อย่าง ROG Phone 6 Series ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของชิปเซ็ตมาใช้ Dimensity 9000+ แทนตัว Snapdragon 8+ Gen 1 และปรับเปลี่ยนในส่วน GPU เป็น Mali-G710 จากเดิมที่ใช้ Qualcomm Adreno 730 ใน ROG Phone 6 รวมถึงการอัพเกรด RAM เป็นแบบ LPDDR5X ทำให้ ROG Phone 6D มีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น
ในส่วนของดีไซน์ตัวเครื่องนั้น ASUS ROG Phone 6D ยังคงมีขนาดตัวเครื่องเท่ากับ ROG Phone 6 โดยมีมิติตัวเครื่องอยู่ที่ 173 x 77 x 10.4mm น้ำหนักตัวเครื่อง 239 กรัม แต่ในส่วนของสีฝาหลังจะเป็นสี Space Gray ต่างจากรุ่น ROG Phone 6 ที่มีสีดำและสีขาวให้เลือก ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคงเอกลักษณ์ของตัวเครื่องที่มีไฟ LED ด้านหลังตัวเครื่องที่ปรับเปลี่ยนสีได้และสามารถแสดงผลสีสันได้มากถึง 16.77 ล้านสี ส่วนที่ตัวฝาหลังก็ไการออกแบบระบบระบายความร้อนที่มีชื่อว่า GameCool 6 โดยวางตำแหน่งให้ CPU อยู่ตรงกลางพร้อมแบตเตอรี่ที่แยกออกเป็นสองส่วนทำให้การกระจายความร้อนมายัง Vapor Chamber เพื่อส่งต่อความร้อนออกไปยังแผ่นแกรไฟต์ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ขณะเล่นเกมได้ดี
สิ่งที่เปลี่ยนไปใน ROG PHone 6D ที่สำคัญก็คือเรื่องของชิปเซ็ตที่ใช้ Dimesity 9000+ ซึ่งซิปเซ็ตตัวนี้เป็นชิปเซ็ตระดับเรือธงของทางฝั่ง MediaTek นั่นเอง โดยชิปเซ็ตรุ่นนี้โโเด่นในเรื่องของการจัดการพลังงาน การจัดการความร้อน และยังคงให้ประสิทธิภาพของการประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการใช้งานจริงพบว่า ROG Phone 6D นั้นมีความลื่นไหลในการเล่นเกมแทบไม่ต่างจาก ROG Phone 6 ก่อนหน้านี้ แต่เรื่องของการจัดการความร้อนและการจัดการพลังงานทำได้ดีกว่าฝั่ง Snapdragon
ส่วนเรื่องความเสถียรในการใช้งานนั้นแทบไม่แตกต่างกัน ตรงจุดนี้เลยคิดว่าการเปิดตัวของ ROG Phone 6D นั้นก็เพื่อที่จะนำเอาชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดย Meditek มาใช้งานเพื่อเป็นตัวเลือกของผู้บริโภคว่าชอบชิปเซ็ตของค่ายไหน อารมณ์เดียวกับการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ที่มีให้เลือกระหว่าง Intel กับ AMD อะไรประมาณนั้น
ในส่วนของกล้องก็ยังคงเหมือนเดิม มีการวางตำแหน่งโมดูลกล้องไว้เป็นแนวเรียงด้วยกันสามตัวพร้อมไฟแฟลช แม้ว่าเรื่องกล้องเองจะไม่ได้เป็นจุดเด่นมากนักแต่ก็ใส่มาให้เต็มพิกัดไม่แพ้ใคร สำหรับเรื่องกล้อง ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 ของ Sony ที่ให้ขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นถึง 40% และปรับปรุงเรื่องอัลกอริธึมเพื่อทำให้ HDR เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ส่วนกล้อง Ultra-Wide มีความละเอียด 13 ล้านพิกเชล และกล้อง Macro ความละเอียดขนาด 5 ล้านพิกเชล สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K 24fps ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
ส่วนต่างๆของตัวเครื่องเองก็ไม่ต่างจากเดิมเลย สามารถนำเอาเคสมาใช้ด้วยกันได้ รวมถึงตัวชุดระบายความร้อน AeroActive Cooler 6 ที่สามารถนำมาใช้ด้วยกันได้เช่นกัน เพราะตำแหน่งของปุ่มต่างๆ รวมถึงพอร์ตของตัวเครื่องเองเหมือนเดิมทุกอย่าง
และแน่นอนว่ายังคงไม่ตัดเอาพอร์ตหูฟัง 3.5mm ออกไปแต่อย่างใด ยังคงสามารถนำไปใช้งานกับหูฟังแบบมีสายได้ตามปกติ โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่นเกมและมีหูฟังเกมมิ่งรุ่นเก่าที่ยังมีสายแจ็คแบบ 3.5mm อยู่ ส่วนพอร์ต USB-C ให้มาด้วยกันสองพอร์ตเหมือนเดิมตรงบริเวณด้านล่างตัวเครื่อง และอีดจุดบริเวณด้านซ้ายกึ่งกลางตัวเครื่อง มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว มีความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล โดดเด่นด้วยอัตรา Refresh Rate หน้าจอ 165 Hz ตอบสนองต่อการสัมผัสความเร็วสูง Touch Sampling 720 Hz, touch latency 23 ms
ตัวเครื่องมามีการวางตำแหน่งลำโพงแบบสมมาตรไว้ที่ด้านริมตัวเครื่องทั้งด้านบนและท้ายเครื่อง โดยเป็นลำโพงคู่ที่ใช้แม่เหล็ก 5ตัวต่อข้าง อีกทั้งได้รับการปรับปรุงและปรับจูนด้วยเทคโนโลยีเสียง Dirac Virtuo เพื่อให้ได้เสียงที่สมจริง แถมด้วยเทคโนโลยี AptX Lossless ของ Snapdragon Sound ช่วยในเรื่องการประมวลผลเสียง ทำให้ได้รายละเอียดเสียงเสมือนไฟล์ต้นฉบับ มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh โดยแยกตัวแบตเตอรี่ออกเป็นสองก้อนวางแยกตำแหน่งไว้ซ้ายและขวาของตัวเครื่องเมื่อถือเครื่องในแนวนอน เพื่อช่วยในเรื่องของการระบายความร้อน ซึ่งความจุแบตเตอรี่ที่ให้มาเยอะแล้ว ระบบการชาร์จยังเร็วอีกด้วย เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีการชาร์จไว (ROG Hyper Charge) 65 วัตต์ สามารถชาร์จจาก 0-60% ใน 19 นาที และเต็ม 100% ใน 42 นาที
พูดถึงเรื่องของสเปคบางส่วนกันมาบ้างแล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่า แล้วระบบการทำงาน หรือการใช้งานจริงจะแตกต่างจาก ROG Phone 6 มากน้อยแค่ไหน ก็เลยเอามาเล่าตรงนี้เลยดีกว่า สำหรับเรื่องแรกที่ประทับใจก็คือเรื่องของระบบการจัดการพลังงานของ ROG Phone 6D ที่ดูเหมือนว่าจะแบตเตอรี่จะอยู่ได้นานกว่า อันนี้ไม่ได้จับเวลาจริงจัง แต่ลองทดสอบจากการใช้งานทั่วๆไป พบว่า เปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่นั้นอยู่เหลือมากกว่านิดหน่อย
อีกเรื่องก็คือเรื่องของความร้อนของตัวเครื่องที่พบว่า ชิปเซ็ตของ Dimensity 9000+ จะร้อนน้อยกว่าของทางฝั่ง Snapdragon ซึ่งตรงนี้ ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคนด้วย เพียงแต่โดยรวมแล้วพบว่าชิปเซ็ตตัวนี้จะร้อนน้อยกว่าจริงๆ ในขณะที่เรื่องของประสิทธิภาพที่ทดสอบจากโปรแกรม Benchmark ก็ปรากฏว่า ชิปเซ็ต Dimensity 9000+ ทำคะแนนออกมาได้ดีกว่า
มาลองดูผลคะแนน Geekbench พบว่าคะแนนพุ่งสูงมาก คือได้คะแนนเยอะกว่าตัว Snapdragon 8+ Gen1 แน่ๆ และเมื่อไปดูผลคะแนน Bechmark จากของทางต่างประเทศก็มีการอ้างอิงระบุว่า ROG Phone 6D นั้น มีคะแนนสูงมากเช่นกัน และถ้าเป็นรุ่น ROG Phone 6D Ultimate ที่เป็นรุ่นใหญ่กว่าตัวที่นำมารีวิว ก็ได้คะแนนสูงสุดในการวัดประสิทธิภาพ Benchmark ของ Antutu เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ส่วนของระบบและฟีเจอร์ต่างๆนั้นก็จัดเต็มมาอยู่แล้วสำหรับ ROG Phone 6D ตัวนี้ ทั้งในเรื่องของระบบปฏิบัติการ Android ที่ตอนนี้ได้รับการอัพเดตให้เป็นเวอร์ชั่น 13 ได้แล้ว รวมถึงระบบที่ช่วยในการเล่นเกมอย่าง Game Genie ซึ่งก็คือเมนูที่เป็นคีย์ลัดของเครื่องที่ใช้ในการเข้าถึงการทำงานของเครื่อง ซึ่งสามารถตั้งค่าต่างๆเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ อย่างเช่น การบล็อคการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงสายเรียกเข้าขณะเล่นเกม ระบบระบายความร้อนที่มีชุดระบายความร้อน AeroActive Cooler 6 ให้ใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์เร่งประสิทธิภาพ X Mode เพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ
สรุปสเปค ASUS ROG Phone 6D
- Meditek Dimensity 9000+
- GPU Mali-G710
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 (อัพเกรดเป็น 13 ได้แล้ว)
- หน้าจอ 6.78", 395 ppi, 20.4:9, 2448x1080 FHD+ AMOLED, 165Hz
- หน่วยความจำ 12GB/256GB
- กล้องหลัก 50MP IMX766 , กล้อง Ultra-wide: 13M , กล้อง Macro(5cm): 5M (8M crop)
- กล้องหน้า 12 MP
- แบตเตอรี่ 6,000 mAh
- รองรับการชาร์จไว 65W
- มาตรฐานกันน้ำ IPX4
- รองรับสองซิม
ทิ้งท้ายด้วยเรื่องของกล้องของ ROG Phone 6D ตัวนี้ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้อัพเกรดอะไรเพิ่มเติมจากรุ่นเดิม แต่ยังคงถ่ายรูปได้อย่างสวยงามเพราะใช้เซ็นเซอร์รุ่นเรือธง สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอก็ได้ มีโหมดถ่ายภาพมาโคร และลูกเล่นการถ่ายภาพอื่นๆอีกมากมาย และรองรับการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดระดับ 8K เรียกได้ว่ายังคงใช้ถ่ายรูปได้สวยงามแม้จะเป็นสมาร์โฟนเกมมิ่งที่ไม่ได้เน้นเรื่องกล้องก็ตาม
สำหรับ ROG Phone 6D Series นั้น จะวางจำหน่ายแบบ Exclusive ผ่านทาง AIS เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ทั้งทางออนไลน์ของ AIS รวมถึง AIS Shop ทั่วประเทศ โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้
ASUS ROG Phone 6D Ultimate (Space Gray): MediaTek Dimensity 9000+, RAM 16GB, ROM 512GB ราคา 42,990 บาทพร้อมส่วนลดสูงสุด 6,500 บาทเหลือเพียง 36,490 บาทเมื่อสมัครแพ็คเกจรายเดือนของ AIS ตามเงื่อนไขที่กำหนด
ASUS ROG Phone 6D (สีเทา Space Gray): MediaTek Dimensity 9000+, RAM 12 GB, ROM 256GB ราคา 28,990 บาทพร้อมส่วนลดสูงสุด 6,500 บาทเหลือเพียง 22,490 บาทเมื่อสมัครแพ็คเกจรายเดือนของ AIS ตามเงื่อนไขที่กำหนด
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว ASUS ROG Phone 6 Batman Edition (สีดำ Night Black): MediaTek Dimensity 9000+, RAM 12 GB, ROM 256GB ราคา 34,990 บาทพร้อมส่วนลดสูงสุด 6,500 บาทเหลือเพียง 28,490 บาทเมื่อสมัครแพ็คเกจรายเดือนของ AIS ตามเงื่อนไขที่กำหนด