ชวนคุยกันก่อน
Huawei P50 Pro แน่นอนว่านอกจากจุดเด่นในด้านกล้องถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ พร้อมรองรับฟีเจอร์ชาร์จเร็วทั้งมีสายและไร้สาย มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว 120Hz กันน้ำกันฝุ่น IP68 มีดีไซน์ล้ำสมัย สวยหรู น้ำหนักเบาขึ้น ใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธงจาก Qualcomm พร้อมระบบระบายความร้อนระดับสูง โดยวันนี้ทีมงาน TechXcite จะมารีวิวสมาร์ทโฟนกล้องเทพรุ่นนี้กันครับ ว่าจะมีข้อดีหรือข้อสังเกตอะไรอย่างไรบ้าง
ข้อดี
มาพร้อมกล้องถ่ายภาพที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด
ดีไซน์สวยหรู ดูพรีเมี่ยมน่าใช้
วัสดุงานประกอบเนี๊ยบมาก
สเปคระดับเรือธง เกมลื่น ใช้งานคล่อง
แบตอึดทีเดียว ชาร์จกลับก็เร็ว
จอสวย เสียงดี ชมคอนเท้นต์สนุก
กันน้ำกันฝุ่น IP68
ข้อสังเกต
ยังไม่มี GMS แต่ใช้ GSpace แทนได้
ไม่รองรับ 5G
แกะกล่อง
ตัวเครื่อง Huawei P50 Pro เข็มจิ้มซิม เคสใส หัวชาร์จเร็ว สายดาต้า คู่มือและใบรับประกันต่างๆ
ดีไซน์การออกแบบ
Huawei P50 Pro มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 158.8 x 72.8 x 8.5 มม. และมีน้ำหนัก 195 กรัม ถือว่าเบาลงกว่ารุ่นที่แล้วครับ มีสีให้เลือกคือสี Golden Black (ที่เราได้มารีวิว) และ Cocoa Gold บอดี้ถูกออกแบบให้สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ในระดับ IP68 คือสามารถลงน้ำสะอาดได้ที่ความลึก 1.30 เมตรเป็นเวลา 30 นาที (แต่ไม่แนะนำให้นำลงไปเล่นในน้ำนะครับ)
ด้านดีไซน์การออกแบบของ Huawei P50 Pro ถูกออกแบบอย่างปราณีต มีวัสดุฝาหลังเป็นกระจกโค้งมนอย่างสวยงาม ไม่เหมือนบางค่ายที่ลดต้นทุนเป็นพลาสติกแม้ว่าจะเป็นเรือธงก็ตาม จุดเด่นที่มองเห็นได้เด่นชัดที่สุดก็คือบริเวณกรอบกล้องที่หัวเว่ยเรียกมันว่า Dual-Matrix Camera Design ที่มีวงกลมสองวง ซึ่งแต่ละวงมีกล้องวางอยู่ภายในอย่างสวยงามและโดดเด่น
โดยในวงกลมด้านบน จะประกอบด้วยกล้องหลัก กล้องโมโน และอัลตร้าไวด์ ในขณะที่วงด้านล่าง มีเลนส์ซูม Periscope และไฟแฟลช LED ซึ่งวงกลมแต่ละวงมีวงแหวนโลหะของตัวเอง โดยทั้งสองวงถูกวางอยู่ในพื้นที่ที่ยื่นออกมารูปเม็ดยาขนาดใหญ่ มองเห็นได้อย่างเด่นชัด
ด้านล่างมีช่องใส่ซิมการ์ด ไมค์ พอร์ต USB-C และลำโพงภายนอก
ด้านขวามีปุ่ม volume และปุ่ม power
ด้านบนมีไมค์เสริม และเซ็นเซอร์อินฟราเรด
ทางด้านซ้ายไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
โดยรวมแล้วดีไซน์การออกแบบของ Huawei P50 Pro แม้ว่าจะใช้วัสดุเป็นกระจกและอลูมิเนียมเกรดเดียวกับเรือธงในท้องตลาดทั่วไป แต่จะแตกต่างตรงที่ดีไซน์มีความโค้งที่ขอบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ไม่เหมือนกับรุ่นอื่นที่หันกลับไปใช้จอแบนกันมากขึ้น ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนครับว่าชอบจอโค้งหรือจอแบนมากกว่ากัน แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้รีวิวชอบจอโค้งมากกว่า มันดูหรูหรา ให้สัมผัสที่ดูพรีเมี่ยมมากกว่าครับ
ด้านหน้าจอของ Huawei P50 Pro จะมีขนาด 6.6 นิ้วแบบโค้งขอบข้าง ใช้จอ OLED ความละเอียด 2700x1228 พิกเซล (450ppi) และรองรับความถี่ 120Hz
สำหรับบางท่านอาจติว่า สมาร์ทโฟนเรือธงน่าจะให้ความละเอียดระดับ QuadHD ไปเลย แต่จากการใช้งานจริง ด้วยความหนาแน่นของพิกเซล 450 พิกเซลต่อตารางนิ้ว จอแสดงผล OLED บนสมาร์ทโฟนเรือธงของ Huawei เครื่องนี้มีความคมชัดเพียงพอแล้วครับ สามารถแสดงรายละเอียดได้อย่างชัดเจน ไม่เว้นแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ เช่น ข้อความตัวอักษรขนาดเล็ก ก็ยังแสดงได้คมชัด และยังแสดงผลได้ชัดเจนในมุมมองที่กว้างมากสมกับเป็นเรือธง
ด้วยหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว ถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วยมือข้างเดียวครับ ไม่ใหญ่เกินไป และไม่เล็กเกินไป เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดกะทัดรัด แถมยังเป็นหน้าจอแบบ OLED ที่เป็นขวัญใจของผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายคน ที่ทั้งสว่าง สีสันสดใส และให้ระดับคอนทราสต์สูง ช่วยให้การแสดงผลดูแล้วสวยงาม สบายตา ดูดีจากทุกมุมมอง
นอกจากนี้ยังมีข้อดีของอัตราการรีเฟรช 120Hz ทำให้อินเทอร์เฟซดูราบรื่น และลื่นไหลเป็นพิเศษ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในอุปกรณ์เรือธงส่วนใหญ่ในทุกวันนี้
ด้านการใช้งาน
Huawei P50 Pro จะมาพร้อมแอปสโตร์ที่มีชื่อว่า Huawei AppGallery และใช้การ Search คือ Petal Search แทนที่ Google ครับ เพราะยังไม่มี Google Play Services นั่นเอง และใช้ซอฟท์แวร์ EMUI 12 เป็นอินเทอร์เฟซหลัก
จุดนี้อาจเป็นข้อสังเกตสำหรับ Huawei P50 Pro ครับ เพราะแน่นอนว่าด้านฮาร์ดแวร์ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Huawei ทำสมาร์ทโฟนได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่สำหรับคนที่ยังติดกับการใช้งานเซอร์วิสของ Google อาจเกิดอาการติดขัดเล็กน้อยเมื่อมาเริ่มใช้ HMS แต่อย่างไรก็ตาม นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ เพราะสมาร์ทโฟนของ Huawei ไม่มี GMS มานานแล้ว และ AppGallery เองก็พัฒนาขึ้นมากแล้วด้วยเช่นกัน ทำให้แอปพลิเคชันดังต่างๆ มีให้ใช้อยู่บนสโตร์ค่อนข้างครบครับ ทั้งแอปความบันเทิง โซเชียล เกม หรือแม้แต่แอปการเงินการธนาคารต่างๆ ก็มาครบถ้วน ดังนั้นจุดนี้อาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ถนัดแล้วแต่อย่างใด
นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีแอปจากนักพัฒนา third-party อย่าง GSpace ที่ให้คุณสามารถใช้บริการของ Google ต่างๆ ได้บนสมาร์ทโฟน Huawei แบบผู้ใช้ทั่วไปก็ใช้งานได้อย่างง่ายครับ พวก Google Maps, Gmail, YouTube หรืออื่นๆ ก็สามารถโหลดลงเครื่องได้สบาย แต่ถ้าอยากใช้งานแบบเต็มรูปแบบต้องเสียเงินนะ แต่ก็ไม่กี่ตังค์ครับ
และนอกจากเรื่องข้อสังเกตที่ด้านบน แต่ EMUI 12 ก็ยังมีข้อดีและจุดที่น่าสนใจครับ คือการปรับปรุงดีไซน์หรือ UI ต่างๆ ของไอคอนแอป สีสันใหม่ และการออกแบบโดยรวมถือว่าค่อนข้างสวยงามขึ้น และดูน่าใช้ขึ้นเช่นกัน
โดยมีฟีเจอร์หนึ่งที่เราค่อนข้างชอบเป็นพิเศษครับ คือ โฟลเดอร์ใหม่ที่สามารถขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ และสามารถกดให้หดกลับได้เช่นกัน ช่วยให้สามารถจัดกลุ่มแอปต่างๆ ได้สวยงาม เป็นระเบียบมากขึ้น และยังช่วยประหยัดเวลาในการแตะเพื่อขยาย สามารถแตะโดยตรงเพื่อเปิดได้เลยอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ประสิทธิภาพการใช้งาน และแบตเตอรี่
ด้านการเล่นเกม Huawei P50 Pro สามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหาครับ เพราะชิปเซ็ต Snapdragon 888 อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ทำให้การประมวลผลทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งทางด้านการเล่นเกม หรือการประมวลผลกราฟฟิกหนักต่างๆ รวมไปถึงการใช้งานทั่วไป เล่นโซเชียล ดูหนังฟังเพลง ทำได้ลื่นไหล ไม่มีสะดุดให้เห็นเลยครับ
Huawei P50 Pro มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 ทำงานร่วมกับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 256GB มีแบตเตอรี่ 4360mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบมีสาย 66W SuperCharge และ 50W Wireless SuperCharge แบบไร้สาย
ในทางเทคนิคแล้ว Huawei P50 Pro เป็นโทรศัพท์รุ่นปี 2021 ที่ถูกเลื่อนการเปิดตัวในต่างประเทศมาเป็นในปี 2022 ด้วยเหตุผลบางประการ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สมาร์ทโฟนจะใช้โปรเซสเซอร์ Snapdragon 888 ยังไม่ใช่ Snapdragon 8 Gen 1 หรืออื่นๆ ที่เรือธงปีนี้ใช้กัน ดังนั้นจุดนี้อาจถูกนำไปเปรียบเทียบกับค่ายอื่นได้
แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครบอกว่า CPU Snapdragon 888 เป็นชิปที่ไร้ประสิทธิภาพครับ เพราะแม้ว่าจะเป็นชิปปีที่แล้วแต่ก็ยังคงเป็นโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล และเล่นเกมระดับท็อปได้อย่างราบรื่นอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งถ้าวัดกันที่ประสบการณ์การใช้งานคงยากที่จะบอกได้ว่าชิปตัวนี้ทำงานต่างกันอย่างไร
นอกจากนี้ Huawei ยังคงรักษาชื่อเสียงด้านประสิทธิภาพของแบตเตอรี่มาอย่างยาวนาน โดยแม้ว่าตัวเลข 4360mAh อาจดูไม่เยอะสะใจ แต่จากการทดสอบโทรศัพท์สามารถใช้งานได้เต็มวันอย่างสบาย สำหรับการใช้งานทั่วไปเช้ายันเย็น ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมช่วงพัก เล่นเน็ต หรือเล่นโซเชียลเวลาว่าง เป็นต้น
โดยจากการทดสอบการใช้งานจริงดังที่กล่าวไปข้างต้น ก่อนนอนแบตเตอรี่ยังเหลือมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแม้ว่าการใช้งานของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน แต่ทีมงานเชื่อว่าแบตระดับนี้ ทุกท่านใช้งานทั่วไปก็น่าจะจบวันแบบแบตยังเหลือได้แน่นอน
ด้านการถ่ายภาพที่โดดเด่น
Huawei P50 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวประกอบไปด้วยดังนี้
กล้องหลัก (23มม.) ความละเอียด 50MP f1.8, laser autofocus, phase detection autofocus (PDAF), และระบบกันสั่นด้วยเลนส์ OIS กล้อง Zoom (3.5x/90มม.) ความละเอียด 64MP f3.5, PDAF, OIS กล้อง Ultrawide (13มม.) ความละเอียด 13MP, f2.2, PDAF กล้อง Mono (23มม.) ความละเอียด 40MP, f1.6
และนอกจากนี้ยังมีกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซลอีกด้วย
เชื่อว่าถ้าเพื่อนๆ ได้สัมผัสกล้องของ Huawei P50 Pro คงต้องยอมรับเหมือนกันว่ากล้องโทรศัพท์ของ Huawei เป็นหนึ่งในกล้องที่ดีที่สุดในตลาดต่อไปแน่นอน เพราะดูเหมือนว่า Huawei จะประสบความสำเร็จในการเลือกใช้ Hardware คุณภาพสูง บวกกับระบบประมวลผลภาพที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถมอบผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง และเป็นจุดขายหลักของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลย
สำหรับการถ่ายภาพในชีวิตประจำวันด้วยแสงที่เหมาะสม กับกล้อง 3 ตัวหลัก คือ กล้องหลัก, Ultrawide, และ Tele สามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ให้ผลลัพธ์ที่สมดุลพร้อมรายละเอียดที่ดี สีสันที่เป็นธรรมชาติ และจัดการไฮไลท์และคอนทราสต์ได้ดีในทุกกล้อง
ด้านอินเทอร์เฟซของแอปกล้อง ก็จะคล้ายกับแอปกล้องส่วนใหญ่ที่เราเคยใช้งานครับ ทำให้เราสามารถใช้งานไม่ยาก และคุ้มเคยได้อย่างรวดเร็ว และมาพร้อมตัวควบคุมทางยาวโฟกัสที่เลือกได้อย่างรวดเร็ว คือ 1x, 3.5x และ 10x ที่เราสามารถข้ามระหว่างทางยาวโฟกัสเหล่านี้ได้โดยตรงโดยการแตะที่ไอคอนบนหน้าจออย่างง่าย
หรือจะใช้อีกวิธีในการซูมที่ละเอียดยิ่งขึ้น คือการกดค้างไว้แล้วลากไอคอนขึ้นหรือลง วิธีนี้ทำให้คุณสามารถซูมได้สูงสุด 100 เท่าโดยใช้การซูมด้วยกล้อง Periscope ครับ แต่แน่นอนว่าเมื่อซูมเยอะขนาดนั้น ภาพจะมีการแตกบ้างแน่นอน เพราะจะเป็นการซูมดิจิทัลนั่นเอง ลองชมตัวอย่างได้ด้านล่างนี้เลยครับ
โดยรวมแล้วสำหรับกล้องซูมบน Huawei P50 Pro ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ห่างไกลแน่นอนครับ เพราะสามารถให้รายละเอียดที่ดีในสไตล์ของการซูมดิจิตอลอีกด้วย
สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยนั้น ถือเป็นจุดด้อยของกล้องบนสมาร์ทโฟนเลยครับ แต่สำหรับบน Huawei P50 Pro ตรงนี้สอบผ่านสบาย เพราะในเวลากลางคืนหรือแสงน้อย คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้การตั้งค่าโหมดกลางคืนเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม เพราะ AI ทำงานค่อนข้างฉลาดครับ ระบบจะตรวจว่าเป็นฉากกลางคืนอัตโนมัติ และสามารถถ่ายภาพที่สว่างและมีรายละเอียดสูงได้ทันที แม้ว่าคุณจะถือกล้องด้วยมือ ไม่ได้ใช้ขาตั้งก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากเป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมากๆ การใช้โหมดกลางคืนช่วยก็ให้ผลลัพท์ที่ดีกว่าครับ เพราะดูเหมือนว่าจะทำให้ภาพดูดีขึ้นอีกเล็กน้อย แต่แน่นอนว่ามือของคุณก็ต้องนิ่งพอที่จะเก็บภาพด้วยนะ
นอกจากนี้ Huawei ยังมีโหมด Pro ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปรับการตั้งค่ากล้องได้อย่างมืออาชีพด้วยตนคุณเองได้อย่างง่ายดาย เช่น สำหรับการถ่ายภาพดวงดาว ก็สามารถทำได้โดยตั้งโทรศัพท์บนขาตั้งกล้อง และถ่ายภาพโดยเปิดรับแสง 30 วินาที เท่านี้คุณก็จะได้ภาพที่ยอดเยี่ยมแน่นอน
ลองชมตัวอย่างภาพถ่ายกันครับ
เปรียบเทียบประสิทธิภาพการซูมในระยะต่างๆ
สรุป
สมาร์ทโฟน Huawei P50 Pro ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีฮาร์ดแวร์ล้ำหน้าที่สุดในตลาดแฟล็กชิปในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งยังคงน่าประทับใจอย่างมาก ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ครับ
ส่วนด้านการใช้งานทั่วไปนอกจากเรื่องกล้องแล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม สมกับเป็นเรือธง ทั้งการทำงานที่ลื่นไหล หน้าจอสวยสดใส แบตเตอรี่ที่อึด ใช้งานได้เต็มวัน และดีไซน์ที่สวยโดดเด่น ให้สัมผัสที่หรูหราไม่มีการลดทอนสเปควัสดุงานประกอบแต่อย่างใด
ส่วนจุดสังเกตหลักๆ อย่างเดียวก็คงหนีไม่พ้นการขาดหายไปของ Google Mobile Services ที่แม้ว่า AppGallery จะพัฒนาให้ดีขึ้นมากแล้วก็ตาม (หรือจะมี GSpace ให้ใช้ดังที่กล่าวไปด้านบน) แต่หลายคนยังกังวลอยู่ ซึ่งทางผู้รีวิวขอบอกแบบนี้ครับ ถ้ากำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่กล้องเยี่ยมยอด เอาแบบที่พกมือถือถ่ายแทนกล้องดิจิทัล หรือไม่อยากแบกกล้อง DSLR หนักๆ เที่ยว Huawei P50 Pro รุ่นนี้ช่วยให้ถ่ายภาพสวย ด้วยการใช้กล้องมือถือเพียงเครื่องเดียวได้แน่นอนครับ เรื่องแอปพลิเคชัน บน AppGallery ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เข้าที่เข้าทางเองครับ
โดย Huawei P50 Pro เปิดราคาที่ 33,990 บาท พร้อมกับรับของแถมสุดล้ำเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ซีรีย์เรือธงอย่าง Huawei Watch GT2 Pro Classic (มูลค่า 9,990) และประกันจอแตก 3 เดือน (499 บาท) ฟรีเลยครับ ถือว่าโปรเร้าใจทีเดียว ใครที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามกันได้ที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านเพื่อนๆ เลยครับ
สำหรับวันนี้ก็ต้องขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีครับ :)