การพัฒนาโซลูชันชิปประมวลผลภาพของตัวเองดูเหมือนจะเป็นที่นิยมในกลุ่มบริษัท BBK ในปีนี้ครับ ซึ่งหลังจากที่ OPPO เปิดตัวชิป MariSilicon X บนซีรี่ส์ Find X5 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในเดือนนี้ดูเหมือนจะถึงคิวของ vivo บริษัทในเครือเดียวกัน ที่เพิ่งประกาศว่าอุปกรณ์ในตระกูล vivo X80 Series ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 เมษายนนี้ ก็จะมีชิปภาพ vivo V1+ อยู่ภายในด้วย
ชิปภาพ vivo V1+ จะรองรับการใช้งานร่วมกับทั้งชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9000 และ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 เพราะในการพัฒนา V1+ นั้น vivo ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ MediaTek และส่งผลให้มีการยื่นขอสิทธิบัตรใหม่ 30 รายการ นอกจากนี้ vivo เน้นย้ำว่าชิปประมวลผลภาพแบบกำหนดเองนี้เป็นโปรเซสเซอร์ตัวแรกที่สามารถทำงานร่วมกับ SoC ระดับไฮเอนด์จากค่ายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี (ชิป OPPO ยังใช้ได้เฉพาะกับ Snapdragon เท่านั้นในตอนนี้)
ที่ผ่านมีพนักงาน vivo และ MediaTek กว่า 300 คนร่วมกันทำงานบน V1+ เป็นเวลา 350 วัน เพื่อปรับการทำงานให้เข้ากับแพลตฟอร์ม Dimensity 9000 อย่างเต็มที่ ซึ่งงานได้ประสบความสำเร็จแล้ว และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดสามารถทำได้จากชิปภาพภายในอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนโดย SoC ระดับบนสุดของ MediaTek ล่าสุดได้เป็นอย่างดี
ด้วยการปรับแต่งอัลกอริธึมการลดจุดรบกวนอย่างละเอียด V1+ สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้ในสถานการณ์ที่มีแสงแวดล้อมน้อยกว่า 1 ลักซ์
นอกจากนี้ vivo ยังประกาศการปรับปรุงความสว่างของภาพ 16% และความแม่นยำของสมดุลแสงขาว 12% ส่วนที่โดดเด่นที่สุดของภาพถ่ายนั้นสามารถเพิ่มความสว่างได้อีกมากถึง 350% ทำให้ภาพของคุณดู "สว่างและโปร่งใสมากขึ้น" ซึ่งช่วยให้มองเห็นรายละเอียดได้มากขึ้น Zeiss Natural Color ได้รับการปรับปรุง 8.3% ในความแม่นยำของสีตลอดจนการปรับโทนสีแบบละเอียด
V1+ ยังสามารถช่วยด้านเกมมิ่งได้มากขึ้น โดยรองรับการใช้งานหน้าจอที่ 90fps หรือ 120fps ได้ ดังนั้นจึงอาจแทนที่เทคโนโลยีที่มีอยู่จาก Pixelworks ซึ่งปัจจุบันใช้โดยโทรศัพท์ vivo และ iQOO
vivo ยังภูมิใจนำเสนอว่าได้ใช้อัลกอริธึมพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากร CPU และลดการสร้างความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ Dimensity 9000 โดยใช้พลังงานที่ดีขึ้นอย่างมากถึง 10% ในการเล่นเกมหนัก ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ X80 รุ่นใหม่ที่มี Dimensity 9000 ทำคะแนน AnTuTu ได้ 1.07 ล้านคะแนน และแอนิเมชั่นได้รับการปรับปรุงในสถานการณ์ที่มีภาระงานสูง โดยมีการจัดสรรพลังงานในการประมวลผลให้สูงสุด ซึ่งผู้ใช้สามารถคาดหวังได้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ลดลงนานถึง 36 เดือน เป็นอย่างน้อย
source: gsmarena