Red Magic 6S Pro เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วครับ โดยมาพร้อมกับชิปเซ็ตใหม่ อัพเกรดการระบายความร้อนที่ดีขึ้น และระบบควบคุมแบบสัมผัสที่เร็วขึ้น โดยใน Series นี้จะไม่มีรุ่น 6S ตัวพื้นฐาน
Red Magic 6S Pro ใช้พลังงานจาก CPU Snapdragon 888+ ซึ่งเป็นชิประดับท็อปสุดตอนนี้มาพร้อมแกน CPU หลักที่ใช้ Cortex-X1 รีดความเร็วได้สูงถึง 2.995GHz เพิ่มขึ้นจาก 2.84GHz จากชิปเซ็ตดั้งเดิมที่ใช้ใน Red Magic 6 Pro
นอกจากนี้ Red Magic ยังได้พัฒนาระบบระบายความร้อน ICE 7.0 เมื่อเทียบกับเวอร์ชัน 6.0 ซึ่งใช้กับ 6 Pro เวอร์ชันใหม่นี้จะเพิ่ม Phase Change Materials (PCM) ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นแบตเตอรี่ความร้อน ที่คอยเก็บความร้อนในขณะที่ถูกสร้างขึ้น และปล่อยมันอย่างช้าๆหลังจากนั้น
และยังมีการจัดการระบายความร้อนเป็นพัดลมระบายความร้อนที่ทำงานอยู่ ซึ่งหมุนที่ 20,000 รอบต่อนาที เทียบกับรุ่น 6 Pro ที่มีพัดลม 18,000 รอบต่อนาที ทำให้ความเร็วที่สูงกว่าสามารถเพิ่มปริมาณลม 30% และแรงดันลม 35% และไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงพัดลมครับ เพราะเสียงจากรอบต่อนาทีที่สูงขึ้นนั้นถูกทำให้เบาลงด้วยฝาครอบโลหะซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนได้ 40%
และก็เช่นเดียวกันกับซีรีส์ 6 รุ่นก่อนที่มีรุ่นดีไซน์แบบโปร่งใสเป็นรุ่นพิเศษ เพราะ Red Magic 6S Pro ก็มีรุ่นด้านหลังแบบโปร่งใสอยู่เช่นกัน และในรุ่นนี้ยังมีพัดลมระบายความร้อนจะมีไฟ LED RGB สี่ดวงเพื่อเพิ่มความเก๋ไก๋อีกด้วย
Red Magic 6S Pro มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1,080 x 2,400 พิกเซล แสดงสีสันแบบ 8 บิตที่ครอบคลุม DCI-P3 100% มีความสว่างสูงสุดที่ 700 nits และรองรับ DC Dimming เพื่อการทำงานที่ไม่มีการสั่นไหวสบายตา และปกป้องโดย กระจกกันรอย Gorilla Glass
หน้าจอยังมีอัตราการรีเฟรช 165 Hz (ปรับเป็นโหมด 120, 90 และ 60 Hz ได้) และ touch-sampling rate หรืออัตราการสุ่มตัวอย่างด้วยการสัมผัสหลายนิ้วที่ 720Hz จากเดิมในรุ่น 6 Pro ที่ให้อัตรา 500Hz
พร้อมกันนี้ Red Magic 6S Pro นี้ยังมีปุ่มทริกเกอร์ที่ไหล่ทั้งสองข้างที่ทำงานที่อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 450Hz (เพิ่มขึ้นจาก 400Hz) มีเวลาตอบสนอง 2.2 มิลลิวินาที รวมถึงมีทริกเกอร์ใหม่ที่ด้านหลังของโทรศัพท์ ฟังก์ชั่นของทริกเกอร์ไหล่สามารถปรับแต่งได้โดยใช้ซอฟต์แวร์เกมของ Red Magic
โดยในปัจจุบัน Real Racing 3, Dead Trigger 2 และ Vainglory รองรับโหมด 165Hz แล้วครับ ในขณะที่ Fortnite, Genshin Impact และ LoL: Wild Rift ก็รองรับทริกเกอร์ไหล่แล้วเช่นกัน (สำหรับเกมอื่น ๆ คุณสามารถตั้งค่าการกระทำที่กำหนดเองโดยใช้เครื่องมือ RM)
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับหน้าจอที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนนี้เครื่องอ่านลายนิ้วมือใต้จอแสดงผลสามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจได้แล้ว แต่ไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อแอปด้านสุขภาพครับ แต่เป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ที่ทำให้หลอกเซ็นเซอร์ได้ยากขึ้นมาก และยังทำงานได้รวดเร็วทันใจ ด้วยเวลาตอบสนอง 100ms เท่านั้น
ด้านการเชื่อมต่อ Snapdragon 888+ ยังรองรับการเชื่อมต่อ 5G ด้วย downlink สูงสุด 7.5Gbps และอัปลิงค์ 3.0Gbps สำหรับการสตรีมขณะเดินทาง พร้อมด้วย Wi-Fi 6E ซึ่งให้ความเร็วสูงสุด 3.5Gbps บนย่านความถี่ 6GHz แบนด์ใหม่ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม
Red Magic 6S Pro มีแบตเตอรี่ 5,050mAh เหมือนรุ่นเดิม โดยในเวอร์ชั่น Global ที่รองรับการชาร์จ 66W แต่มาพร้อมกับที่ชาร์จ 30W เท่านั้น คุณสามารถซื้อที่ชาร์จ 66W แยกต่างหากได้ แต่ที่ชาร์จ 30W เอาเข้าจริงก็ถือว่าดีมากแล้วครับ เพราะสามารถชาร์จเต็ม 0-100% ใน 65 นาทีเท่านั้น
ส่วนในประเทศจีน โทรศัพท์จะมีแบตเตอรี่ 4,500 mAhพร้อมรองรับการชาร์จ 120W
ที่เหลือส่วนใหญ่ก็เหมือนกับรุ่น 6 Pro โดยด้านหลังมีกล้องหลัก 64 MP พร้อมโมดูลกว้างพิเศษ 8 MP และเซ็นเซอร์ความลึก กล้องด้านหน้ามีเซ็นเซอร์ 8 MP โทรศัพท์มาพร้อมกับ RedMagic OS 4.0 ซึ่งใช้ Android 11
นอกจากนี้พอร์ต USB-C รองรับความเร็ว 3.0 และรองรับ DisplayPort สำหรับต่อจอภาพภายนอก มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. สำหรับเสียงที่ปราศจากความหน่วงแฝง นอกจากนี้ยังมี Bluetooth 5.1 สำหรับการใช้งานแบบไร้สาย
Red Magic 6S Pro จะวางจำหน่ายในตลาดโลกตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ใน 3 รูปแบบครับ คือ RAM 12/128 GB และ 16/256 GB ในสี Cyborg Black และ 16/256GB ในสี Ghost (โปร่งใส) โดยมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 19,500 บาท ส่วนรุ่นแพงสุดสีโปร่งใสมีราคา 23,900 บาท ก็ถือว่าไม่เลวเลยครับ
source: gsmarena