คลิปนี้จัดว่าเป็นไวรัลที่ดังมากในต่างประเทศเพราะตัวคลิปมีการโพสต์ลงบน YouTube ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มียอดคนดูไปแล้วมากกว่า 4 ล้านวิวซึ่งในคลิปมีการนำเอา Tesla Model S มาติดตั้งระเบิดไดนาไมท์น้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัมแล้วก็ทำการระเบิดมันทิ้ง
เหตุมันเกิดจาก Tuomas Katainen ชาวฟินแลนด์ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ Tesla Model S คันนี้โดยเขาได้ให้ข้อมูลว่ารถคันนี้ถูกซื้อมาตั้งแต่ปี 2013 ด้วยราคา 57,400 เหรียญสหรัฐตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2 ล้านบาทเขามีความสุขกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้เป็นอย่างมากในช่วง 1,000 ไมล์แรกแต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้นจนต้องนำรถเข้าไปหา Tesla dealer’s repair shop เพื่อทำการซ่อมบำรุงเรื่อยมาจนกระทั่งล่าสุดตัวรถได้มีข้อผิดพลาดบางอย่างทำให้เขาต้องนำรถกลับเข้าไปที่ Tesla dealer’s repair shop เพื่อตรวจสอบดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นผลก็คือแบตเตอรี่ของตัวรถยนต์มันเกิดปัญหาและจะมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 22,600 เหรียญสหรัฐตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 760,000 บาท
ด้วยราคาเปลี่ยนแบตที่สูงขนาดนี้ทำให้เจ้าของรถเกิดความไม่พอใจเพราะ Tesla ดูไม่จริงใจที่จะดูแลลูกค้าที่ซื้อรถไปในช่วงแรกๆอย่างเช่นรถคันนี้เพราะตามประกันของ Tesla ก็คือจะมีการรับประกันแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนเป็นเวลาทั้งหมด 8 ปีหรือระยะ 150,000 ไมล์และเมื่อหมดประกันสิ่งที่ผู้ใช้ต้องมาพบเจอก็คือค่าซ่อมที่แพงเกินจะรับได้ทำให้เขาตัดสินใจที่จะระเบิดรถยนต์คันนี้
ด้วยราคาเปลี่ยนแบตที่สูงขนาดนี้ทำให้เจ้าของรถเกิดความไม่พอใจเพราะ Tesla ดูไม่จริงใจที่จะดูแลลูกค้าที่ซื้อรถไปในช่วงแรกๆอย่างเช่นรถคันนี้เพราะตามประกันของ Tesla ก็คือจะมีการรับประกันแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนเป็นเวลาทั้งหมด 8 ปีหรือระยะ 150,000 ไมล์และเมื่อหมดประกันสิ่งที่ผู้ใช้ต้องมาพบเจอก็คือค่าซ่อมที่แพงเกินจะรับได้ทำให้เขาตัดสินใจที่จะระเบิดรถยนต์คันนี้เพื่อให้ Tesla คิดทบทวนในเรื่องของราคาและค่าซ่อมของรถที่หมดประกันไปแล้วอีกครั้ง
เรียกได้ว่าเป็นการร้องเรียนที่เสียงดังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการรถยนต์เลยก็ว่าได้นะครับเพราะถ้าเราติดตามเรื่องการร้องเรียนเรื่องรถยนต์แค่ในบ้านเราก็มักจะเห็นว่าส่วนมากมักจะใช้ค้อนทุบที่บริเวณกระจกรถยนต์หรือเอาขวานมาจามที่บริเวณหลังคารถแต่พ่อหนุ่มคนนี้เล่นระเบิดรถยนต์ทิ้งทั้งคันแถมยังเอาหุ่นจำลอง CEO ของบริษัทเข้าไปนั่งในรถแล้วทำการระเบิดไปพร้อมกันมันเป็นการส่งคำร้องที่แสบทรวงเลยทีเดียว
ที่มา : theverge