แกะกล่องและดีไซน์
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ กู๊ดดรีม TechXcite วันนี้ฤกษ์ดีเอาอีกหนึ่งสุดยอดมือถือเกมมิ่งมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกัน นั่นคือ ROG Phone 5 ที่หลายคนรอคอย ซึ่งต้องบอกว่า ROG Phone 3 ของปีที่แล้ว ทำออกมาได้ดีจนหลายคนยกให้มันเป็นมือถือเกมมิ่งแห่งปีกันไปเลย และใน ROG Phone 5 ก็ไม่ผิดหวังเช่นเดียวกัน งานพร้อมสเปคจัดเต็มในทุกด้าน ชิปเซ็ตตัวท็อป Snapdragon 888 อัตรารีเฟรช 144 Hz สามารถใช้งานได้ลื่นไหลสุดๆ แล้วยังมาพร้อมกับความน่าสนใจอีกเพียบ วันนี้จะมาแกะกล่องรีวิวไปให้ทุกคนได้อ่านกันว่ามันน่าซื้อ น่าใช้งานหรือไม่มาดูกัน
จุดเด่น
- จอกว้าง 6.75 นิ้ว รีเฟรชเรท 144 Hz เล่นได้ลื่นไหล
- รองรับ Hyper Charge 65W
- มีระบบจัดการความร้อนที่ดี
- ดีไซน์สวยโฉบเฉี่ยว
- สามารถต่ออุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้
จุดสังเกต
- ตัวเครื่องหนักประมาณนึง
- ตัวอุปกรณ์เสริมราคาค่อนข้างสูง
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
- เครื่อง ROG Phone 5
- อแดปเตอร์ชาร์จ
- สายชาร์จ USB-C to USB-C
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
- เคสนิรภัย
- สติ๊กเกอร์ตกแต่งเครื่อง
ความน่ารักของกล่องคือเมื่อเปิดออกมาจากด้านข้างจะเป็นภาพการ์ตูนอนิเมะเรื่อง Akira นี่เป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่ ROG ใส่มาเป็นลูกเล่นให้ผู้ใช้งานได้สแกนผ่านเครื่อง จะขึ้นเป็นการ์ตูน AR ขึ้นมา เป็นการแกะกล่องที่ทั้งสนุกและแปลกใหม่จริงๆ
อะแดปเตอร์ 65W แบบเสียบด้วยสาย USB-C ให้มาขนาดใหญ่ทีเดียว เทียบกับฝ่ามือแล้วก็จะเห็นภาพชัดเจนว่า อะแดปเตอร์ใหญ่ขนาดไหน
ส่วนสายชาร์จชอบมากตัวสายเป็นสายถักที่มีความแข็งแรงทนทานกว่าสายปกติ เป็นสายชาร์จแบบ USB-C to USB-C
ตัวเคสนิรภัยเป็นเคสแข็งที่ครอบทับกระชับเข้ากับตัวเครื่อง ช่วยกันกระแทกได้ดี ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็ถือว่าให้มาครบครัน น่าเสียดายที่ตัวเครื่องไม่มีฟิล์มติดมาให้ ใครที่ซื้อเครื่องมาแล้วก็ว่าอย่าลืมนำไปติดฟิล์มกันเพื่อความปลอดภัย
ดีไซน์
มาดูเรื่องของดีไซน์กันบ้าง ก็ต้องบอกว่าดีไซน์ของ ROG Phone จะค่อนข้างมีความเป็นเอกลักษณ์สูง เน้นดีไซน์โฉบเฉี่ยว และสัญลักษณ์ของ ROG ซึ่งเป็นตำแหน่งของไฟ LED ด้านหลังแสดงผลเป็นจุดๆ หรือที่เรียกว่า Dot Matrix
ในขณะที่ตัว ROG Phone 3 ตัวก่อนจะเป็นโลโก้เรียบๆแต่มีไฟ LED เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีตัวอักษร 05 ซึ่งหมายถึงชื่อรุ่นอยู่ที่บริเวณฝาหลังอีกด้วย
ส่วนตำแหน่งของกล้องหลังนั้นดีไซน์ยังคงคล้ายแบบเดิม จัดเรียงกล้องหลัง 3 ตัวอยู่ในแนวนอนที่มุมเยื้องไปทางซ้าย
ในส่วนของหน้าจอนั้นใช้วัสดุเป็น Corning Gorilla Glass Victus เพื่อป้องกันการกระแทกและรอยขีดข่วนมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.75 นิ้ว ซึ่งใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ตำแหน่งของกล้องหน้าถูกจัดวางอยู่นอกจอแสดงผลมุมขวาของตัวเครื่องรูปแบบเดิม ไม่มีรอยติ่งหรือรอยบากและพื้นที่ด้านบนก็ไม่กินพื้นที่จอแสดงผลมากเท่าไหร่นัก
สำหรับปุ่มการใช้งานต่างๆปุ่ม power มีใส่ดีไซน์ขอบสีชมพูบานเย็นเป็นเอกลักษณ์ อยู่ฝั่งเดียวกับปุ่มเพิ่มลดเสียงทางขอบขวาของตัวเครื่อง แล้วยังมี Air trigger เพื่อควบคุมการเล่นเกม อยู่ในฝั่งเดียวกัน รองรับการควบคุมเกมแบบสไลด์ในแนวนอน/แนวตั้งและการปัด
ขอบด้านซ้ายเป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม และช่อง USB Type-C ถูกปิดไว้ในในจุกยาง
ส่วนถาดซิมนั้นอาจจะต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิมเฉพาะของมัน หรือเข็มจิ้มถาดซิมที่ยาวกว่าปกติถึงจะเปิดถาดซิมออกมาได้ สามารถใส่ได้ 2 ซิมการ์ดแบบหน้าหลัง
ส่วนที่ฐานของตัวเครื่องก็เป็นช่องชาร์จ USB c และแจ็ค 3.5 เพื่อเสียบหูฟัง ส่วนตำแหน่งของลำโพงนั้นอยู่ในตำแหน่งที่อาจจะต้องตั้งใจสังเกตกันหน่อยเพราะมันซ่อนอยู่ภายในขอบเครื่องบนล่าง แต่ถึงแม้จะซ่อนแอบไว้ขนาดนั้นแต่เสียงที่ปล่อยออกมาก็ดังกังวาลน่าดู
โดยรวมเรื่องของดีไซน์ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ของ ROG phone สูง ฝาหลังมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของลวดลายโลโก้และการจัดวางต่างจากรุ่นก่อนมากพอสมควร แต่ก็นับว่าเป็นรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจและน่าใช้งานขึ้น ส่วนเรื่องของการจับถือตัวเครื่องก็ค่อนข้างมีน้ำหนักและตัวเครื่องหนาพอสมควร แต่ก็ไม่มีปัญหากับการใช้งานสักเท่าไหร่
สเปคการใช้งาน
- หน้าจอ SAMSUNG AMOLED 6.75 นิ้ว
- รองรับการใช้งาน HDR10+
- อัตรารีเฟรชเรท 144Hz
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 888 สถาปัตยกรรมขนาด 7nm
- GPU Adreno 660
- RAM LPDDR5 สูงสุด 16GB
- ความจุ UFS 3.1 256GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ROG UI
- กล้องหน้า 24MP
- กล้องหลัง 3 ตัว
- 64 MP กล้องหลัก
- 13 MP เลนส์ Ultra-Wide
- 5 MP เลนส์มาโคร
- รองรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ 6000mAh
- รองรับชาร์จไว Hyper Charge 65W
การเล่นเกมส์และการดูหนังฟังเพลง
ในเรื่องของการดูหนังฟังเพลงนั้นภาพสีสันสดใสเต็มอิ่มสุดๆ ด้วยความที่หน้าจอรองรับ HDR 10+ ซึ่งให้ผลการแสดงของสีสันที่คมชัดจัดเต็มมากกว่าเดิม เรื่องของลำโพงด้วยความที่เป็นลำโพงบนล่างมันจึงให้เสียงที่ดังกังวานเซอร์ราวด์รอบตัวเครื่อง มีเนื้อเสียงที่ละเอียด สามารถแยกระหว่างเสียงนักร้องกับเสียงดนตรีออกจากกันได้ไม่รวมเป็นเนื้อเสียงเดียว ถึงแม้จะเป็นมือถือเกมมิ่งแต่การรับชม content ความบันเทิงต่างๆ จะดูหนังผ่านเน็ตฟลิกซ์หรือฟังเพลงผ่าน YouTube ก็ยังคงทำได้ดี
การเล่นเกม
นี่คือหัวใจหลักของการมีมือถือเกมมิ่งดีๆ สักเครื่อง ก็เพื่อความได้เปรียบในการเล่นเกมและการได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า ทั้งความคมชัด ความลื่นไหล การรับเอฟเฟกต์และกราฟิกที่ใส่มาในเกม ซึ่งมันจะมีรายละเอียดเล็กๆที่เป็นข้อได้เปรียบสำหรับการเล่นเกมผ่านมือถือเกมมิ่งที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ มันจะเป็นอย่างไรเรามาเข้าเกมกันเลยดีกว่า
ก่อนเข้าเกมจะมีโหมด Game Genie เพื่อการตั้งค่าเครื่องให้พร้อมสำหรับการเล่นเกมจะได้ไม่มีอะไรมากวนใจหรือรบกวนการเล่นเกมของเราไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนต่างๆ สายโทรเข้าหรือแม้แต่แสงสว่างที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างจนทำลายสมาธิระหว่างเล่นเกมก็สามารถตั้งค่าได้ตรงนี้เลย
เกมแรก rov สามารถปรับตั้งค่าได้สูงสุด การโหลดเกมทำได้ไว ระหว่างเล่นเกมสามารถเล่นได้ลื่นไหลควบคุมได้ลื่นนิ้วดีมาก ไม่พบอาการ frame drop หรือเครื่องกระตุกเลยแม้ในช่วงของจังหวะการเข้าปะทะที่จะมีการแสดงผลกราฟิกจัดจ้าน ความละเอียดของภาพทำให้เราได้เห็นดีเทลเล็กๆที่ซ่อนอยู่ภายในเกม ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้า หรือจังหวะสกิลที่ถูกปล่อยออกมาล่วงหน้า จุดนี้เป็นจุดได้เปรียบที่ทำให้เราสามารถโดดหลบอาวุธของฝั่งตรงข้ามและรู้จังหวะการยืนเกมมากกว่าเดิม เมื่อเล่นจบ 1 ตาใช้เวลาประมาณ 15 นาที แบตเตอรี่ลดลงไปประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ ตัวเครื่องอุ่นบ้างแต่ยังไม่ถึงว่าร้อน
มาต่อกันที่เกมที่ 2 Call of Duty เกมนี้ต้องอาศัยความลื่นไหลในการเล่นสูง สามารถปรับตั้งค่าได้สูงสุดเช่นเดียวกัน ในระหว่างเล่นเกมไม่เจอปัญหาเครื่องหน่วงหรือกระตุกเลย ให้การแสดงภาพและสีสันคมชัด เก็บรายละเอียดภายในเกมได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้เรื่องของระบบเสียงก็เป็นจุดได้เปรียบในเกมนี้ เสียงฝีเท้าจะช่วยให้เราสามารถรู้ตัวได้ว่าศัตรูกำลังเข้ามาใกล้ เพื่อเตรียมเข้าปะทะหรือหลบซ่อน ซึ่งระบบเสียงเซอร์ราวด์ที่อยู่ใน ROG Phone 5 ให้เสียงที่ชัดเจน และแยกมิติเสียงต่างๆ ภายในเกมได้อย่างดี เล่นไปทั้งหมดครึ่งชั่วโมง แบตเตอรี่ลดไปประมาณ 5-6 เปอร์เซ็นต์ ตัวเครื่องให้ความรู้สึกอุ่นๆ เช่นเดียวกัน ด้วยระบบระบายความร้อนในตัว สามารถเล่นเกมได้ยาวนานต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนเลย
และเอกลักษณ์ของความเป็น ROG Phone กับ X Mode ที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพของ CPU ให้ใช้งานได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น พร้อมปรับแต่งการทำงานในแต่ละส่วนของเครื่องให้เหมาะสมต่อการเล่นเกมมากยิ่งขึ้นตามประสามือถือเกมมิ่ง
นอกจากนี้ยังสามารถปรั้งตั้งค่าเกมในส่วนต่างๆ ได้ตามต้องการไม่ว่าจะเป็นหน้าโปรไฟล์ของเกมแต่ละเกม การจัดการระบบ รวมไปถึง ROG Connect เพื่อการเชื่อมต่อเข้ากับกลุ่มเกมต่างๆ
กล้อง
สำหรับกล้องหลังใน ROG Phone 5 ให้ความละเอียดมาเท่ากับรุ่นก่อนเป๊ะเลย
- 64 MP กล้องหลัก
- 13 MP เลนส์ Ultra-Wide
- 5 MP เลนส์มาโคร
มาดูภาพตัวอย่าง 64MP ในกล้องหลักกัน ความคมชัดจัดเต็มจะซูมหรือครอปภาพก็ไม่แตก ส่วนสีสันของภาพเน้น Cantrast จัด แสดงสีสันจัดจ้าน ไม่ใช่แค่เฉพาะบนจอมือถือนะ ไม่ว่าจะบนเครื่องอื่นหรือบน PC ภาพก็ยังแสดงสีสันจัดจ้าน
13 MP เลนส์ Ultra-Wide
เป็นเลนส์เพื่อการถ่ายในมุมมองกว้าง ใน ROG Phone 3 สามารถเก็บองค์ประกอบของภาพได้ครบถ้วน มุมมองและขอบภาพไม่มีผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวเกินธรรมชาติ
5 MP เลนส์มาโคร
เลนส์เพื่อการถ่ายภาพในมุมมองที่ใกล้มากๆ สามารถเข้าใกล้มากสุดถึง 4 ซม. ตอนถ่ายอาจจะต้องมือนิ่งๆ สักนิด จะยิ่งได้ภาพที่คมชัด
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
สำหรับแบตเตอรี่ให้มาขนาดใหญ่ถึง 6,000 mAh ความพิเศษของมันคือรองรับ Hyper Charge 65W ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ไวมากๆ ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ในเวลาประมาณ 50-52 นาทีเท่านั้น ในกล่องมีสายชาร์จและอแดปเตอร์แถมมาให้ในกล่อง สายชาร์จเป็นแบบ USB-C to USB-C สายถักทนทาน ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์การชาร์จแยกให้สิ้นเปลือง
สรุปการใช้งาน
ROG Phone ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็นมือถือเกมมิ่งมาตลอด ซึ่งใน ROG Phone 5 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน แม้จะมีสเปคบางส่วนที่ยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนอย่างเรื่องความละเอียดกล้อง แต่ก็มีการอัพเกรดประสิทธิภาพในหลายส่วนเช่นเดียวกัน แล้วยังมาพร้อมการจัดการความร้อนที่สามารถทำได้ดีมากๆ อีกด้วย เรื่องของดีไซน์ก็โฉบเฉี่ยวน่าใช้งานคงความเป็นเอกลักษณ์ของ ROG ได้เป็นอย่างดี
ราคาและการวางจำหน่าย
ROG Phone 5 มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 ความจุ
- RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 22,990 บาท
- RAM 16GB + ROM 256GB ราคา 29,990บาท