คุยกันก่อน
รีวิว realme 9 Pro+ - ตลาดสมาร์ทโฟนราคาประมาณ 1 หมื่น +/- ตอนนี้จัดว่าเดือดพอสมควรครับ เพราะเป็นช่วงงบประมาณที่มีคนสนใจอยู่มาก มือถือกลุ่มราคาระดับนี้จะมาพร้อมสเปคที่ค่อนข้างคุ้มค่ากว่ารุ่นระดับกลางหมื่น มีชิปเซ็ตที่แรงพอตัว กล้องสวย และแบตอึดมากๆ ซึ่งวันนี้ทีมงาน TechXcite มีโอกาสได้นำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากค่ายเรียลมี คือ realme 9 Pro+ และ 9 Pro สองรุ่นดีไซน์สวยโดดเด่น และมีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน ดังนั้นวันนี้เราขอโฟกัสไปที่ realme 9 Pro+ เป็นพิเศษนะครับ เพราะถือว่าเป็นรุ่นหลักสเปคดีกว่า แต่ถ้ามีจุดไหนที่ 9 Pro ค่อนค้างแตกต่าง เราจะย้ำให้ฟังอีกทีครับ
ก่อนอื่นเลยสิ่งที่เราค่อนข้างประทับเมื่อแรกเห็นคือ realme 9 Pro+ จะโดดเด่นด้วยการออกแบบแบบ photochromic design มีหน้าจอ AMOLED ที่ลื่นไหล กล้องสวยระดับเรือธง และแม้จะเป็นรุ่นระดับกลาง แต่การชาร์จที่รวดเร็วก็ถือว่าดีกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงบางรุ่นที่ราคา 3-4 หมื่นในตลาดด้วยซ้ำ
เกริ่นคร่าวๆ ให้ฟังก่อนครับว่า realme 9 Pro+ รุ่นนี้มีหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้วพร้อมความละเอียด 1080p อัตราการรีเฟรช 90Hz และรองรับ HDR10 พร้อมกับอัตรา touch-sampling rate 360Hz ที่ได้รับการปรับปรุง และที่สำคัญคือจะมีรุ่น Sunrise ที่มีฝาหลังกระจกโฟโตโครมิกซึ่งสามารถเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีส้มอมชมพูได้เมื่อโดนแสงแดด (แสง UV) ที่ถือว่าสวยโดดเด่นมาก
ฟังมาขนาดนี้แล้วเชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะอยากติดตามแล้วว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เราไปดูจุดเด่น และจุดสังเกตของรุ่นนี้ก่อนเลยครับ ก่อนที่จะไปติดตามรีวิวกันต่อไป
จุดเด่น
- หน้าจอ AMOLED 90Hz ที่ยอดเยี่ยม
- ดีไซน์เป็นกระจกสุดหรู พร้อมฝาหลัง photochromatic เปลี่ยนสีได้เท่ๆ
- แบตอึด แถมชาร์จไว
- ลำโพงเสียงดัง และดีใช้ได้
- เล่นเกมลื่น รองรับ 5G และให้ความจำมาค่อนข้างเยอะ
- กล้องสวยระดับเรือธง มีกันสั่น OIS
- มีช่อง 3.5 มม. ที่หลายค่ายชอบลืมให้มา
ข้อสังเกต
- เพิ่ม microSD Card ไม่ได้ (แต่ให้ความจำมา 128GB แล้วนะ)
แกะกล่อง
- ตัวเครื่อง realme 9 Pro+ (หรือ 9 Pro)
- สายดาต้า
- หัวชาร์จเร็ว
- เคสใส
- คู่มือ
- เข็มจิ้มซิม
ดีไซน์การออกแบบ
realme 9 Pro+ รุ่นที่เราได้มารีวิวนี้เป็นรุ่นสี Sunrise Blue ที่ 'ฉูดฉาด' และเปล่งประกายมากครับ สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ที่พบเห็นได้ง่ายๆ และที่สำคัญมันสามารถเปลี่ยนสีได้ภายใต้แสงแดดจ้าอีกด้วย จากที่เดิมเป็นสีฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีออกส้มๆ ชมพูๆ ทันที เท่มาก!!
จุดเด่นของการออกแบบ realme 9 Pro+ คือที่ด้านหลังแบบโฟโตโครมิก ที่ทำจากกระจกโค้งโปร่งใสหลายเลเยอร์ และระหว่างนั้นจะมีชั้นโฟโตโครมาติกพิเศษที่จะเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีส้มอมชมพูเมื่อโดนแสงแดดโดยตรงนั่นเอง เป็นเอฟเฟกต์ที่ชวนให้หลงใหลและทำให้โทรศัพท์โดดเด่นจริงๆ
และเมื่อมองใกล้ๆ จะพบว่าชิ้นหลังยังแวววาวจากวัสดุคล้ายเกร็ดเพชรสีน้ำเงินเล็กๆ ที่แวววาวสว่างกว่าสีหลัก และเมื่อสะท้อนแสง จะเปล่งประกายราวกับดวงดาวเล็กๆ นับล้านดวง
อย่างไรก็ตาม หากคุณชอบสมาร์ทโฟนที่ไม่ฉูดฉาดสะดุดตามากนัก ก็สามารถเลือก realme 9 Pro+ ในตัวเลือกสี Midnight Black และ Aurore Green ได้เช่นกัน แต่ก็ยังมาพร้อมฝาหลังกระจกที่เล่นแสงสีเหมือนกันนะครับ แต่อาจน้อยลงกว่าเล็กน้อย
นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นแล้ว realme 9 Pro+ ยังมีมาตรฐานการป้องกันหน้าจอด้วยกระจก Gorilla Glass 5 แบบแบนที่ด้านหน้ามีกรอบด้านข้างแบบแบนที่มีพื้นผิวด้าน ดูแล้วสวยหรูมีระดับ
ด้านล่างมีช่องลำโพง พอร์ต USB-C ไมค์ และช่องหูฟัง 3.5 มม.
ด้านบนมีเพียงไมค์ตัวที่สองครับ
ด้านซ้ายมีปุ่มปรับเสียง และช่องใส่ซิมการ์ดที่รองรับ 2 ซิมการ์ด แต่ไม่มีช่อง microSD
ที่ด้านขวา มีเพียงปุ่ม Power
ส่วนหน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช 90Hz และอัตราการตอบสนองการสัมผัส 360Hz 411ppi พร้อมกล้องหน้าแบบเจาะรูเล็กๆ บริเวณมุมบนซ้าย สำหรับวางกล้องเซลฟี่ 16MP
สมาร์ทโฟนใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือแบบออปติคัลใต้จอแสดงผล ซึ่งสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และ realme ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อให้เซ็นเซอร์นี้เป็นเครื่องมือวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อีกด้วย ถือว่ามีประโยชน์ดีครับ
ที่สำคัญด้านการออกแบบ realme ได้นำลำโพง Stereo คู่กลับมาแล้ว หลังจากหายไปบน realme 8 Pro รุ่นที่แล้ว ซึ่งจะถูกวางอยู่บริเวณช่องหูฟัง และด้านล่าง คุณภาพเสียงถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว
ที่ด้านหลังมีกล้องถ่ายภาพ 3 ตัววางอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมที่ยื่นออกมาเล็กน้อยจากแผงด้านหลัง กล้อง 3 ตัว ก็ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 50MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และกล้องมาโคร 2MP แต่ละเลนส์มีวงแหวนยื่นออกมาเล็กน้อย พร้อมไฟแฟลช LED และตัวหนังสือเขียวว่า 50MP OIS ยืนยันการมาพร้อมระบบกันสั่น ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดด้านการถ่ายภาพได้ในส่วนถัดไป
และเนื่องจากมีส่วนของกล้องที่หนาออกมาพอสมควร ทำให้ realme 9 Pro+ จะโยกเยกไปมาได้พอสมควรหากไม่ได้ใส่เคส ดังนั้นการใส่เคสที่แถมมาให้ในกล่องก็จะสามารถช่วยจุดนี้ได้ครับ รวมถึงช่วยไม่ให้ฝาหลังสวยๆ เป็นรอยได้อีกด้วย
realme 9 Pro+ มีขนาดเท่ากับ realme 8 Pro รุ่นปีที่แล้วครับ และมีน้ำหนักกว่า 6 กรัมที่ 182g และฝาหลังสวยๆ ค่อนข้างเป็นรอยนิ้วมือง่ายพอสมควร ดังนั้นอาจต้องเช็ดบ่อยๆ หากอยากให้โทรศัพท์ดูพราวตลอดเวลา และตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.99 มม. เท่านั้น
ประสิทธิภาพ และการเล่นเกม
ด้านซอฟท์แวร์ realme 9 Pro+ เป็นหนึ่งในโทรศัพท์เครื่องแรกของค่ายที่ใช้ Android 12 พร้อม Realme UI 3.0 รุ่นที่สามของ realme จากในกล่อง มาพร้อมอินเทอร์เฟซที่ได้รับการปรับปรุงและลื่นไหลมากขึ้น แดชบอร์ดมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และมีหน้าต่างลอยที่ดีขึ้น
สมาร์ทโฟนรองรับการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งเครื่องสแกนใต้จอแสดงผลสามารถใช้งานได้ดี รวดเร็วเหมือนที่เคย นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าการปลดล็อกด้วยใบหน้าเพื่อให้ปลดล็อกได้เร็วยิ่งขึ้น หากต้องการ
นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแบบ Always-on Display ที่เปิดตลอดเวลาและสามารถเลือกแสดงเนื้อหาที่ต้องการได้ เช่น นาฬิกา วันที่ ไอคอนการแจ้งเตือน แบตเตอรี่ หรือธีมอื่นๆ มากมายให้เลือก รวมถึงธีมใหม่ที่เรียกว่า AOD Sketchpad ที่ให้คุณเลือกภาพเหมือนของตัวคุณเอง และซอฟต์แวร์จะสร้างภาพสเก็ตช์ตามภาพนั้น และใช้ภาพร่างเป็นพื้นหลังของ AOD ได้
และหากไม่อยากให้ AOD ใช้พลังงานมากเกินไป (แน่นอนว่าการเปิดใช้ตลอดจะกินแบตมากกว่าแน่นอน) ก็สามารถประหยัดแบตเตอรี่ได้โดยการตั้งค่าให้ AOD ซ่อนหลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไม่เคลื่อนไหว หรือกำหนดเวลาหรือเปิดตลอดเวลาได้ตามชอบเลยครับ
และหากคุณเป็นแฟน Dark Mode เหมือนผู้รีวิว (เพราะมันใช้แล้วสบายตากว่า) ก็มีโหมดนี้ให้ใช้งานด้วยครับ และรองรับรูปแบบสีเข้มที่แตกต่างกันสามแบบ ได้แก่ สีดำ สีเทาเข้ม หรือสีเทาอ่อน
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ realme 9 Pro+ รองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion (DRE) ที่ให้คุณสามารถเพิ่ม RAM เสมือนบนสมาร์ทโฟนได้จากการใช้ที่เก็บข้อมูลภายในของโทรศัพท์ ซึ่งคุณสามารถเลือกเพิ่ม RAM เสมือนได้ตั้งแต่ 2GB ถึง 5GB และ realme ได้เลือก DRE เอาไว้ที่ 3GB เป็นการตั้งค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว
และส่วนของ Realme Lab จะมีฟีเจอร์พิเศษที่ให้คุณทดลองเล่นเช่นกันวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และ DC Dimming โดยในส่วนของอัตราการเต้นของหัวใจจะใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผลเพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจของคุณ และ DC Dimming จะช่วยลดการกะพริบของหน้าจอเมื่อใช้งานในความสว่างต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ยังถือว่าอยู่ในช่วงทดสอบเท่านั้นนะครับ ตามชื่อของมันนั่นล่ะ
ต่อมาในด้านของระบบประมวลผล realme 9 Pro+ มาพร้อมชิปเซ็ต Dimensity 920 รุ่นใหม่ของ MediaTek ที่พัฒนาโดยสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตรที่มีโมเด็ม 5G ในตัว โดยชิปตัวนี้เป็นโปรเซสเซอร์แบบ octa-core ที่มี Cortex-A78 2 คอร์ทำงานที่ความเร็ว 2.5GHz และ Cortex-A55 อีก 6 คอร์ทำงานที่ความเร็ว 2.0GHz โดยมี GPU Mali-G68 แบบ quad-core ที่ให้ประสิทธิภาพกราฟิกที่ค่อนข้างดีสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง
นอกจากนี้ realme 9 Pro+ ยังมาพร้อม RAM ขนาด 8GB มีความจำภายใน 128GB และเป็นที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ UFS 2.2
ด้านการทดสอบโปรเซสเซอร์ Dimensity 920 ถือว่าเป็นแชมป์ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางครับ และคะแนน CPU จะสูงกว่าคะแนนของ realme 8 Pro อยู่ประมาณ 40%
ส่วนการทดสอบ benchmark ด้วยโปรแกรม AnTuTu สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทำคะแนนได้ที่เกือบ 5 แสนคะแนน ซึ่งถือว่าแรงระดับต้นๆ ของรุ่นระดับกลางด้วยเช่นกัน
และสำหรับการทดสอบเล่นเกมอย่าง RoV สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบน frame rate 45fps ยาวๆ ครับ ไม่มี frame rate ตกให้เห็นแต่อย่างใด
นอกจากนี้การทดสอบเล่นเกม FPS ดังอย่าง PUBG Mobile ก็ทำงานได้ลื่นมาก ซึ่งสามารถเล่นเกมสองเกมนี้ได้ลื่น ก็เชื่อว่าเกมอื่นก็ไม่น่ามีปัญหาเหมือนกัน ใครที่หามือถือราคาไม่แพงไปเล่นเกม realme 9 Pro+ หรือ 9 Pro ก็สามารถเล่นได้สบายแล้วครับ
เปรียบเทียบ realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro
สำหรับการเปรียบเทียบสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้ถือว่ามีหลายอย่างที่คล้ายกันครับ อย่างแรกเลยเป็นด้านดีไซน์การออกแบบที่เรียกว่าเหมือนกันเลยก็ว่าได้ แต่รุ่น Pro จะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่า Pro+ และจุดเด่นของ realme 9 Pro+ คือการมาพร้อมกับเซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX766 OIS เป็นครั้งแรกสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง Mid-Ranger และจะวางจำหน่ายในสองความจุ คือ RAM 8+128GB และ 8+256GB
ในขณะที่จุดเด่นของ realme 9 Pro จะเป็นการเลือกใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G เป็นครั้งแรกในระดับเซ็กเม้นต์นี้เช่นกัน ทำให้ด้านความเร็วแรงนั้นก็ไม่ธรรมดาแน่นอน และรุ่นนี้จะวางจำหน่ายเพียง 1 รุ่นคือรุ่น RAM 6+128GB ที่เริ่มต้นความจำเยอะเหมือนกัน
ส่วนความแตกต่างทางด้านสเปคอื่นๆ จะมีตามภาพนี้เลยครับ
ด้านการถ่ายภาพ
realme 9 Pro+ มาพร้อมกล้อง 3 ตัวที่ด้านหลังนำโดยกล้องหลัก 50MP ที่มีระบบกันสั่นด้วยเลนส์ OIS, กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และกล้องมาโคร 2MP นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้า 16MP สำหรับการเซลฟี่ ที่หายไปจากชุดกล้องที่เราเห็นกันบ่อยๆ อย่างกล้อง depth ซึ่งหากแลกกับการมี OIS ก็ถือว่าคุ้มมากครับ และเห็นผลอย่างมากสำหรับการถ่ายภาพอีกด้วย
กล้องหลักของ realme 9 Pro+ ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 1/1.56" ขนาด 50MP พร้อมพิกเซล 1.0µm และฟิลเตอร์ Quad-Bayer โดยเซ็นเซอร์นี้จับคู่กับเลนส์ 6 ชิ้นระยะ 24 มม. และมีรูรับแสงที่ f/1.8 ทำให้มีโหมดกลางคืนที่ยอดเยี่ยม และดูเหมือนว่ากล้องนี้รองรับการซูมแบบไม่สูญเสียด้วยเซ็นเซอร์ 2x ในตัว
ด้วยฮาร์ดแวร์และเซ็นเซอร์ใหม่นี้ ช่วยให้สามารถใช้โหมดถ่ายภาพใหม่ที่ดีขึ้นได้รวมถึงโหมดวิดีโออย่าง Ultra Nightscape, Smart Long Exposure สำหรับ Night Mode และ Street Photography suite 2.0 ที่มี Light Trail Portrait, Neon Trail (สำหรับถ่ายรถยนต์และถนน), Light Painting, Rush Hour (เบลอ/ลบการเคลื่อนไหว ยกเว้นวัตถุนิ่ง), และอื่นๆ อีกเพียบ ใครชอบถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนจะสนุกกับมือถือเครื่องนี้แน่นอน
ต่อมาเป็นกล้องอัลตร้าไวด์ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX 355 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล หลังเลนส์ 16 มม. f/2.2 ไม่มีออโต้โฟกัส และโหมดกลางคืนใช้งานได้กับกล้องนี้ได้เช่นกัน
สุดท้ายคือกล้องมาโครที่มีเซ็นเซอร์ 2MP OmniVision OV02B พร้อมเลนส์ 21mm f/2.4 และโฟกัสคงที่ที่ 4 ซม. กล้องนี้ไม่สามารถถ่ายวิดีโอได้ และไม่มีโหมดกลางคืน
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX 471 1/3" ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พิกเซล 1.0µm และเลนส์ f/2.4 ใช้ระบบโฟกัสคงที่ fixed focus ที่คุณภาพดีใช้ได้ทีเดียว
โดยกล้องทั้งหมดสามารถทำงานภายใต้ระบบ AI Scene Enhancement (เรียกอีกอย่างว่า Chroma Boost หรือ Dazzle Color) ที่เหมือนกับโหมด HDR ขั้นสูง ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพตามซีนที่เหมาะสมอัตโนมัติ เช่น การถ่ายภาพวิว อาหาร หรือ บุคคล เป็นต้น รวมถึงมี Auto HDR ด้วยเช่นกัน
ที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทโฟนกล้องเยี่ยมในปัจจุบันอย่างโหมด Pro ก็มีให้เลือกใช้ครับ โดยผู้ใช้สามารถปรับค่าต่างๆ ได้ตามต้องการ เช่น การรับแสง (ISO ในช่วง 100-6400 และความเร็วชัตเตอร์ในช่วง 1/8000s-32s) สมดุลสีขาว (ตามอุณหภูมิแสง แต่ไม่มีการตั้งค่าล่วงหน้า) โฟกัสแบบแมนนวล และการชดเชยแสง (-2EV ถึง +2EV ในการเพิ่มทีละ 1/6EV) เป็นต้น และสามารถถ่าย RAW ไฟล์ได้ด้วยครับ แต่สำหรับกล้องหลักเท่านั้นนะ
ด้านคุณภาพของภาพถ่าย กล้องหลักถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับกล้องระดับนี้ครับ สามารถเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี มีคอนทราสต์สูง สมดุลแสงขาวแม่นยำเป็นส่วนใหญ่ และ Noise ที่น้อยมากถึงไม่มีเลยในบางสภาพแสง และมีช่วงไดนามิกแม้จะเป็น Auto HDR ก็ตาม แต่ภาพดูเป็นธรรมชาติมากทีเดียว
ส่วนการทำงานของ AI ถือว่าใช้ได้ดีครับ แม้ว่าบางครั้งอาจมีการเร่งสีสันให้เกินธรรมชาติไปเล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่คนส่วนใหญ่มองเห็นว่าสวยครับ
และแม้ว่า realme 9 Pro+ จะตัดเซ็นเซอร์ depth ความลึกออกไป แต่ก็ยังสามารถถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลักได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวแบบมีรายละเอียดที่ดี สีสันก็เยี่ยม คอนทราสต์ก็เช่นกัน และมีสัญญาณรบกวนก็ต่ำ ถือว่าการเบลอด้วยซอฟท์แวร์ทำได้น่าพอใจเช่นกัน ถือว่าผ่าน
สำหรับการถ่ายภาพด้วยกล้อง 8MP อัลตร้าไวด์ จุดนี้ถือว่าดีใช้ได้ทีเดียวครับ ภาพค่อนข้างมีรายละเอียดที่ดีและคมชัด ซึ่งถือว่าดีกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับกล้องอัลตร้าไวด์ระดับกลางอื่นๆ มีคอนทราสต์ที่ดี และช่วงไดนามิกก็เช่นกัน สีสันที่สมจริงและการแก้ไขความผิดเพี้ยนอัตโนมัติอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และสำหรับกล้อง Macro 2MP ก็สามารถทำงานได้ดีตามมาตราฐานอีกด้วย
ส่วน Noise ในการถ่ายในที่แสงน้อยถือว่า realme 9 Pro+ ทำได้ดีกว่า 9 Pro อย่างชัดเจน รวมถึงการมี OIS ช่วยให้การถ่ายภาพ Night Mode ทำได้ง่ายกว่ารุ่นไม่ Plus ลองชมได้จากภาพตัวอย่างเลยครับ ซึ่งแต่ละภาพจะมีลายน้ำบ่งบอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นไหนเป็นเครื่องที่ถ่ายนะครับ
เปรียบเทียบภาพถ่ายจากทั้ง 2 รุ่น
สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงดี คุณภาพของภาพจะเห็นว่าภาพจาก 9 Pro+ จะดูดีกว่า และเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า 9 Pro เล็กน้อย ยกเว้นก็แต่ภาพที่ถ่ายย้อนแสงหนักๆ อย่างเช่นภาพบนนี้ที่โหมด HDR บน 9 Pro+ จะทำได้ดีกว่า แต่นอกนั้นถือว่าถ่ายสวยด้วยกันทั้งคู่ครับ แต่จุดแตกต่างจะเป็นในการถ่ายในที่แสงน้อยตามภาพด้านล่างนี้ครับ
จะเห็นว่าภาพจาก 9 Pro จะ noise เยอะกว่า และเห็นได้ชัดกว่าอย่างชัดเจน รวมถึงการที่ 9 Pro+ มีระบบกันสั่น OIS ทำให้การถือถ่ายให้นิ่งทำได้ง่ายกว่ามากครับ
อย่างสองภาพบนนี้ จะเห็นว่า 9 Pro+ เก็บแสงได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ทั้งที่ถ่ายในเวลาใกล้เคียงกันมาก
สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยกล้อง 16MP ผลลัพท์ที่ได้นั้นถือว่าใช้ได้ครับ มีรายละเอียดเพียงพอสำหรับกล้องหน้าระดับกลาง ทั้งสี คอนทราสต์ การควบคุมสัญญาณรบกวน และช่วงไดนามิก โดยรวมถือว่าทำได้สวยตามสไตล์ realme เช่นเคย
realme 9 Pro+ สามารถถ่ายวิดีโอด้วยกล้องทั้งหมดยกเว้นเพียงกล้องมาโครเพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยกล้องหลักสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 30fps และ 1080p ที่ทั้ง 30fps และ 60fps ส่วนกล้องอัลตร้าไวด์ถูกจำกัดไว้ที่วิดีโอ 1080p @ 30fps เท่านั้น
สมาร์ทโฟนจะมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเปิดใช้ตลอดเวลาและใช้ได้กับกล้องทุกขนาด ส่วนระบบ OIS นั้นจะใช้งานได้กับกล้องหลักเช่นกัน
แบตเตอรี่
realme 9 Pro+ ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ 4500mAh เช่นเดียวกับ realme 8 Pro และ realme 7 Pro ครับ แต่มีการอัพเกรดไปใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว 90Hz ที่เร็วกว่าเดิม รวมถึงชิปเซ็ต Dimensity 920 ก็แรงขึ้นกว่า Snapdragon 720G จากรุ่นก่อน แต่อย่างไรก็ตาม realme 9 Pro+ ถือว่าสามารถใช้งานได้นานไม่แตกต่างจากรุ่น 8 Pro และ 7 Pro เลยครับ ตรงนี้ถือว่ามีการจัดการด้านพลังงานที่น่าประทับใจ
จากที่ทีมงานทดสอบใช้งานจริงในระดับการใช้งานทั่วไป มีการโทรเข้าออกเรื่อยๆ ตลอดวัน เล่นเน็ต ตอบเมล เช็คแชตต่างๆ บางครั้งเวลาว่างมีการเล่นเกม และดูคลิปต่างๆ การใช้งานทั่วไปเช้ายันเย็นแบตยังไม่หมดครับ แต่หากเล่นเกมหนักๆ แบตก็จะหมดเร็วขึ้นเป็นธรรมดา
ส่วนการชาร์จไฟกลับนั้นจากที่ทดสอบด้วยที่ชาร์จเร็วซึ่งแถมมาในกล่อง จะสามารถชาร์จ 0-100% ได้ในเวลาประมาณ 50 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมากทีเดียวครับ
สรุป
โดยสรุปนะครับ realme 9 Pro+ ถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่น่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ และมีงบประมาณจำกัด ซึ่งแม้ว่าตอนที่เขียนรีวิวอยู่นี้ realme จะยังไม่ประกาศราคาวางจำหน่ายของสมาร์ทโฟน 9 Pro Series ก็ตาม แต่เชื่อว่าราคาน่าจะอยู่ที่ระดับหมื่นบวกลบครับ ซึ่งถือว่ารุ่นนี้จะโดดเด่นมากสำหรับการถ่ายภาพแน่นอน
นอกจากนี้ด้านระบบประมวลผลก็ถือว่าเร็วแรงดีมากในระดับนี้เช่นกัน รวมถึงที่ขาดไม่ได้คือดีไซน์การออกแบบที่เหนือระดับ โดยเฉพาะสี Sunrise Blue ที่สามารถเปลี่ยนสีสันจากสีฟ้า เป็นสีส้มอมชมพูได้สวยไร้ที่ติ ใครที่ชื่นชอบมือถือมีสไตล์โดดเด่น น่าจะรักเครื่องนี้แน่นอน
สำหรับทางด้านราคา realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro เราจะรีบมารายงานให้ทราบทันทีที่มีข้อมูลนะครับ รอติดตามกันได้เลย สำหรับวันนี้ก็ต้องขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีครับ
UPDATE
เปิดราคามาแล้วนะครับสำหรับสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น โดยมีราคาดังนี้เลย
realme 9 Pro+
- ราคา 12,999 บาท (8+256GB)
realme 9 Pro
- ราคา 8,999 บาท (6+128GB)
- ราคา 9,999 บาท (8+128GB)