เป็นที่ทราบกันดีว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำงานในสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอสภาพอากาศที่หนาวจัดหรือร้อนจัดมันจะเป็นตัวแปรที่ทำให้แบตเตอรี่นั้นมีความคลาดเคลื่อนในการเก็บหรือคลายประจุทำให้ได้ระยะทางที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมอยู่พอสมควรแต่ในครั้งนี้ได้มีการนำเอารถโรงเรียนไฟฟ้า 100% ไปทดลองวิ่งในสภาพอากาศอันหนาวเย็นยะเยือก
ที่แห่งนั้นก็คือโรงเรียนในเมืองเมือง Tok จากรัฐ Alaska ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้ทำการทดลองซื้อรถโรงเรียนไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์จากบริษัท Thomas Built Buses ในรุ่น Electric School Bus ด้วยราคา 50,000 เหรียญสหรัฐแต่ในความเป็นจริงแล้วราคาของตัวรถจะอยู่ที่ 400,000 เหรียญสหรัฐโดยสาเหตุที่เขาซื้อมาในราคานี้ก็เพราะว่าทางโรงเรียนได้รับเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านพลังงานของ Alaska ที่นอกจากช่วยสนับสนุนเงินในการซื้อรถโรงเรียนคันนี้มาถึง 350,000 เหรียญสหรัฐยังช่วยจัดซื้อแผงโซล่าเซลล์ที่จะใช้ในการชาร์จไฟรถโรงเรียนคันนี้อีกด้วย
ตัวรถจะสามารถทำระยะทางได้ 252 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งแต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาใช้รถแค่วันละ 48 กิโลเมตรต่อวันเท่านั้นเพราะตัวเมืองมีขนาดค่อนข้างเล็กและมีประชากรอาศัยอยู่ไม่มากเรื่องระยะทางจึงไม่เป็นปัญหาแต่ว่าในตอนนี้รถคันนี้ยังเป็นรถโรงเรียนไฟฟ้า 100% เพียงแค่คันเดียวเท่านั้นโรงเรียนอื่นๆยังดูไม่มีท่าทีว่าจะอยากซื้อเข้ามาใช้ถึงอย่างไรก็ตามทุกอย่างคงต้องรอดูว่าหลังจากการใช้งานไป 1 ปีถ้ามันประสบความสำเร็จไม่มีปัญหาอะไรตามออกมาก็คาดว่าโรงเรียนอื่นๆน่าจะซื้อไปใช้งานอย่างแน่นอน
ในเรื่องของปัญหาที่ว่านั้นก็คือตัวรถต้องไปเผชิญกับความหนาวซึ่งหลายๆท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่า Alaska เป็นสถานที่ที่มีอากาศเย็นตลอดปีอย่างช่วงที่รถยนต์ไฟฟ้านั้นได้ส่งมอบไปก็จะเป็นช่วงที่ Alaska จะเข้าสู่ช่วงหนาวอย่างเต็มที่โดยคาดว่าจะมีโอกาสที่อุณหภูมิจะลงไปถึง -40 องศาเซลเซียสได้เลยทีเดียวคราวนี้เราจะได้เห็นแล้วว่าศักยภาพของรถไฟฟ้าเมื่อเจอกับความหนาวเหน็บขนาดนั้นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าหรือระบบการจ่ายไฟมันยังสามารถทำงานได้ดีอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ก็ต้องรอดูกันครับ
ที่มา : insideevs