หลังจากมีข่าวลือมาตลอดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุด vivo ได้เปิดตัว vivo X80 Series สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว นำโดย vivo X80 Pro และ vivo X80 ในขณะที่รุ่นพี่ใหญ่อย่าง vivo X80 Pro+ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
vivo X80 Pro
ไปดูกันที่ vivo X80 Pro ก่อนครับ โดยจะมีทั้งหมด 2 เวอร์ชัน ได้แก่รุ่นที่ใช้ Snapdragon 8 Gen 1 และ Dimensity 9000 ซึ่งยังไม่ยืนยันว่าเวอร์ชั่นไหนจะเข้าสู่ตลาดโลก (แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นรุ่น Snapdragon 8 Gen 1)
vivo X80 Pro มีหน้าจอระดับเรือธงขนาดใหญ่ 6.78 นิ้วแบบ E5 LTPO2 AMOLED ของ Samsung ที่มีความละเอียด QHD+ รองรับการปรับอัตราการรีเฟรชที่ละเอียดตั้งแต่ 1Hz ถึง 120Hz ซึ่ง vivo อ้างว่าตอบสนองได้ดีกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่าเมื่อเทียบกับจอแสดงผล X70 Pro+ ของปีที่แล้ว และมีเครื่องอ่านลายนิ้วมือแบบอัลตราโซนิกอยู่ใต้จอแสดงผล พร้อมพื้นที่การสแกนใหญ่ขึ้น 38.7%
ด้านการถ่ายภาพ มีกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลักบริษัทใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL GNV ขนาด 50MP 1/1.3" ที่กำหนดเอง ซึ่งผลิตโดย Samsung และเซ็นเซอร์จะจับคู่กับออปติกและรูรับแสงที่ f/1.57 และรองรับเลเซอร์ AF และเทคโนโลยี Pixel Shift
ถัดไปเป็นกล้องซูม 2x ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX663 1/2" ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.22µm และเลนส์ f/1.85 รองรับระบบกันสั่นแบบกิมบอลที่ยอดเยี่ยมของ vivo รองรับการถ่าย Portrait ที่ดี รวมถึงการถ่ายในซีนอื่นๆ ด้วย
ต่อมาเป็นกล้องเทเลโฟโต้ 5x ใช้เซ็นเซอร์ป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล 8MP พร้อมรูรับแสง f / 3.4 ซึ่งดูคล้ายกับกล้องที่อยู่บน X70 Pro และสุดท้ายเลนส์มุมกว้างพิเศษ f2.2 ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX598 48MP ขนาด 1/2.0"
กล้องทั้งหมดได้รับประโยชน์จากการเคลือบเลนส์ Zeiss T* เช่นเดียวกับ vivo X70 series และใช้ชิป vivo V1+ ISP ที่อัปเกรดแล้วเพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่กล้องตัวสุดท้ายอยู่ในรูเจาะด้านหน้า มีเซ็นเซอร์ขนาด 32MP 1/2.8" และเลนส์ f/2.5 สำหรับการเซลฟี่และวีดีโอคอลล์
โทรศัพท์ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 4,700mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบมีสาย 80W ใหม่ล่าสุดของ vivo และรองรับการชาร์จอย่างรวดเร็วแบบไร้สาย 50W
คุณสมบัติเด่นอื่นๆ ของโทรศัพท์ ได้แก่ ระบบระบายความร้อน VC 27 เลเยอร์ขั้นสูง ชิปเสียงไฮไฟ NFC แบบช่วงกว้าง ลำโพงสเตอริโอและกันน้ำกันฝุ่น IP68 และแน่นอนว่าโทรศัพท์เปิดตัวพร้อมกับ OriginOS Ocean เวอร์ชั่นล่าสุดบนพื้นฐาน Android 12
ตัวเครื่องจะวางจำหน่ายใน 3 สี ได้แก่ สีดำ สีส้ม และสีเขียว
สำหรับตัวเลือก Snapdragon 8 Gen 1 จะมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM 8GB/256GB, 12GB/256GB และ 12GB/512GB ในขณะที่รุ่น Dimensity 9000 จะมาพร้อมกับ 2 แบบสุดท้ายเท่านั้น เปิดราคาเริ่มต้นที่ 5,499 หยวน หรือประมาณ 28,400 บาท
vivo X80
ต่อมาเป็น vivo X80 รุ่นนี้จะมาพร้อม MediaTek Dimensity 9000 SoC อันทรงพลัง (ไม่มีตัวเลือก Snapdragon 8 Gen 1) มาพร้อมหน้าจอ Samsung E5 AMOLED ขนาด 6.78 นิ้วที่น่าประทับใจ แต่ไม่ใช่ LTPO2 ความสว่างสูงสุด 1,500 nits ครอบคลุมขอบเขตสี DCI-P3 100% และอัตราการรีเฟรช 120Hz
ด้านการถ่ายภาพ มาพร้อมกล้องหลักเซนเซอร์ Sony IMX866 RGBW 1/1.49" ขนาด 50MP + กล้องซูม เลนส์ f/1.75 พร้อม OIS ที่ใช้สำหรับการถ่ายภาพบุคคลแบบเดียวกับ X80 Pro แต่ใช้รูรับแสงที่แคบกว่าที่ f/1.98 และไม่มีกล้องซูม 5x
สุดท้ายเป็นกล้องอัลตร้าไวด์ถูกปรับลดรุ่นเป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX663 12MP พร้อมรูรับแสง f/2.0 ในขณะที่กล้องเซลฟี่จะเป็นตัวเดียวกับ X80 Pro
แบตเตอรี่อยู่ที่ 4,500mAh ที่เล็กกว่าเล็กน้อย และไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย แต่ยังคงการชาร์จแบบมีสายที่รวดเร็ว 80W เอาไว้
ตัวเลือกหน่วยความจำที่มีให้เลือกคือ RAM 8GB/128GB, 8GB/256GB, 12GB/256GB และ 12GB/512GB ราคาเริ่มต้นที่ 3,699 หยวนจีน หรือประมาณ 19,000 บาท
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ vivo X80 รุ่นปกติจะไม่รองรับ IP68 และใช้เครื่องอ่านลายนิ้วมือแบบออปติคัลใต้จอแสดงผลแบบมาตรฐาน (สแกนช้ากว่า) ส่วนทางด้านซอฟท์แวร์ใช้เป็น OriginOS Ocean ที่ใช้ Android 12 เหมือนรุ่นใหญ่
และเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าสำหรับโทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่องแล้วครับ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 29 เมษายนนี้เป็นต้นไป
source: gsmarena