Infinix เปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล Note-Series ขนาดจัมโบ้รุ่นใหม่ Infinix Note 11 Series ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่เปิดตัว Infinix Note 10 Pro รุ่นก่อน ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.95 นิ้ว แทบจะเป็นแท็บเล็ตขนาดเล็กมากกว่าโทรศัพท์ด้วยซ้ำ โดยในรุ่นใหม่นี้ได้เพิ่มอัตราการรีเฟรชได้เพิ่มขึ้นจาก 90Hz เป็น 120Hz และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสยังคงอยู่ที่ 180Hz สำหรับการเล่นเกมที่รวดเร็วเช่นเคย
Infinix Note 11 Seires มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ที่มีความละเอียด 1,080 x 2,460 พิกเซลเหมือนเดิม แต่ปีนี้มีชิปเซ็ตใหม่ Helio G96 โดย MediaTek ที่ยกระดับความแรงขึ้นด้วยคอร์ Cortex-A76 CPU หนึ่งคู่เหมือนรุ่นก่อน (G95) และจากการทดสอบแสดงให้เห็นแล้วว่าชิปใหม่ว่ามีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นขึ้นอีกด้วย
ในขณะที่ GPU ถูกลดระดับลงจาก Mali-G76 MC4 เป็น G57 MC2 และแสดงในการทดสอบ รวมถึงชิป Helio G95 รุ่นก่อนไม่สามารถรองรับจอแสดงผล 1080p ที่ 120Hz ได้ ทำให้บริษัทเลือกใช้เป็น G96 แทน และคาดว่าซีรีส์ Note 11 จะทำงานได้ดีกว่าโทรศัพท์ที่ใช้ G96 รุ่นอื่นๆ ด้วยครับ เนื่องจากมีฟิล์มกราฟีน 9 ชั้นที่ช่วยให้ชิปเซ็ตเย็นลง
Infinite Note 11 Pro มาพร้อมกับความจุหน่วยความจำพื้นฐานที่สูงขึ้นเป็น RAM 8GB และที่เก็บข้อมูล 128GB เพิ่มขึ้นจาก 6/64GB มีช่องเสียบ microSD และแม้แต่ RAM ก็สามารถขยายได้ เนื่องจากซอฟต์แวร์ XOS 10 เวอร์ชั่นใหม่ (บนพื้นฐาน Android 11) สามารถเพิ่ม RAM เสมือนได้ 3GB จากการใช้พื้นที่จัดเก็บ UFS 2.2 ที่มีความเร็ว Write Booster ของ Infinix ที่เร่งความเร็วในการเขียนอีกด้วย
ด้านการถ่ายภาพ มาพร้อมกล้องหลักด้านหลัง 64MP ทำงานร่วมกับโมดูลเทเลโฟโต้ 13MP รองรับการซูมสูงสุด 30x (แบบดิจิทัล) และตัดกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP ของรุ่นก่อนออกไป มีเพียงเซ็นเซอร์ความลึก 2MP เท่านั้น
ในขณะที่ Infinix Note 11 รุ่นพื้นฐานจะแตกต่างจากรุ่น Pro คือมีกล้องหลัก 50MP และเลนส์เทเลโฟโต้ 2MP ซึ่งไม่แน่ใจว่าข่าวประชาสัมพันธ์พิมพ์ผิดหรืออย่างไร เพราะเราแทบไม่เคยเห็นกล้องเทเลบนสมาร์ทโฟนที่มีความละเอียดนี้มาก่อน อันนี้ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมอีกที แต่อย่างไรก็ตามทั้งคู่มีกล้องเซลฟี่ 16MP ที่ด้านหน้า
นอกจากกล้องแล้ว ในรุ่น Pro ยังโดดเด่นด้วยลำโพงสเตอริโอ (ด้านบนและด้านล่าง) ซึ่ง Infinix เรียกว่า Digital Theater System รวมถึงคุณยังสามารถรับชมคอนเท้นต์บนหน้าจอขนาดใหญ่ได้ง่ายขึ้น โดย Infinix มีระบบที่ให้คุณส่งภาพขึ้นหน้าจอใหญ่ หรือการสะท้อนหน้าจอไปยังทีวีและแล็ปท็อปได้อย่างง่ายดาย และยังมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. (พร้อมเครื่องรับวิทยุ FM)
แบตเตอรี่มีความจถ 5,000mAh ในรุ่น Pro รองรับการชาร์จอย่างรวดเร็ว 33W ผ่าน USB-C เช่นเดียวกับรุ่นก่อน แบตเตอรี่นั้นน่าจะใช้งานได้ถึง 800 รอบการชาร์จโดยไม่ทำให้ความจุลดลง มีอะแดปเตอร์จ่ายไฟรวมอยู่ในกล่องขายปลีก และใจดีแถมเคสซิลิโคนแบบใสและฟิล์มกันรอยกระจกมาให้ในกล่องเลยด้วย
Infinix Note 11 และ Note 11 Pro จะวางจำหน่ายในบางประเทศในเร็วๆ นี้ (ประเทศไทยน่าจะเป็นหนึ่งในนั้นครับ) แต่ยังไม่ประกาศราคาวางจำหน่ายออกมา
source: gsmarena