สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่านครับ วันนี้อยู่กับ @นายเป้ไงจะใครล่ะ วันนี้มาสรุปการใช้งานของเจ้า SAMSUNG Galaxy Watch4 สมาร์ตวอชรุ่นใหม่ล่าสุดจากทางซัมซุง ที่มีการอัปเกรดมาให้การใช้งานตอบโจทย์ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีที่ต้องร้องว้าว! แจ่มแจ๋วมากๆ เลยครับ จากการได้ทดสอบเล่นมาหลายวัน วันนี้มาเล่าให้ฟังกันแบบสรุปใจความง่ายๆ ไปเริ่มกันเลยกับ ลองมาแล้วเล่าให้ฟัง! 7 เหตุผลว่าทำไม SAMSUNG Galaxy Watch4 ถึงต้องติดแฮชแทก #ของมันต้องมี
1. ครั้งแรกบน Smart Watch! กับ Body Composition การวัดค่าข้อมูลร่างกาย
เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่แห่งวงการ Smart Watch เลยก็ได้ครับ สำหรับฟีเจอร์การวัดค่าข้อมูลร่างกายหรือ Body Composition ได้โดยตรงจาก Galaxy Watch4 ตัวนี้!
วิธีการวัดก็ง่ายดาย ยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีกครับ! เราแค่ขยับ Galaxy Watch4 ให้สูงขึ้นมาเหนือจากปกติที่เราใส่เล็กน้อย ตั้งแขนขึ้นเป็นมุมฉากให้ห่างจากลำตัว จากนั้นใช้นิ้วกลางและนิ้วนางด้านขวาแตะที่ปุ่มทั้งสองด้านข้างตัวเครื่อง แล้วรอให้เค้าวัดค่าครับ! ใช้เวลาแป๊ปเดียวเท่านั้น ไม่ถึง 15 วินาที (ครั้งแรกที่เปิดใช้งานจะต้องใส่ส่วนสูงและน้ำหนักก่อนครับ)
หลักการทำงานของเค้าคือใช้เซ็นเซอร์วิเคราะห์อิมพีแดนซ์ชีวภาพ (BIA) หรือชื่อเต็ม Bioelectrical Impedance Analysis เพื่อส่งกระแสไมโครไปยังร่างกายเพื่อวัดปริมาณกล้ามเนื้อ ไขมัน และน้ำที่อยู่ภายในร่างกายของเรา โดยที่กระแสไมโครนี้ไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ครับ แต่คำแนะนำก็คือ อย่าวัดองค์ประกอบร่างกายถ้าหาก “กำลังตั้งครรภ์”
โดยที่เราสามารถรู้ข้อมูลร่างกายของเราได้ค่อนข้างละเอียดเลยล่ะ! ไม่ว่าจะเป็น
- Body Fat % อัตราส่วนไขมันในร่างกาย
- Fat Mass ปริมาณมวลไขมัน
- Sekeleton Muscle ปริมาณกล้ามเนื้อ
- Basal Metabolic Rate (BMR) ค่าการใช้พลังงานของร่างกายขั้นพื้นฐาน
- Body Water อัตราส่วนน้ำในร่างกาย
- Body Mass Index (BMI) ค่าดัชนีมวลกาย
เมื่อเห็นตัวเลข เห็นค่าต่างๆแล้ว เราก็จะสามารถวางแผนในการปรับประทานอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักรวมไปถึงการออกกำลังเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ อย่างตัวผมเองน้ำหนักค่อนข้างเยอะ ก็จะเห็นได้ว่าค่าต่างๆ จะเกินเกณฑ์มาเยอะครับ ต้องวางแผนในการคุมอาหารและออกกำลังให้ดี เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นครับ :)
2. Blood Oxygen หรือ SpO2 ฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้!?
Galaxy Watch4 มาพร้อมกับฟีเจอร์การวัดค่าออกซิเจนในกระแสเลือดในชื่อของ Blood Oxygen หรือชื่อเรียกที่เราคุ้นเคยกันก็คือ SpO2 นั่นเองครับ!
เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้จริงๆ ในยุคโรคระบาดแบบนี้ เราสามารถที่จะวัดค่านี้ได้ง่ายนิดเดียวครับ เพียงแค่ยกแขนออกตั้งฉากกับลำตัว แล้วอยู่นิ่งๆ ค้างไว้เป็นเวลาไม่ถึง 10 วินาที (ถือว่าเร็วมาก!) ก็จะได้ผลออกมาแล้วครับ
ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำให้เราสามารถมอนิเตอร์สอดส่องการทำงานของปอดในเบื้องต้นได้ ว่ายังทำงานปกติดีอยู่ไหม ค่าปกติของ Blood Oxygen ควรอยู่ที่ 95% ขึ้นไปครับ ถ้าน้อยกว่านี้โดยที่ไม่ได้ออกกำลังหนักๆ หรือสวมใส่หน้ากากเป็นเวลายาวนาน ให้ทิ้งช่วงเวลาประมาณ 2-3 นาทีแล้ววัดใหม่อีกครั้งนึงครับ ถ้าค่านี้ไม่ดีขึ้น แนะนำว่าให้รีบปรึกษาแพทย์ครับ เพื่อความปลอดภัย
3. ติดตามรูปแบบการนอนหลับที่ครอบคลุมที่สุด! จับเสียงกรนได้ด้วย!? ..ธรรมดาที่ไหน!
เรียกได้ว่า Galaxy Watch4 ตัวนี้ทำได้เยอะจริงๆ ครับ อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าในตลาด Smart Watch เค้าก็จะมีในเรื่องของการติดตามการนอนหลับ (Sleep Tracker) เพื่อตรวจจับวัดคุณภาพของการนอนหลับและการพักผ่อน ซึ่งถ้ามองแค่จุดนี้ก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าน่าหยิบมาพูดเท่าไหร่ใช่ไหมครับ? ก็ทั่วๆ ไปในตลาด ใครเค้าก็มีกัน!? ...แต่ สำหรับ Galaxy Watch4 ตัวนี้เค้าเพิ่มในส่วนของการตรวจจับเสียงกรน (Snoring Detection) มาให้ด้วย!? โดยจะมีขั้นตอนเล็กน้อยคือเราจะต้องไปเปิดฟีเจอร์นี้ในแอปพลิเคชัน SAMSUNG Health ก่อนนะครับ และเงื่อนไขในการใช้งานก็คือวางสมาร์ทโฟนของเราในแนวระนาบที่มั่นคง โดยหันด้านล่าง (ไมโครโฟน) เข้าหาตัวเราครับ! เมื่อมีการนอนกรนเกิดขึ้น เค้าก็จะทำการบันทึกเสียงให้เป็นข้อมูลด้วยครับ
สำหรับการตรวจจับการนอนหลับนั้น เค้าจะตรวจจับให้อัตโนมัติเลย ไม่ต้องมาคอยเปิดก่อนนอนหลับอะไรแบบนั้น พอเราเริ่มสะลึมสลือ เริ่มนิ่งปุ๊บ เค้าจะเริ่มทำการตรวจจับและบันทึกการนอนหลับเลยครับ โดยที่การแสดงผล ข้อมูลต่างๆ นั้น จะทำให้เราสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ เลยว่าคุณภาพของการนอนหลับในคืนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
จะมีการแสดงผลต่างๆ ว่า Sleep Cycle ของเราเป็นอย่างไรบ้าง หลับเบา หลับลึก หรือตื่นอยู่เป็นเวลาเท่าไหร่ เข้าสู่สภาวะ REM เป็นเวลาเท่าไหร่ ถือว่าค่อนข้างละเอียดและเข้าใจง่ายครับ เป็นกราฟบอกข้อมูลมาให้หมดเลย!
และที่สำคัญ เค้ามีการสรุปมาเป็นคะแนนให้ ว่าในคืนนั้นเรานอนหลับดีไหม เป็นคะแนนเท่าไหร่ เปรียบให้เข้าใจง่ายๆ มี 100 คะแนน ถ้าคุณได้ตัวเลขใกล้เคียง 100 นั่นหมายความว่าการนอนหลับในคืนนั้น ทำได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด นอนหลับอิ่มที่สุด มีคุณภาพที่สุด!
4. ตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ พร้อมโหมดออกกำลังกายเพียบ!
สำหรับความเป็น Smart Watch ที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพขนาดนี้ ก็คงจะหนีในส่วนของการออกกำลังกายไปไม่ได้ครับ! สำหรับการออกกำลังกายบน Galaxy Watch4 นั้น จะมีในส่วนของ “Auto-Detect Workouts” หรือการตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัตินั่นเองครับ เราสามารถออกกำลังกายรูปแบบหลักๆ ได้เลยโดยที่ไม่ต้องกดเปิดใช้งาน เค้าจะเริ่มจับหลังจากออกกำลังกายไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง (ประมาณ 10 นาที)
การตรวจจับการออกกำลังกายแบบอัตโนมัตินี้มี 6 โหมดหลักๆ ด้วยกัน ดังต่อไปนี้
- Walking/Running เดิน/วิ่ง
- Elliptical trainer เครื่องเดินวงรี
- Rowing Machine เครื่องกรรเชียงบก
- Swimming ว่ายน้ำ
- Dynamic workout ตรวจจับกิจกรรมที่การเคลื่อนไหวเยอะ
หรือถ้าใครมีการออกกำลังกายที่นอกเหนือจากนี้ก็สามารถไปเปิดการออกกำลังกายได้ มีให้เลือกหลากหลายแบบเลยล่ะ! เรียกว่าเรื่องสุขภาพ เค้ามาครบเครื่องจริงๆ สำหรับ Galaxy Watch4 ตัวนี้ จัดหนักจัดเต็ม เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว!?
5. ขอบจอหน้าปัด กับอรรถประโยชน์สูงสุด!
สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นจุดเล็กๆ แต่มีประโยชน์และตอบโจทย์มากๆ ก็คือในส่วนของ “ขอบจอ” บน Galaxy Watch4 ตัวนี้ครับ!
ปกติใน Smart Watch เราจะต้องปัดขวาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสิ่งที่เราต้องการใช่ไหมครับ? ก็จะต้องเสียหลายปัดเลยแหละ บางครั้งสิ่งที่เราต้องการเข้าใช้งานมันดันอยู่หน้าสุดท้าย ก็ปัดกันไปรัวๆ ครับ!
แต่ใน Galaxy Watch4 ตัวนี้เราสามารถเข้าถึง Tiles หรือ Widgets ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายมว๊ากกก! เพียงแค่เราแตะค้างที่ขอบจอแล้วเลื่อนครับ! มันก็จะรัน Tiles เลื่อนไปได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะ สามารถเข้าถึงหน้าที่ต้องการเข้าใช้งานได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด! สะดวกมากๆ ครับในจุดนี้ เป็นจุดเล็กๆ แต่ว่าการใช้งานจริง “ดีงาม” สุดๆ เลยล่ะ!
6. One UI Watch นี่แหละพระเอกตัวจริง!
สำหรับ Galaxy Watch4 นี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการณ์ Wear OS ดำเนินการโดย SAMSUNG หากใครที่คุ้นเคยกับการใช้งานสมาร์ทโฟนของ SAMSUNG Galaxy อยู่แล้ว ก็จะคุ้นชินกับการออกแบบในส่วนของ User Interface ของ One UI Watch ที่อยู่บน Galaxy Watch4 ตัวนี้ครับ
โดยที่ Wear OS ในครั้งนี้ SAMSUNG ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง Google ต้องพูดกันตรงๆ ว่าการออกแบบ ประสบการณ์การใช้งาน เรียกได้ว่า “เข้าใจง่าย” มากๆ! หน้าตาเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสุดๆ ถึงแม้ว่าจะมีลูกเล่นให้เลือกมากมาย แต่เราสามารถเข้าไปปรับตั้งค่าได้ง่ายๆ เป็นสัดเป็นส่วน จัดระเบียบมาดีมากครับ!
โดยที่ Galaxy Watch4 จะทำงานร่วมกันกับแอปพลิเคชัน “Galaxy Wearable” และ “Samsung Health” เป็นหลัก เพื่อเก็บค่าสถิติต่างๆ ของการใช้งาน เมื่อเราใช้ 2 แอปพลิเคชันนี้ร่วมกัน จะทำให้ Galaxy Watch4 นั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ!
โดยที่การทำงานของ One UI Watch นี้สามารถทำให้เราติดตั้งแอปพลิเคชันเดียวกับบนสมาร์ทโฟนได้ด้วยนะ! หนูแทบจะไม่ใช่ Smart Watch แล้ว แทบจะเป็น Smartphone เครื่องนึงแล้วเนี่ย!?
และฟีเจอร์นึงที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังก็คือเราสามารถใช้ท่าทาง (Gesture Control) ในการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้มากยิ่งขึ้นด้วย และที่สำคัญเป็นการใช้ “มือเดียว” นั่นหมายความว่าเวลาเรามีภารกิจ ยกตัวอย่างเช่น ถือของ หรือขับรถอยู่ และมีสายโทรเข้าหาเรา เราสามารถใช้ท่าทางของมือเราเพื่อสั่งคำสั่งง่ายๆ ได้ ดังต่อไปนี้ครับ
- โบกมือ ขึ้น-ลง 2 ครั้ง เป็นการ กดรับสาย
- บิดข้อมือเข้าหาตัว 2 ครั้ง เป็นการ กดวางสาย
- เคาะประตู(ลม) 2 ครั้ง เป็นการ เลือกคำสั่งเพิ่มเติม
เรียกได้ว่า One UI Watch นี้ออกแบบมาได้ดี ตอบโจทย์การใช้งานมากๆ เลยล่ะครับ!
7. ดีไซน์เลิศ บางเบา สัมผัสดีเยี่ยม!
SAMSUNG Galaxy Watch4 มาพร้อมกับดีไซน์เรียบง่าย มีความมินิมอล วัสดุเป็นตัวเรือนโลหะอลูมิเนียม ส่วนสายเป็นซิลิโคนครับ ก็เป็นวัสดุที่ใช้สมาร์ทวอชส่วนใหญ่ ตามสมัยนิยมครับ
การสวมใส่ถือว่าทำได้ง่ายมากๆ แค่เลือกให้เหมาะกับขนาดข้อมือแล้วและสอดเก็บสายเข้าไป
ส่วนสัมผัสจับถือเค้าถือว่าดีเลยครับ เป็นหน้าจอแบบแบนราบ (ไม่ได้เป็นจอโค้งนะ) การสัมผัสดีงามตามนิ้วมือ ไม่ได้มีอาการหน่วงแต่อย่างใด จัดว่าเป็น Smart Watch ที่ค่อนข้างบางตัวนึงเลยครับ ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ
หน้าจอของเค้าเป็นจอ AMOLED (มีขนาดแตกต่างกันออกไปตามขนาดหน้าปัด) ที่ให้รายละเอียดการแสดงสีสันที่สดใส มีความละเอียดสูง และวัสดุที่แข็งแกร่งอย่าง Gorilla Glass DX+ ส่วนน้ำหนักของเค้าเพียงแค่ 30.3 กรัมเท่านั้น!? จากการสวมใส่จริงต้องบอกว่า “เบาสบายมากๆ” ครับ
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะเห็นได้ว่า SAMSUNG Galaxy Watch4 ตัวนี้มาพร้อมความดีงามและอรรถประโยชน์มากมายเลยล่ะ! ที่ผมได้กล่าวไปในหัวข้อว่า #ของมันต้องมี นั้นไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใดเลยครับ :D
SAMSUNG Galaxy Watch 4 Series เปิดตัวมาหลากหลายรุ่นด้วยกัน ได้แก่
- Galaxy Watch4 ขนาดหน้าปัด 40mm (BLT) สีดำและสีพิงค์โกลด์ ราคา 7,990 บาท
- Galaxy Watch4 ขนาดหน้าปัด 44mm (BLT) สีดำและสีเขียว ราคา 8,990 บาท
- Galaxy Watch4 ขนาดหน้าปัด 44mm (LTE) สีดำและสีเขียว ราคา 10,900 บาท
- Galaxy Watch4 Classic ขนาดหน้าปัด 46mm (BLT) สีดำและสีเงินสุดหรู ราคา 11,900 บาท
- Galaxy Watch4 Classic ขนาดหน้าปัด 46mm (LTE) สีดำและสีเงินสุดหรู ราคา 13,900 บาท
พร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 10 กันยายน 2021 ที่ Samsung Experience Store, Samsung.com และร้านค้าที่ร่วมรายการครับ! หากใครที่สนใจแต่ยังลังเลอยู่ แนะนำว่าให้ไปลองสัมผัสเครื่องจริงได้ที่ Samsung Experience Store ได้เลยครับ บอกเลยนะ ว่าสัมผัสจับถือเค้าดีมากจริงๆ หรือใจใครมาทางนี้แล้วก็จัดไปเลยครับ ช่องทางออนไลน์ต่างๆ สั่งจองสั่งซื้อกันได้ตามอัธยาศัยเลย :) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
มาถึงตรงนี้ อย่าลืมกดติดตามกันในช่องทาง Facebook และ Youtube ด้วยนะครับ ทางทีมงาน TechXcite จะคอยนำเสนอข่าวคราววงการไอทีให้เพื่อนๆ ได้อัปเดตกันอยู่ตลอดเวลาสำหรับวันนี้ @นายเป้ไงจะใครล่ะ ก็ขอตัวลาไปก่อนครับ อย่าลืมไปตำกันนะจ๊ะ สำหรับ SAMSUNG Galaxy Watch4 ตัวนี้ ของเค้าดีจริ๊ง!! #ของมันต้องมี แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ!
//นายเป้ไงจะใครล่ะ