ภาพรวม realme GT Master Edition
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่านครับ! อยู่กับ @นายเป้ไงจะใครล่ะ พบกันอีกเช่นเคย วันนี้รีวิว realme GT Master Edition สมาร์ทโฟนระดับ Hi-End จากค่าย realme ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุด Snapdragon 778G 5G มาพร้อมดีไซน์สุดเก๋ไก๋แรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทาง (Suitcase) ที่จะทำให้เราหวนย้อนกลับไปคิดถึงการเดินทางที่จะเติมเต็มชีวิตของเราเลยทีเดียวล่ะ!? มาดูกันครับว่าสมาร์ทโฟนตัวนี้จากทาง realme จะสามารถทำอะไรได้ประมาณไหน คุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของหรือเปล่า ไปหาคำตอบกันในรีวิวนี้ได้เลยครับ!
ก่อนอื่นมาสรุปจุดเด่นจุดสังเกตสักเล็กน้อยครับสำหรับ realme GT Master Edition ตัวนี้
จุดเด่น
- ดีไซน์ฝาหลังแบบกระเป๋าเดินทาง ที่เป็นวัสดุหนังวีแกน สัมผัสจับถือดีมาก!
- จอ Super AMOLED อัตรารีเฟรชเรท 120Hz ให้สีสันการแสดงผลที่คมชัดและสดใส
- SuperDart Charge 65W ชาร์จเร็วมาก! เวลาใกล้เคียงตามที่เคลม
- ชิปเซ็ต Snapdragon 778G ตัวเกือบท๊อปของ Snapdragon Series 700
- รองรับ 5G ทั้ง 2 SIM (Dual Standby)
จุดสังเกต
- เป็น ลำโพงเดี่ยว (น่าเสียดาย)
- ไม่ได้ใส่ชิปเซ็ตระดับเรือธง (Snap800 Series มาให้)
- เล่น RoV เฟรมเรตสูงไม่ได้ (ณ ตอนที่รีวิว)
สเปค realme GT Master Edition
- หน้าจอ : 6.43 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 พิกเซล อัตราส่วน 20:9 รองรับอัตรารีเฟรชเรท 120Hz (Auto 60/120Hz)
- มิติตัวเครื่อง : 159.2 mm x 73.5 mm x 8.7 มม.
- น้ำหนัก : 178 กรัม
- CPU : Snapdragon 778G 5G (6 nm) รองรับ 5G แบบ Dual Standby
- Modem : X53
- GPU : Adreno 642L
- RAM : 8 GB
- ROM : 128/256 GB UFS
- ไม่รองรับ SD Card
- แบตเตอรี่ : 4,300mAh
- ระบบชาร์จ : รองรับชาร์จไว Dart Charge 65w
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 64 MP f/1.8 ระยะเทียบเท่า 25mm
- กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.2 ระยะเทียบเท่า 16mm องศารับภาพ 119 องศา
- กล้องมาโคร 2 MP, f/2.4
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@30fps, 1080p@60fps
- กล้องหน้า 32MP f/2.5, รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p@30fps
- รองรับสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6
- Bluetooth 5.2 พอร์ต USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย realme UI 2.0
- สี : Daybreak Blue, Voyager Grey (สีที่รีวิว)
- ราคาเปิดตัวในประเทศไทย : 15,990 บาท (รุ่น 8/256)
ภายในกล่อง
สำหรับภายในกล่องของ realme GT Master Edition ตัวนี้ประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง realme GT Master Edition
- เคสสีเดียวกับตัวเครื่อง มีสกรีนลายเซ็นต์ของคุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า
- อะแดปเตอร์ชาร์จ SuperDart Charge 65W
- สายชาร์จ USB Type-A to Type-C
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
ว่ากันด้วยเรื่องดีไซน์
สำหรับ realme GT Master Edition ตัวนี้ สีที่ผมได้รับมาเป็นสี Voyager Grey เป็นสีเทาที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากกระเป๋าเดินทาง หรือ Suitcase โดยนักออกแบบชาวญี่ปุ่น นาโอโตะ ฟุคาซาว่า ครับ
จะเห็นได้ว่ามีลายเซนต์ของเค้าสกรีนติดมากับฝาหลังเลย โดยที่คุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า ได้กล่าวไว้ถึงแนวคิดในการออกแบบว่า “การเดินทางมีบทบาทสำคัญในชีวิตของฉัน ทำให้ฉันได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างที่มีอยู่ในโลกและการออกแบบที่แท้จริงคืออะไร ฉันต้องการออกแบบสมาร์ทโฟนสำหรับทุกคน โดยเฉพาะสำหรับคนที่คิดบวก กระตือรือร้น และมีชีวิตชีวา” จัดว่าเป็นคอนเซปต์ที่ทำให้ทุกคน หวนระรึกถึงการเดินทาง ที่ทำให้จิตใจของคนถูกเติมเต็มได้
โดยที่ลายเซ็นต์ของเค้าผ่านการทำด้วยกระบวนการแกะสลักระดับนาโน ล้ำๆ จากทาง realme อีกแล้วครับท่าน! เรียกได้ว่าค่ายนี้นี่เค้าใส่ใจในกระบวนการผลิต แถมมีเทคโนโลยีล้ำๆ มาให้เราเซอร์ไพรส์กันตลอดจริงๆ ครับ!
ในความพิเศษของฝาหลังสี Voyager Grey เนี่ย คือเค้าทำมาจากหนังวีแกน หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหนัง ที่ทำจากพืชครับ นอกจากจะรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีสัมผัสจับถือที่ดีมากๆ เลย จุดนี้ส่วนตัวคือชอบมากๆ ครับ! ผิวสัมผัสเค้าดีจริง แถมยังไม่ติดรอยนิ้วมือง่ายอีกด้วย
หรือใครเป็นสายซุ่มซ่าม (ยกตัวอย่างเช่นผม) อยากได้ความอุ่นใจก็ใส่เคสได้ครับ เคสซิลิโคนเป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่อง และยังมีสกรีนลายเซ็นต์ของนักออกแบบ คุณนาโอโตะ ฟุคาซาว่า มาด้วยครับ!
โดยที่ลวดลายของเค้าจะมีดีไซน์เส้นตารางแนวนอน เปรียบเสมือนกระเป๋าเดินทาง ให้ความรู้สึกในการจับถือ ทำได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น ...ย้ำอีกที สัมผัสจับถือ “ดีมาก” จริงๆ ครับ เราไม่ได้มีสมาร์ทโฟนที่เป็นผิวสัมผัสของหนังแบบนี้มากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ซึ่งเค้าทำออกมาได้ดีจริงๆ แถมยังเป็นหนังวีแกน ไม่มีการเข่นฆ่าชีวิตแน่นอนครับ สบายหายห่วง
ส่วนมุมบนซ้ายของด้านหลังนี้ จะมีกล้องสามตัวเรียงกัน และโมดูลกล้องของเค้าทำมาจากวัสดุกระจก ตัดกับหนังวีแกนสีเทาได้อย่างลงตัวมากๆ เลยล่ะ!
ด้านบนมาเรียบๆ มีรูไมโครโฟน 1 ตัวถ้วน
ด้านล่าง มาพร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, พอร์ต USB Type-C และลำโพงเดี่ยว 1 ตัวครับ
ด้านซ้ายของเครื่องเป็นช่องใส่ถาดซิม (รองรับ 2 SIM ไม่สามารถเพิ่ม micro-SD ได้) และปุ่มเพิ่ม-ลด เสียง
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power 1 ปุ่มถ้วนครับ
หน้าจอ realme GT Master Edition
สำหรับหน้าจอของ realme GT Master Edition มาพร้อมกับขนาด 6.43” ที่ความละเอียด FHD+ (2400x1080 พิกเซล) เป็นจอ Super AMOLED ให้สีสันที่สดใส คมชัด พร้อมอัตรารีเฟรชเรท 120Hz เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าใช้งานลื่นไหลมากๆ ครับสำหรับหน้าจอตัวนี้ แถมเค้ายังเป็นแบบ Auto-Switch หรือปรับตัวอัตรารีเฟรชเรทของจอให้อัตโนมัติเลย โดยที่จะเป็น 60/120Hz ตามการใช้งานของแอปพลิเคชั่นนั้นๆ ครับ!
มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ ที่ตำแหน่งวางไว้กำลังดีครับ ส่วนความเร็วในการสแกนนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย ทำได้รวดเร็วมากๆ เลยล่ะ!
อันนี้แอบมาเล่านิดนึง ตัว realmeUI 2.0 เค้ามีฟีเจอร์ “การเรียกใช้งานด่วน” จากการสแกนลายนิ้วมือด้วยครับ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าแอปที่เราใช้บ่อยๆ ตั้งค่าเป็นแอปพลิเคชั่นที่เราต้องการได้เลย หลังจากนั้นพอเราสแกนลายนิ้วมือปุ๊บ กดค้าง แล้วลากไปยังตำแหน่งที่เราตั้งค่าแอปไว้ มันก็จะเข้าแอปนั้นหลังจากเราสแกนลายนิ้วมือได้เลย สะดวกมากๆ เลยครับในจุดนี้
ส่วนการดูหนัง ดูซีรีส์ต่างๆ ทำได้สบายๆ เลยครับ จอเค้าคมชัดตามสไตล์จอ AMOLED สีสันดี! องศาการมองภาพเลิศ! ไม่ติดอะไรครับสำหรับจอตัวนี้ แถมเค้าเป็นจอแบบอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz ด้วยแล้วเนี่ย มันไหลลื่นไปซะหมดจริงๆ ครับการใช้งานหน้าจอตัวนี้!
สำหรับคนที่ดูหนังดูซีรีส์ผ่านบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Disney+ hotstar, Amazon Prime, IQIYI, Viu โอ๊ยสารพัดเยอะแยะไปหมด ไม่ต้องเป็นกังวลเลยครับ! สามารถเล่นได้เต็มความละเอียด เพราะจอเค้าเป็น DRM L1 ครับ ดูกันเพลินๆ ยาวๆ ได้เลย ...มาดูผีเสื้อที่ห้องเรามั้ยล่ะ!? :D
และสำหรับคอเกม ตัวนี้ให้ Touch Sampling Rate มาถึง 360Hz เลยครับ ถือว่าสูงเลยแหละ! ถึงจะไม่ได้สูงสุด 480Hz เหมือนพวกตัวเรือธง แต่จากการเล่นเกม การใช้งานจริงๆ เนี่ยถือว่าใช้ได้เลยครับ เลื่อนจอเป็นติดมือ ตอบสนองดีงามมากครับ!
ประสิทธิภาพการใช้งาน
สำหรับเรื่องประสิทธิภาพของ realme GT Master Edition ตัวนี้ เค้ามาพร้อมกับสโลแกน “เหนือระดับแห่งความเร็ว” เดี๋ยวเราจะมาพิสูจน์กันครับว่า มันจะเหนือจริงหรือเปล่า!?
realme GT Master Edition มาพร้อมกับชิปเซ็ตที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปีนี้ เรียกได้ว่าใหม่ล่าสุด สดๆ ร้อนๆ เลยครับสำหรับชิปเซ็ตตัวนี้ Snapdragon 778G 5G โดยที่เรียกได้ว่าเป็นตัวท๊อปๆ ตัวนึงของ Snapdragon 700 ซีรีส์เลยก็ว่าได้ครับ โดยที่เค้ามีทรานซิสเตอร์ที่ขนาด 6 นาโนเมตรเท่านั้น กรรมวิธีในการผลิตเค้านับวันก็จะยิ่งล้ำไปเรื่อยๆ ครับในจุดนี้ เริ่มไล่เลี่ยรุ่นพี่อย่างตระกูล Snapdragon 800 ซีรีส์เข้าไปทุกที
สำหรับการใช้งานทั่วไป โซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ถ่ายรูป ใช้ฟิลเตอร์ไอจี อะไรพวกนี้ผมขออนุญาติข้ามไปเลยนะครับ คือมันทำได้สบายอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแต่อย่างใดครับ แถมจอยังเป็น 120Hz อีก ใช้งานทั่วไป ลื่นๆ ครับ ลื่นปรื๊ดดด~~
ส่วนการใช้งาน 5G นั้นก็ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับพื้นที่และเงื่อนไขต่างๆ ครับ อย่างผมอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากเสาสัญญาณ แต่ถามว่ามันพอใช้ได้ไหม ขึ้น 5G ไหม ..ก็ขึ้นครับ!
แต่ไม่ได้เร็วแรงอะไรแบบนั้นนะ จากการใช้งานไม่ได้หนี 4G เท่าไหร่นะ สำหรับพื้นที่ที่ผมอยู่ และตัวนี้เป็น Dual Standby ซึ่งหมายความว่ารองรับ 5G ได้ทั้งสองซิมเลย แจ๋วมากๆ
ส่วนการเอาไปใช้งานที่มันหนักหน่วงขึ้นมาหน่อยอย่างการเล่นเกม มันทำได้ประมาณไหน ผมเอามาเล่าให้ฟังสัก 3-4 เกมที่กินทรัพยากรเครื่องค่อนข้างหนักหน่วงแล้วกันครับ
เริ่มกันที่เกม MOBA ยอดฮิตของคนไทยหัวใจแครี่อย่างเกม RoV สำหรับเกมนี้สามารถปรับตั้งค่าได้ดังต่อไปนี้
- ภาพ HD : สูง
- กราฟิก : สูงสุด
- พาร์ติเคิล : สูง
- ไม่มีให้ปรับเฟรมเรตสูง
น่าเสียดายนิดนึงครับ สำหรับเกมนี้ คือตัวชิปเซ็ตเค้าค่อนข้างใหม่มากๆ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา การรองรับสำหรับเกมนี้จึงอาจจะยังอยู่ในกระบวนการพัฒนาครับ แต่ ณ วันที่ผมรีวิวนี้ เกมนี้ไม่สามารถเล่นที่เฟรมเรตสูง 60fps ได้ แต่ก็สามารถปรับสุด เล่นได้ 30fps แบบไม่มีอาการเฟรมดรอปแต่อย่างใดครับ บวกกันยับๆ
ต่อกันที่เกม MOBA ยุคใหม่อย่าง LoL Wildrift เกมนี้สามารถที่จะปรับตั้งค่าได้สูงสุดทั้งหมดเลย
- เฟรมเรต 60fps
- ภาพกราฟิก : อัลตร้า
- คุณภาพเอฟเฟกต์ : สูง
- ความละเอียด : สูง
- หลังการประมวลผล : เปิด
- การเคลื่อนไหวของอินเตอร์เฟซ : เปิด
- เส้นรอบเงาตัวละคร : เปิด
เรียกได้ว่าเปิดปรับสุดมันทุกอย่างสำหรับ LoL Wildrift โดยที่เค้ามีการแจ้งว่า “การสูญเสียประสิทธิภาพอยู่ในระดับกลาง” เท่านั้น นั่นหมายความว่า เปิดสุดขนาดนี้ ก็ไม่ได้ใช้หน่วยประมวลผลแบบสุดจัดอะไรแบบนั้น ยังเหลือสบายๆ ปรับสุดก็ไม่กระตุกนั่นเองครับ!
จากการที่ไปลองเล่นมาตามการตั้งค่าด้านบน บอกได้คำเดียวว่า “โคตรชิล” นอกจากจะเล่นได้ลื่นๆ แล้ว อุณหภูมิยังไม่ได้ขึ้นสูงอะไรมากมายอีกด้วย เจ๋งจริงๆ ครับสำหรับเรื่องประสิทธิภาพของเค้า
ต่อกันที่เกม Call of Duty Mobile เกมแนว First Person Shooting (FPS) กันบ้าง สำหรับเกมนี้สามารถปรับการตั้งค่าได้ที่ Very High หรือสูงมากทั้งหมดครับ
- ภาพกราฟิก : สูงมาก
- เฟรมเรต : สูงมาก
- เปิดเอฟเฟกต์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ความกว้างมุมมอง, REAL-TIME SHADOWS, RAGDOLL, ANTI-ALIASING (AA) และ BLOOM
การเล่นนั้นต้องบอกว่าลื่นไหลไร้สะดุดครับ เกมนี้กับชิปเซ็ตระดับนี้ ปรับตั้งค่าสูงมากคือสบายๆ เลยล่ะ! แถมด้วยความที่จอเค้าให้ Touch Sampling Rate มาถึง 360Hz นี้เรียกได้ว่า ตามมือมากๆ เล็งยิง เข้าหัวกันได้ง่ายๆ เลยนะ! (ถ้าเป็นคนเล็งแม่นๆ นะ แต่ส่วนใหญ่ผมจะยิงลม 5555) ก็ถือได้ว่าสบายสามผ่านครับสำหรับเกมนี้
มาที่เกมสุดท้ายเกมปราบเซียนอย่าง Genshin Imact เกม Action Openworld ที่กินทรัพยากรเครื่องมหาศาลแบบนี้ realme GT Master Edition เอาอยู่ไหม!? สำหรับการตั้งค่าของผม
- Overall Graphic กราฟิกพรีเซ็ต : กลาง
- เฟรมเรต : 60fps
สามารถเล่นต่อเนื่องได้ลื่นๆ เลยครับสำหรับการเล่นทำเควสเก็บเลเวลต่างๆ เจออาการเฟรมดรอปน้อยมากสำหรับการตั้งค่ากลางนะ ส่วนถ้าตั้งค่าสูงแล้วเปิด 60fps เนี่ยอาจจะไม่แนะนำเท่าไหร่ครับ เนื่องจากจะเจออาการหน่วง เฟรมดรอป เยอะขึ้นมานิดนึง หรือถ้าใครรับได้อยากได้กราฟิกสวยๆ มากขึ้นก็ไม่ว่ากันครับ แต่แนะนำตามที่บอกไป ตั้งค่ากลาง/60fps กำลังแจ๋วครับ!
ภาพรวมของเรื่องประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพจะยังเป็นรองรุ่นท๊อปๆ อย่าง Snapdragon 800 ซีรีส์ แต่จากการใช้งานจริงนั้น มันไม่ได้เห็นผลขนาดนั้นครับ ปรับตั้งค่าได้ใกล้เคียงกัน ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาของเกมนั้นๆ เลยว่าจะอนุญาติให้ชิปเซ็ตตัวนี้ปรับได้สุดที่เท่าไหน!?
สำหรับSnapdragon 778 5G ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นบนๆ ของซีรีส์ 700 แล้วล่ะ การใช้งานจะหนักเบาก็พร้อมลุย! ...ได้หมดถ้าสดชื่นครับ!? แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าด้วยความที่เค้าเป็นชิปเซ็ตที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ การที่จะให้ทุกเกมมันรองรับ ก็อาจจะต้องใช้เวลานิดนึง อย่างเกม RoV เกม MOBA ยอดฮิตในบ้านเราไม่สามารถที่จะเปิดเฟรมเรตสูงได้เนี่ย ค่อนข้างจะขัดใจนิดนึงครับ แต่ในอนาคตน่าจะมีการอัปเดตเข้ามาให้รองรับแหละ เนื่องด้วยประสิทธิภาพของชิปเซ็ตระดับนี้ มันควรจะเปิดได้! แล้วมันสามารถเล่นได้ลื่นๆ สบายๆ เลยด้วย ก็อาจจะต้องอดใจรอนิดนึงนะครับสำหรับสาวกเกม RoV
อีกนิดนึงครับ สำหรับ realme GT Series เนี่ยเค้าก็จะมีในส่วนของ โหมด GT มาด้วยนะ! (อยู่ในแผงควบคุม) ซึ่งจะเป็นการทำให้เครื่องทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด รีดพลังงานกันออกมาสุดๆ เพื่อประสบการณ์ที่แรงสุดๆ แต่ก็เค้าเตือนมาเองเลยว่าจะใช้แบตมากขึ้น จะร้อนมากขึ้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวคุณแล้วล่ะ! ...สำหรับผม ไม่ต้องเปิดมันก็ใช้งานได้ลื่นไหลอยู่แล้วครับ แต่ถ้าใครต้องการใช้งานแบบสุดจัด ก็กดเปิดไปได้เลยครับ
ว่ากันด้วยเรื่องแบตเตอรี่
realme GT Master Edition มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,300 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว SuperDart Charge 65W ที่เค้าเคลมไว้ว่าสามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในระยะเวลา 30 นาทีเท่านั้น!?
เห็นตัวเลขที่เค้าเคลมมาก็ว้าวซ่าอยู่นะครับในส่วนของความเร็วในการชาร์จ แต่การใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ นั้นจะเป็นอย่างไร ผมสรุปตัวเลขมาให้แบบนี้ครับ
- 10 นาที ได้แบต 36%
- 20 นาที ได้แบต 70%
- 30 นาที ได้แบต 95%
- ชาร์จจาก 0-100% ใช้เวลาทั้งสิ้น 33 นาที! เร็วมากกก!
จัดว่าตรงปกมากๆ ครับสำหรับการใช้งานจริง แล้วอุณหภูมิเค้าก็แค่อุ่นๆ เท่านั้น (ทดสอบชาร์จในห้องพัดลม) เรื่องความร้อน ความปลอดภัย สบายหายห่วงเลยครับ
ส่วนการใช้งานในชีวิตประจำวัน ถามว่าสามารถอยู่เต็มวันได้ไหม ตอบว่าสบายๆ ครับ! ถึงแม้ตัวเลขแบตเตอรี่เค้าอาจจะดูไม่เยอะเท่าไหร่ 4,300 mAh สำหรับการใช้งาน ผมมีตัวเลขเป็นไกด์ไลน์ให้แบบนี้ครับ
การตั้งค่า
- เปิดความสว่างจอ 70%
- เปิดความดังลำโพง 70%
- ทดสอบในห้องอุณหภูมิ 33 องศาเซลเซียล
สำหรับการดูหนังดูซีรีส์ ใช้งานทั่วๆ ไป 1 ชั่วโมง แบตลด 8%
การตั้งค่าเดียวกัน เล่นเกมต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง (RoV,LoL,CODM) แบตลด 19%
แต่ถ้าเป็นการเล่น Genshin Impact ปรับกลาง 60fps เล่นต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงแบตจะลดไปถึง 34% สูบกว่าชาวบ้านเค้าครับ เนื่องจากเป็นเกมนี่ดึงประสิทธิภาพของเครื่องมาทั้งหมด ประมวลผลกันแบบสุดจัด! จะหนักหน่วงหน่อยครับสำหรับเกมนี้
สำหรับเรื่องความร้อนสรุปแบบนี้ครับ การเล่นเกมทั่วๆ ไป RoV,LoL WR,CODM อะไรเทือกๆ นี้ คืออุณหภูมิไม่สูงเท่าไหร่ครับ ประมาณ 39-40 องศาเซลเซียส ส่วนการเล่น Genshin Impact นั้นจะดึงทรัพยากรในเครื่องออกมาหนักหน่วงกว่าชาวบ้านเค้า สำหรับการเล่นต่อเนื่องของผมประมาณเกือบชั่วโมงเนี่ย อุณหภูมิเค้าพีคที่ประมาณ 44-45 องศาเซลเซียส ...ถือว่ารับได้นะ! สำหรับการเล่นต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้สำหรับเกมนี้
ก็ถือได้ว่าเรื่องการจัดการพลังงานของเค้าถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ ถึงแม้ประสิทธิภาพเค้าอาจจะยังไม่ได้แรงสุดจัดเหมือนตัวท๊อปๆ ของซีรีส์ 800 แต่ว่าได้เรื่องของการจัดการพลังงานที่สามารถทำได้ดี และอุณหภูมิที่ไม่ขึ้นสูงมากมาแทนครับ
กล้องถ่ายรูป 3 ตัว
realme GT Master Edition ให้กล้องหลังมาถึง 3 ตัวด้วยกันประกอบไปด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 64MP
- กล้องอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 8MP
- กล้องมาโคร ความละเอียด 2MP
มาเริ่มกันที่กล้องหลักความละเอียด 64MP ถ้าเป็นความละเอียดปกติจะอยู่ที่ 16MP ครับ สำหรับกล้องตัวนี้พูดกันแบบตรงๆ เลยถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดีมากเลยนะ ความคมชัด ความสดของสี รายละเอียดต่างๆ จัดได้ว่าเป็นกล้องที่คุณภาพสูงตัวนึงเลยครับ!
โหมดกลางคืนของกล้องถือว่าทำออกมาใช้ได้เลยนะ ใช้เวลาแป๊ปเดียว ประมาณไม่เกิน 2 วิในการหมุน ส่วนคุณภาพที่ออกมาถือว่าใช้ได้เลยครับรายละเอียดถูก Boost ขึ้นมา ภาพถือว่าคมอยู่ ในสถานการณ์ที่แสงน้อยมากๆ จัดว่ารอด!
ต่อกันที่กล้องอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 8MP เป็นกล้องอัลตร้าไวด์ที่ให้องศามา 119 องศา ถือว่ากว้างใช้ได้เลยล่ะ! ความคมชัดถือว่ามาดีอยู่ แต่อาจจะไม่สู้กล้องหลัก (แน่ล่ะ!) การถ่ายย้อนแสงเก็บท้องฟ้าในส่วนที่แสงสว่างจ้า ก็อาจจะทำให้เก็บรายละเอียดได้ไม่ครบ แต่ถ้าถ่ายในสถานการณ์ที่แสงดีๆ หน่อย ถือว่าไม่ติดอะไรเลยครับ
ส่วนกล้องมาโคร ความละเอียด 2MP ของเค้านั้น เรียกได้ว่ามีมาให้ก็ดีกว่าไม่มีครับ! สามารถเข้าใกล้วัตถุได้ประมาณ 4 เซ็นติเมตร คุณภาพใช้ได้ประมาณนึง แต่ไม่โดดเด่น ไปถ่ายวัตถุใกล้ๆ พอไหว แต่สภาพแสงจะต้องดีหน่อยครับ พวกดอกไม้ที่มีแสงตกกระทบพอได้ แต่ถ้าแสงน้อย นอยส์จะขึ้นเยอะนิดนึงครับ มองว่ามีพอให้ใช้งานครับสำหรับกล้องตัวนี้
กล้องหน้า 32MP จัดหนัก!
สำหรับกล้องหน้าของ realme GT Master Edition นั้นเรียกได้ว่าจัดมาให้สุดมากๆ ครับ ความละเอียด 32MP สำหรับใครที่ชอบเซลฟี่ ถ่ายตัวเอง ตัวนี้ให้มาจัดเต็ม ความละเอียดเยอะมากก!
สำหรับคุณภาพนั้น ด้วยความที่เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony ที่ให้ความละเอียดมาสูงขนาดนี้ เมื่อนำไปเซลฟี่ก็จะทำให้ได้ภาพถ่ายที่คมชัดเป็นพิเศษ จัดว่าถูกใจสายเซลฟี่เลยล่ะ!
ส่วนโหมดหน้าเนียน Beauty Skin ต่างๆ สำหรับ realme GT Master Edition ถือว่าทำออกมาได้อยู่ในระดับที่ดีครับ ถ้าเป็นคนที่มีปัญหาสิวผิวหน้าแบบผม (ตัวผู้เขียนแพ้แมสก์หนักมาก สิวเห่อเต็มหน้า) ก็จะช่วยเกลี่ยผิวให้ผิวเรียบเนียนได้ประมาณนึงเลยครับ แต่ช่วยไม่ได้ทั้งหมดนะ
ซึ่งจุดนี้มองว่าหากเป็นคุณผู้หญิงที่พื้นฐานผิวดีอยู่แล้วเนี่ย กล้องหน้าตัวนี้จะส่งเสริมทำให้หน้าสว่างกระจ่างใสมีออร่ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ แต่สำหรับคนที่เป็นสิวเยอะหน่อย อาจจะช่วยได้ประมาณนึง แต่ไม่ทั้งหมด อธิบายให้เห็นภาพแแบบนี้แล้วกันนะครับ :)
ส่วนการถ่ายภาพบุคคล (หน้าชัดหลังเบลอ) ก็สามารถทำได้ดีประมาณนึงครับ แต่ถ้าเป็นในจุดที่ยากๆ เช่น ไรผม หรือเส้นผมที่มันกระเดิดออกมา ก็อาจจะตัดได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้เลยครับ!
สรุปการใช้งาน!
สำหรับ realme GT Master Edition ตัวนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่พิถีพิถันในการผลิตมากจริงๆ ครับ ตั้งแต่เรื่องดีไซน์หนังวีแกนที่ได้แรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทาง ที่สัมผัสดีมากๆ ยันเรื่องประสิทธิภาพ สเปคต่างๆ และทุกยิ่งอย่างที่พยายามใส่มาให้ในเรทราคาเท่านี้ จัดว่าดีงามมากจริงๆ ครับสำหรับสมาร์ทโฟนตัวนี้
สำหรับรุ่นและราคาจำหน่ายของ realme GT Master Edition เป็นดังต่อไปนี้ครับ
- Voyager Grey 8GB/128GB ราคา 13,990 บาท
- Daybreak Blue 8GB/128GB ราคา 13,990 บาท
- Daybreak Blue 8GB/256GB ราคา 15,990 บาท
สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ตามร้านขายมือถือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งออนไลน์ผ่าน realme official shop ในแพลตฟอร์มออนไล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, JD Central หรือ Thisshop (แอบกระซิบว่ามีโปร มีโค้ดส่วนลดเยอะแยะเลยในนั้น)
หรือใครจะดวกใจผูกโปรกับ Operator ทั้งสามค่าย ก็จัดไปเลยครับ! ได้ราคาดีมากๆ เลยแหละ (แต่ติดสัญญานะจ๊ะ) ลองพิจารณาตามการใช้งานดูนะครับในจุดนี้
โอเค! ก็จะประมาณนี้ครับสำหรับรีวิว realme GT Master Edition อย่าลืมกดติดตามกันในช่องทาง Facebook และ Youtube ด้วยนะครับ ทางทีมงาน TechXcite จะคอยนำเสนอข่าวคราววงการไอทีให้เพื่อนๆ ได้อัปเดตกันอยู่ตลอดเวลา สำหรับวันนี้ @นายเป้ไงจะใครล่ะ ขอตัวไปปั่นรีวิวตัวอื่นก่อนแล้วจ้าา~ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ! :3
//นายเป้ไงจะใครล่ะ