ดีไซน์
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคะ กู๊ดดรีม TechXcite มาส่งรีวิวกันเช่นเคย เมื่อช่วงต้นปี vivo ได้มีการเปิดตัว vivo X60 Pro 5G ที่สร้างความประทับใจในเรื่องกล้องและความสามารถในการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ซึ่งไม่ทันข้ามปี vivo X70 Series ก็เปิดตัวมาสร้างความฮือฮากันอีกครั้ง พร้อมการอัปเกรดประสิทธิภาพในหลายด้านด้วยกัน โดยใน X70 Series ได้เปิดตัวมาด้วยกันสองรุ่นคือ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ใน Series ใหม่แกะกล่องนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไร และมีการอัปเกรดจากเดิมมากน้อยแค่ไหน บทความนี้รู้กัน
จุดเด่น
- ดีไซน์บางเบา พกพาง่าย
- ความร่วมมือ Zeiss เพิ่มประสิทธิภาพกล้อง
- แบตเตอรี่ชาร์จไว 44W
- จอ HDR10+ สีสันสดใส
- ชิปเซ็ตตัวแรง MediaTek Dimensity 1200
จุดสังเกต
- ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5
- ลำโพงเดี่ยว
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
- เครื่อง vivo X70 Series
- สายชาร์จ USB-C
- อะแดปเตอร์ชาร์จ 44W
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
- หูฟัง
- เคสใส
ดีไซน์
ในเรื่องของดีไซน์ทั้งสองรุ่นมีด้วยกันทั้งหมด 2 สีคือ Cosmic Black และ Aurora Dawn ขนาด 6.56 นิ้วเท่ากันทั้งสองรุ่น
Cosmic Black มันคือสีดำที่มีความระยิบระยับเวลาพลิกโดนแสง แรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ประกายของดาวดวงเล็กดวงน้อย
Aurora Dawn จะเป็นโทนสีสว่างเป็นแสงออโรร่าบนท้องฟ้าในช่วงเวลารุ่งอรุณ มีการเล่นแสงวิบวับไล่สีส้มฟ้าม่วงน้ำเงินเขียวส้ม สวยงาม เคลือบฝาหลังด้วยเทคโนโลยี fluorite AG ใหม่ ซึ่งมันไม่ติดรอยนิ้วมือเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะมือเหนียวมือมัน ก็ไม่ทิ้งรอยไว้ที่ฝาหลัง และ Texture การสัมผัสของฝาหลังมันเป็นความด้านแต่ไม่สากมือ จับแล้วมีความละมุนนุ่มมือพรีเมียม
โมดูลกล้องจัดวางแบบ Cloud Valley โมดูลจะหนาขึ้นมาจากฝาหลังค่อนข้างมากทีเดียว ดีไซน์ทั้งหน้าและหลังของ X70 5G กับตัว X70 Pro 5G จะมีความเหมือนกันค่อนข้างมากแบบมองผ่านๆแทบแยกไม่ออก จะต่างกันตรงที่ในตัวของ X70 Pro 5G จะมีเลนส์ Periscope เพิ่มมาให้
ดีไซน์รอบตัวเครื่องเริ่มต้นจากขอบขวาเป็นปุ่ม power เปิดปิดเครื่องและปุ่ม Volume เพิ่มลดเสียง ด้านบนเป็นตัวอักษรข้อความว่า Professional photography ด้านล่างเป็นถาดซิม รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบหน้าหลังถัดมาเป็นช่องชาร์จ USB-C และลำโพง 1 ฝั่ง ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มาให้ต้องใช้สายแปลงเอา
โดยรวมเรื่องของดีไซน์เน้นความบางเบา พกพาง่าย มีความบางเพียง 7.55 มม. และน้ำหนัก 181-182 กรัมเท่านั้น
หน้าจอ
สำหรับหน้าจอของทั้ง 2 ตัวให้มาเท่ากันที่ 6.56 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED แต่ดีไซน์ของหน้าจอก็จะมีความแตกต่างกันตรงที่ vivo X70 Pro 5G จะเป็นหน้าจอแบบโค้งมนที่ขอบข้างเล็กน้อย ในขณะที่ vivo X70 5G จะเป็นหน้าจอแบนราบแบบทั่วไป
เรื่องความลื่นไหลของหน้าจอทั้งสองรุ่นรองรับอัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 120 Hz ซึ่งสามารถเลือกตั้งค่าอัตโนมัติเพื่อให้เครื่องประมวลผลความลื่นไหลของหน้าจอโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี HDR10+ เพื่อให้สีสันของหน้าจอที่สดใสและสมจริงมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการดูหนังดูซีรีย์ชมภาพยนต์ Content ต่างๆ ให้ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
สเปคการใช้งาน
vivo X70 5G
- หน้าจอ E5 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว
- Refresh Rate 120Hz
- RAM 8GB+ 4GB Extended 2.0
- ROM 128GB
- CPU MediaTek Dimensity 1200
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 Funtouch OS 12
- แบตเตอรี่ 4,400 mAh
- รองรับความเร็วในการชาร์จ 44W Flash Charge
- กล้องหลัง AI 3 ตัว
- กล้องหลักเซนเซอร์ IMX766V ความละเอียด 40MP (f/1.89)
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12MP (f/2.2)
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP (f/1.98) ซูม Optical 2x
- กล้องหน้า 32MP
- มีด้วยกันทั้งหมด 2 สี
- Cosmic Black
- Aurora Dawn
vivo X70 Pro 5G
- หน้าจอ E5 AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว
- Refresh Rate 120Hz
- RAM 12GB+ 4GB Extended 2.0
- ROM 256GB
- CPU MediaTek Dimensity 1200
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 Funtouch OS 12
- แบตเตอรี่ 4,450 mAh
- รองรับความเร็วในการชาร์จ 44W Flash Charge
- กล้องหลัง 4 ตัว
- Main Camera เซนเซอร์ Sony IMX766V ความละเอียด 50MP (f/1.75)
- Ultrawide ความละเอียด 12MP (f/2.2)
- Telephoto ความละเอียด 12MP (f/1.98) ซูม Optical 2x
- Telephoto เลนส์ Periscope ความละเอียด 8MP (f/3.4) ซูม Optical 5x
- กล้องหน้า 32MP
- มีด้วยกันทั้งหมด 2 สี
- Cosmic Black
- Aurora Dawn
MediaTek Dimensity 1200 ตัวท็อปตัวแรง รองรับ 5G ไม่สามารถเพิ่ม Micro-SD ได้ ในเรื่องของความปลอดภัยตัวนี้รองรับการสแกนลายนิ้วมือและใบหน้า โดยจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอสามารถเข้าถึงหน้าจอได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แตะเบาๆ ก็เข้าถึงตัวเครื่องได้แล้ว
การเล่นเกมส์และการดูหนังฟังเพลง
ในเรื่องของการเล่นเกมตัวนี้มีโหมด Gaming เพื่อให้เราสามารถเข้าไปปรับตั้งค่าเพื่อการเล่นเกมได้ตามต้องการ เลือกปรับได้ทั้งหมด 3 โหมดหลักๆ
- โหมดประหยัดแบตเตอรี่ ในโหมดนี้จะลดการทำงานบางอย่างลงเพื่อให้เราสามารถเล่นเกมได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
- โหมดสมดุล เครื่องจะปรับตั้งค่าให้เหมาะสมโดยคำนึงในเรื่องความลื่นไหลความคมชัดและการจัดการแบตเตอรี่ให้มีความเหมาะสม
- โหมดประสิทธิภาพ เพื่อการเล่นเกมแบบเร็วแรง ดึงประสิทธิภาพในการเล่นเกมออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งในแต่ละหมวดก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะเห็นตัวเลขการทำงานของ CPU และ gpu แบบ Real Time รวมไปถึงเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ในปัจจุบัน รวมไปถึงการจัดการการแจ้งเตือนต่างๆไม่ว่าจะเป็นการโทรข้อความแจ้งเตือนการบันทึกภาพหน้าจอการแคปภาพก็สามารถเลือกใช้งานจากตรงนี้ได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนสลับแอปให้วุ่นวาย
ROV
ในเกมนี้สามารถปรับตั้งค่าทุกอย่างได้สูงสุดและสามารถเลือกเปิดโหมดเฟรมเรทสูง 60 fps ได้ ในเกมนี้สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลให้ภาพกราฟฟิกสวย ไม่มีจังหวะสะดุดเลยแม้จะเป็นจังหวะการปล่อยสกิลหรือการเข้าปะทะ สามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา
Pokemon Unite
มาต่อกันที่เกมใหม่แกะกล่อง ในเกมนี้จุดเด่นก็คือความสวยงามของภาพกราฟิกและก็เอฟเฟคต่างๆซึ่งก็ทำได้ดีเล่นได้อย่างเพลิดเพลิน ในเกมนี้จะมีตัวเลขของเฟรมเรตให้เราได้เห็นแบบเรียลไทม์เลยว่าตอนนี้ประสิทธิภาพเป็นอย่างไร ถึงต้องบอกกันตรงๆว่าในเกมนี้ก็ยังมีความไม่เสถียรบางอย่างอยู่ทำให้บางจุดก็มีจังหวะเฟรมดรอปบ้างกระตุกมาก ตัวเลขเฟรมเรทค่อนข้างผันผวน ซึ่งเป็นปัญหาที่ตัวเกมเอง ในอนาคตถ้ามีการอัพเดทเพิ่มเติมก็เชื่อว่าการเล่นเกมนี้น่าจะทำได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
Call of Duty
การปรับตั้งค่าในเกมนี้สามารถปรับได้สูงสุดทุกอย่างเลย ไปเทสด้วยกัน 2 หมวดคือ Front Line กับแบทเทิลรอยัล ซึ่งทั้งสองหมวดก็จะมีการจัดการในเรื่องของพลังงานเครื่องแตกต่างกัน ด้วยความที่ Front Line จะเป็นแนวโหลดแมพฉากเดียว ส่วน Battle Royale จะเป็นการโหลดฉากต่อฉากคือเป็นแมพกว้าง ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง 2 โหมดสามารถทำได้ดีและเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีกระตุกเลยทั้งคู่ เกมสุดท้ายก็ปิดจ๊อบไปได้ด้วยดีเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลเป็นการการันตีคุณภาพของ MediaTek Dimensity 1200 ว่าของจริง
การดูหนังฟังเพลง
สำหรับรุ่นนี้ก็ถูกว่าเป็นอีกรุ่นที่เหมาะสำหรับการชม Content ต่างๆไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลงหรือว่าดูซีรีย์เกาหลีก็ดูได้อย่างเต็มอิ่มด้วยหน้าจอที่รองรับ HDR10+ เขาฉะนั้นเรื่องของความคมชัดแล้วก็สีสันของหน้าจอมันจะมีความจัดเต็มสมจริงและดูหนังได้อย่างจุใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เขายังเป็นระบบเสียง hi res ถึงแม้จะเป็นลำโพงเดี่ยวแต่ก็ให้คุณภาพของเสียงที่ดีและค่อนข้างมีมิติ ส่วนเรื่องของการจัดการแบตเตอรี่ดูหนัง 1 ชั่วโมงผ่านบริการสตรีมมิ่ง Disney Plus Hotstar แบตหายไป 8% ก็ถือว่ามีการจัดการแบตเตอรี่ที่ทำได้ดีทีเดียว
กล้อง
ในเรื่องกล้องของทั้งสองตัวได้รับการปรับปรุงคุณภาพด้วย ZEISS T* ซึ่งให้ภาพที่คมชัด ให้ค่าสีที่แม่นยำ ทำให้ภาพถ่ายมีสีสันสดใสยิ่งขึ้น จะมีความแตกต่างกันตรงที่ vivo X70 Pro 5G ให้กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และมีเลนส์ Periscope 8MP ซูม Optical 5x ในขณะที่ vivo X70 5G ให้กล้องหลักมาความละเอียด 40 ล้านพิกเซล และไม่มี Periscope มาให้
vivo X70 Pro 5G
- กล้องหลักเซนเซอร์ Sony IMX766V ความละเอียด 50MP (f/1.75)
- Ultrawide ความละเอียด 12MP (f/2.2)
- Telephoto ความละเอียด 12MP (f/1.98) ซูม Optical 2x
- Telephoto เลนส์ Periscope ความละเอียด 8MP (f/3.4) ซูม Optical 5x
vivo X70 5G
- กล้องหลักเซนเซอร์ IMX766V ความละเอียด 40MP (f/1.89)
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12MP (f/2.2)
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12MP (f/1.98) ซูม Optical 2x
คุณภาพของภาพถ่ายให้ความคมชัดและรายละเอียดเสมือนถ่ายด้วยกล้องมืออาชีพ สามารถนำไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้โดยที่ไม่เสียความละเอียด มี Gimbal Stabilization 3.0 เพื่อการโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ และมีการปรับปรุงคุณภาพของภาพถ่ายหลังจากการ Process เพื่อให้ภาพมันมีความ ละมุนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมี HDR ที่จะช่วยปรับสีสันและความคมชัดของภาพโดยอัตโนมัติ ถ่ายย้อนแสงก็ยังดึงรายละเอียดออกมาชัดเจน และยังมี AI ที่ช่วยจัดการปรับฉากหลังให้มีความสวยงามและ เหมาะสมมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นพอนำไปถ่ายภาพท้องฟ้า AI จะช่วยดึงรายละเอียดของเมฆแสงจากพระอาทิตย์ที่ส่องลงมาให้ชัดเจนขึ้นซึ่งสิ่งนี้มันจะทำให้ภาพถ่ายมันดูน่าสนใจและก็สวยงามมากกว่าเดิม
ประกอบกับเลนส์ Periscope ความละเอียด 8M สามารถซูมแบบ Optical 5x โดยที่ไม่เสียความละเอียด และภาพก็ไม่สั่นไหวด้วยแม้ว่าจะเป็นการซูมเข้าไปมากๆภาพก็จะยังคงนิ่งอยู่เวลากดชัตเตอร์ถ่ายออกมาภาพมันจะยิ่งคมชัด เหมาะสำหรับคนที่ชอบการซูมภาพหรือว่าถ่ายภาพในมุมมองที่แปลกใหม่
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์หลัก
Ultra-wide 12MP ตัวนี้ให้มุมมองภาพกว้างอย่างเป็นธรรมชาติ ถ่ายออกมาขอบภาพไม่มีผิดเพี้ยนบิดเบี้ยว ไม่มีฝ้าขาวเกิดขึ้นที่บริเวณขอบภาพ ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเจออยู่ในเลนส์อัลตร้าไวด์ส่วนใหญ่ มี HDR และ AI ช่วยปรับความคมชัดและสีสันของภาพเช่นเดียวกัน ซึ่งการสลับใช้ระหว่างเลนส์หลักเลนส์ Ultra-wide และก็เลนส์ Periscope สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องสลับใช้หลายขั้นตอน
Macro
นอกจากนี้เลนส์ Ultra-Wide ยังสามารถใช้ถ่ายเป็น Macro เพื่อการถ่ายภาพในมุมมองที่ใกล้มากๆ ได้อีกด้วย เพียงแค่กดเปิดเลนส์ Ultra-Wide และเคลื่อนกล้องเข้าหาวัตถุ
การถ่าย Portrait เปิดโบเก้ทำหน้าชัดหลังละลาย สามารถเลือกปรับระยะเบลอได้ตั้งแต่ 0.95 ไปจนถึง 16 มีความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม.สามารถเลือกถ่ายระยะกว้างเพื่อเก็บรายละเอียดที่สมบูรณ์ครบถ้วนมากยิ่งขึ้นหรือจะกด Zoom 2x เพื่อได้ภาพที่โดดเด่นก็เลือกปรับครีเอทได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ความโดดเด่นในการถ่ายภาพ Portrait คือลูกเล่นของฟังก์ชันที่มากับ Zeiss เป็นลูกเล่นเลนส์คลาสสิกของ ZEISSไม่ว่าจะเป็น Distagon, Planar, Sonnar และ Biotar ซึ่งแต่ละฟังก์ชันจะมีการทำละลายฉากหลังที่แตกต่างกันออกไป จะมีตั้งแต่การทำวงโบเก้ชัดเจน เป็นวงโบเก้หมุนวน ทำละลายโบเก้เบลอๆ เป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจ และทำให้การถ่ายภาพ Portrait มันโดดเด่นมากยิ่งขึ้น แล้วที่สำคัญคือความแม่นยำในการตัดฉากหลังก็ทำได้ดีแม้ว่าจะมีสิ่งรบกวนที่ฉากหลังเยอะก็สามารถตัดออกได้อย่างแม่นยำ
กล้องหน้าเซลฟี่ 32MP
สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายได้เช่นเดียวกันเลือกปรับเบลอฉากหลังได้สูงสุดตั้งแต่ F1 และสูงสุดที่ F16 มีโหมดบิวตี้เพื่อให้ได้ปรับผิวได้ตามต้องการจะผิวเนียนผิวขาวปรับโทนสีผิวก็สามารถทำได้ก่อนการกดถ่ายชัตเตอร์ แต่เบื้องต้นกล้องก็จะมีการเคลียร์และก็ปรับผิวให้ประมาณนึงแล้ว ถ้าไม่ใช่คนที่มีปัญหาผิวมากก็แทบไม่ต้องไปปรับอะไรเพิ่มเติมเลย
Super Night Mode
เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มีการปรับปรุงและออกแบบให้มันสามารถถ่ายภาพในตอนกลางคืนหรือว่าพื้นที่แสงน้อยได้คมชัด ลดการเกิดนอยซ์และปรับปรุงให้ภาพถ่ายมันคงรายละเอียดของแสงและสีสันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ไม่ว่าจะถ่ายวิวทิวทัศน์หรือว่าถ่ายภาพบุคคลถ่ายเซลฟี่ก็ยังเก็บรายละเอียดได้ดี
การถ่ายวีดีโอ
ในการถ่ายวีดีโอจุดเด่นของเขาก็คือการมีโหมด Pro Cinematic เพื่อการถ่ายภาพในระดับมืออาชีพ มีฟิลเตอร์ภาพยนตร์ให้ได้เลือกย้อมสี Video ในสไตล์ที่หลากหลายแถมยังสามารถที่จะเลือกเบลอฉากหลังในการถ่ายวีดีโอได้อีกด้วย นอกจากนี้เนี่ยเรื่องความสั่นไหวของวีดีโอยังทำได้ดีมากๆ แม้จะเป็นการเดินถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง หรือเป็นคนที่มือไม่นิ่งก็ยังสามารถถ่ายวีดีโอออกมาให้มันมีความสมูท ใครที่เป็นสาย creator ชอบถ่ายวิดีโอถ่าย Vlog จะต้องถูกใจสิ่งนี้
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่ของทั้งสองตัวให้มาใกล้เคียงกัน ตัวของ vivo X70 Pro 5G จะให้มามากกว่านิดหน่อย
- vivo X70 5G 4400 mAh
- vivo X70 Pro 5G 4450 mAh
รองรับระบบชาร์จไว 44W เท่ากันทั้งสองรุ่น มี Adapter Flash Charge 44W ใส่มาให้ในกล่อง จากการใช้งานจริงสามารถอยู่ได้ยาวนานทั้งวันต่อการใช้งานทั่วไป แต่ถ้ามีการใช้งานอย่างหนักหน่วงเล่นเกม ดูหนังต่อเนื่องก็อาจจะต้องมีการชาร์จระหว่างวันบ้าง หรือหากไม่ได้มีการใช้งานอะไรมากมายก็อยู่ได้ข้ามวันเลยล่ะ ความเร็วในการชาร์จจาก 0-100% vivo X70 5G อยู่ที่ 43 นาที vivo X70 Pro 5G ประมาณ 45 นาที การจัดการแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว
สรุปการใช้งาน
จากการใช้งานต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นมีความเหมือนกันหลายจุด เริ่มต้นจากดีไซน์ที่ให้ขนาดหน้าจอมาเท่ากัน ดีไซน์ฝาหลังเหมือนกันใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกัน เพียงแต่หน้าจอของตัว Pro จะเป็นขอบโค้งมนเพิ่มพื้นที่การใช้งานหน้าจอให้เต็มตามากยิ่งขึ้น ส่วนประสิทธิภาพเป็นชิปเซ็ตตัวเดียวกัน MediaTek Dimensity 1200 ตัวแรงรองรับ 5G การประมวลผลลื่นไหว ว่องไว เล่นเกมได้ไม่มีสะดุด
และจุดเด่นเรื่องกล้องที่ตัว Pro ให้ความละเอียดของกล้องหลักมามากกว่านิดหน่อย เพิ่มเลนส์ Periscope เพื่อการซูมภาพแบบ Optical 5X ส่วนประสิทธิภาพเรื่องของการถ่ายภาพ มีการอัปเกรดในเรื่องของความคมชัด สีสันสดใส และเพิ่มรายละเอียดของภาพถ่ายทั้งในพื้นที่แสงน้อยรวมไปถึงการทำระยะ Bokeh เพื่อการถ่าย Portrait ได้ดียิ่งขึ้น เป็นกล้องบนสมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปได้สวยสุดๆ ของปีนี้เลย
ราคา
- vivo X70 5G ราคา 21,999 บาท
- vivo X70 Pro 5G ราคา 27,999 บาท
วางขายอย่างเป็นทางการวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ถ้าสั่งจอง Pre-Order รับของแถมมากถึง 12,000 บาท สามารถสั่งซื้อได้ผ่านทาง vivo Shop เครือข่ายมือถือและร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ