วันนี้ Realme ได้ทำการเปิดตัวเรื่องราวของนวัตกรรมแรกของโลกที่จะนำมาใช้สมาร์ทโฟนรุ่นถัดไปที่จะเปิดตัวในปีหน้าอย่างเช่น Realme GT 2 Pro สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีการยืนยันแล้วว่าจะถูกขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 8 Gen 1 นวัตกรรมทั้ง 3 อย่างนั้นจะประกอบไปด้วยเรื่องของการออกแบบ,การถ่ายภาพและการสื่อสาร
มาเริ่มจากเรื่องนวัตกรรมการออกแบบกันก่อนเลยครับ Realme เคยพูดถึงเรื่องการออกแบบฝาหลังของตัวเครื่องแบบใหม่และเคยปล่อยข้อมูลออกมาบ้างแล้วโดยพวกเขาได้ไปจับมือทำงานกับ Naoto Fukasawa นักออกแบบอุตสาหกรรมชาวญี่ปุ่นในครั้งนี้ Concept ที่พวกเขาวางไว้ก็คือความยั่งยืนและแรงบันดาลใจจากกระดาษ
ใช่ครับ Realme GT 2 Pro จะมีฝาหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระดาษซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า Paper Tech Master Design เป็นวัสดุที่ทำมาจากโพลิเมอร์ชีวภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทนที่จะใช้งานพลาสติกในแบบเดิมๆ ในขั้นตอนการผลิตมันก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซที่เป็นมลภาวะได้มากถึง 40 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์และนอกจากนั้นตัวบรรจุภัณฑ์กล่องแบบใหม่ก็จะใช้พลาสติกน้อยลงกว่าเดิมโดยรวมในกล่องรุ่นเก่าจะมีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกถึง 27.1 เปอร์เซ็นต์และในกล่องแบบใหม่จะมีอัตราส่วนพลาสติกเหลือเพียง 0.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
นวัตกรรมเรื่องการถ่ายภาพ Realme GT 2 Pro จะมีกล้องมุมกว้างแบบพิเศษที่ให้มุมกว้างถึง 150 องศาเป็นตัวแรกของโลกโดยให้ระยะการมองเห็นที่สูงกว่า 89° FOV ของยูนิตหลัก 278% ช่วยให้คุณถ่ายภาพด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นด้วยการพัฒนาเลนส์ Fish Eye สำหรับกล้องสมาร์ทโฟนขึ้นเป็นตัวแรกของโลกอีกด้วย
นวัตกรรมด้านการสื่อสาร Realme GT 2 Pro จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Antenna Array Matrix System ซึ่งมันจะประกอบไปด้วย "Ultra Wide Band HyperSmart Antenna Switching" ตัวแรกของโลก Wi-Fi Enhancer และเทคโนโลยี NFC 360° มีการสลับเสาอากาศ HyperSmart แบบ Ultra Wide Band ใช้เสาอากาศแบบพันรอบ 12 เสาครอบคลุมทุกด้านของสมาร์ทโฟนและ "รองรับแถบความถี่หลักในเกือบทุกทิศทาง" ด้วยความแรงของสัญญาณเท่ากัน ทำให้ GT 2 Pro สามารถเลือกสัญญาณที่ดีที่สุดได้โดยอัตโนมัติโดย การประเมินความแรงของสัญญาณของเสาอากาศทั้งหมด
ในทางกลับกัน Wi-Fi Enhancer จะใช้การแบบเสาอากาศแบบสมมาตรสามารถปรับปรุงความเสถียรของสัญญาณได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์รอบโทรศัพท์เมื่อเทียบกับการออกแบบที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้วยังมีการรวมเอาเสาสัญญาณ Cellular 2 ตัวเข้ากับฟังก์ชันตัวรับส่งสัญญาณ NFC ทำให้ได้พื้นที่การตรวจจับมากถึง 500 เปอร์เซ็นต์แล้วมีระยะการตรวจจับที่กว้างถึง 20 เปอร์เซ็นต์ทำให้การใช้งาน NFC นั้นทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ที่มา : gsmarena