ภาพรวม Mi 11 Ultra
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่านครับ อยู่กับ @นายเป้ไงจะใครล่ะ พบกันอีกเช่นเคย! คราวนี้มารีวิวสมาร์ทโฟนบ้าพลัง! Xiaomi Mi 11 Ultra ที่ต้องบอกกันตรงๆว่า "สุดจัด" จริงๆ ครับ ในเรื่องของกล้อง และประสิทธิภาพโดยรวม ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เราไปเริ่มกันเลยครับ!
แต่ก่อนอื่นมาดูภาพรวมของ Mi 11 Ultra กันก่อนเลย สรุปมาให้แล้ว!
จุดเด่น
- สุดจัด! ในเรื่องของประสิทธิภาพ เรือธงของเรือธง
- กล้องเซนเซอร์ใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟน รับแสงได้ดีที่สุด ละลายหลังได้ดีที่สุด!
- จอใหญ่ 6.81" ความละเอียด 2K Adaptive Sync 120Hz
- มีจอที่สอง Rear Display อยู่ด้านหลัง ปรับแต่งได้หลากหลาย
- แบตเตอรี่ใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 67W (ชาร์จเต็มใน 46 นาที)
จุดสังเกต
- แบตเตอรี่อาจจะมีอาการไหลสักหน่อย โดยเฉพาะการเปิดใช้กล้อง
- อุณหภูมิค่อนข้างสูงเวลาใช้งานกล้องต่อเนื่อง
- จอที่สอง Rear Display อาจทำให้คุณรู้สึกรำคาญได้ตอนใช้แนวนอน (มือติด)
สเปค Mi 11 Ultra
- หน้าจอ : 6.81" AMOLED 1B Colors ความละเอียด 2K (1440 x 3200) อัตราส่วน 20:9 ratio อัตรารีเฟรชเรท 120Hz (รองรับ Adaptive Sync)
- จอหลัง Rear Display ขนาด 1.1" ความละเอียด 126 x 294 พิกเซล
- รองรับสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- มิติตัวเครื่อง : 164.3 x 74.6 x 8.4 มม.
- น้ำหนัก : 234 กรัม
- CPU : Snapdragon 888 5G
- GPU : Adreno 660
- RAM : 12GB LPDDR5
- ROM : 256GB UFS 3.1
- ไม่รองรับ Micro-SD
- แบตเตอรี่ : 5,000mAh รองรับชาร์จไว
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 67W ทั้งมีสายและไร้สาย
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 50 MP, f/2.0 เทียบเท่า 24mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.12"
- กล้องอัลตร้าไวด์ 48 MP, f/2.2 เทียบเท่า 12mm องศารับภาพ 128˚
- กล้อง Periscope 5x 48 MP, f/4.1 เทียบเท่า 120mm
- กล้องหน้า 20 MP, f/2.2 เทียบเท่า 27mm
- รองรับการเชื่อมต่อ
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e
- Bluetooth 5.2
- NFC
- พอร์ต USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย MIUI 12.5
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- สี : Ceramic White, Ceramic Black
- ราคา 33,900 บาท (วางจำหน่ายความจุเดียว 12/256GB)
ว่ากันด้วยเรื่องดีไซน์
Mi 11 Ultra มาพร้อมกับวัสดุฝาหลังเซรามิก ไม่ใช่กระจกหรือพลาสติกแต่อย่างใดนะจ๊ะ ส่วนด้านข้างตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียม และหน้าจอเป็น Gorilla Glass Victus มาพร้อมกับลำโพงคู่ที่จูนโดย Harman/Kardon ด้วย! เสียงดีไม่หยอกเลยแหละ!! (แต่ต้องเปิดที่ความดังสัก 70% ขึ้นไปถึงจะเห็นผลนะครับ
และที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mi 11 Ultra เลยก็คือในส่วนของ กรอบกล้องที่มันมันมโหฬาร บะลั่กกั้ก ใหญ่มากๆ เลยแหละ! กล้องเค้าจัดหนักจัดเต็มจริงๆ ผมสามารถเอา Mi11 Ultra ไปเกี่ยวกับขอบโต๊ะได้เลย 555 อย่าหาทำ!
ข้างๆกล้อง ก็จะมีจอแสดงผลที่สอง ที่เค้าเรียกว่า "Rear Display" อยู่ตรงนี้ด้วย ซึ่งวัสดุและความละเอียดหน้าจอแบบเดียวกับ MiBand5 ถามว่าคมชัดมั้ย เอาจริงๆก็ไม่เท่าไหร่นะครับ ยังสามารถเห็นพิกเซลแตกๆ ได้อยู่บ้าง แต่ถามว่ามีมาให้ดีมั้ย ก็ดีแหละ! เพราะมันช่วยเติมเต็ม อาการแง่กๆ ตอนวางที่พื้นได้ ก็มั่นคงดี แถมเป็นลูกเล่นที่แปลกใหม่ ก็น่ารักดีครับให้มา
ส่วนเรื่องของน้ำหนัก 234 กรัม ว่ากันตรงๆ ก็ค่อนข้างมีน้ำหนักเลยแหละ แต่ถามว่าหนักขนาดเมื่อยมืออะไรแบบนั้นหรือเปล่า ไม่ใช่นะครับ จับถือได้สบาย ไม่มีปัญหา แล้วก็ให้ความรู้สึกในการจับถือที่พรีเมี่ยมจริงๆแฮะ ด้วยความที่วัสดุฝาหลังเป็นแบบนี้!
เรื่องของหน้าจอล่ะ!?
Mi 11 Ultra มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.81" เป็นจอ Amoled 1B รองรับพันล้านสีอะไรแบบนั้น การแสดงสีสันอะไรคือสุดมาก!ความละเอียด 2K 120Hz รองรับ Adaptive Sync ที่จะเปลี่ยนอัตรารีเฟรชเรทเป็น 30/60/90/120 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพื่อประหยัดพลังงานนั่นเองครับ!
Touch Sampling Rate 480Hz อัตราการตอบสนองหน้าจออะไรคือทำได้ดีมากจริงๆ ติดนิ้วมากๆ ครับในเรื่องของการสัมผัส
จอสว่างสูงสุด 1700nits โหมด sunlight ออกแดดเมืองไทยแบบไม่ต้องกลัวไม่เห็นจอครับ! สามารถใช้งานในที่แจ้งกลางแดดได้เลย ถือว่ามองเห็นได้อยู่ สบายมากๆ!
จอมาเต็ม ขอบบางมาก! แต่ติดตรงที่ขอบด้านบนนี่มีความแบบ แหว่งแปลกๆ ไม่โค้งไปกับขอบเครื่อง เลยทำให้รู้สึกขัดใจนิดๆ แต่อะ ก็พอหยวนๆได้ พอใช้จนชินแล้วก็คงไม่ติดอะไร
รองรับการแสกนลายนิ้วใต้หน้าจอ แต่จากการใช้งานมา จะมีอาการหน่วงๆ นะครับ จะไม่ได้เร็วแบบทันใจ แต่โอเค ...มันสามารถใช้งานได้ แล้วก็การวางตำแหน่งของเค้าค่อนข้างดีเลยแหละ! ไม่รู้สึกว่าต้องเอื้อมหรืออะไรเลย วางตำแหน่งมาดี!
และที่อยากเล่าให้ฟัง ก็คือในส่วนของมอเตอร์สั่น ...มันแน่นมาก ให้ความรู้สึกแบบหนักแน่นๆ มาเป็นลูกๆ กระชับๆ การสัมผัสอะไรแบบนี้คือดีมากจริงๆ ครับ :)
จอที่สอง!? Rear Display มันทำอะไรได้บ้างนะ!?
Rear Display หรือจอด้านหลังของ Mi 11 Ultra นั้นมาพร้อมกับความละเอียด 126 x 294 พิกเซล เป็นจอขนาด 1.1 นิ้ว (จอ AMOLED) ซึ่งเหมือนใน Mi Band 5 เป๊ะๆ เลย ถามว่ามันคมชัดขนาดนั้นไหม? ว่ากันตรงๆ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ด้วยความที่ความละเอียดมันก็เท่านี้แหละเนาะ! ถือว่าเป็นลูกเล่นที่น่ารักดีที่เค้ามีมาให้
สามารถปรับแต่งได้หลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ นาฬิกาบอกเวลา , ตัวหนังสือ คำคมต่างๆ สามารถใส่เพิ่มเข้าไปได้ และสามารถตั้งเป็นรูปภาพได้ด้วย!
และในส่วนนี้ยังเป็น Notification หรือการแจ้งเตือนได้ด้วย แต่ ณ ตอนนี้ แอปที่มันจะเด้งเตือนขึ้นมามีเพียงแค่ Facebook นะครับ!
แต่ว่ากันด้วยการใช้งานจริง การเล่นเกม ...ติด! มือซ้ายเนี่ยติดไปหมดเลยครับด้วยความที่มันมีจอที่สองที่มันเต็มมาถึงฝั่งนี้ ก็อาจจะไม่ค่อยชินเท่าไหร่ สำหรับการเล่นในช่วงแรกๆ ครับ มันติดนิ้วที่ใช้รองเครื่องสำหรับการเล่นเกมจริงๆ
แต่จอนี้เค้าก็มีประโยชน์นะ! ในส่วนของถ้าเราอยากใช้กล้องหลังถ่ายเซลฟี่ หรือไปถ่ายคุณแฟน ให้เค้าเห็นตัวเองเล็กๆในกล้อง อะไรแบบนั้นก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถถ่ายโหมด Portrait ได้ในโหมดที่เปิดจอหลังนะจ๊ะ
มาพูดกันถึงเรื่อง "ประสิทธิภาพ"
Mi 11 Ultra มาพร้อมกับชิปเซ็ตเรือธง Snapdragon 888 รองรับ 5G สุดจัดที่สุดในสมาร์ทโฟนฝั่ง Android ณ ช่วงเวลานี้แล้ว! ประสิทธิภาพไม่ต้องพูดเยอะ ...เจ็บคอ!
การใช้งานทั่วๆ ไปจะไม่พูดถึงเยอะเท่าไหร่นะครับ เนื่องจากชิปเซ็ตตัวนี้มันสุดทางแล้วจริงๆ การใช้งานแอปทั่วไป โซเชี่ยล ดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรีส์ ทำได้อย่างลื่นไหลไร้ปัญหาครับ!
แถมจอ 120Hz เค้าเนี่ย ลื่นจริงๆ ประสบการณ์การใช้งานดีมากๆ เลื่อนฟีด ไถฟีดอะไรงี้ ไม่สะดุด เนียนตาไปหมด แจ่มจริงครับ!
มาว่ากันในเรื่องของการเล่นเกมสักหน่อย ชิปเซ็ตแรงขนาดนี้ จะหนีเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ!? เริ่มกันที่เกม MOBA ยอดฮิตอย่าง ROV สามารถปรับตั้งค่าได้สูงสุดทุกอย่างเลย! ภาพ HD / กราฟิกสูงสุด เปิดเอฟเฟกต์เงาเมฆอะไร ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไร้อาการกระตุกเลยครับ 60-61 fps สบายๆ แถมลองอัดหน้าจอไปเล่นไป ก็ยังวิ่งได้ที่ 60fps อยู่! ของเค้าแรงจริง!
เกมยิงๆ First Person Shooting อย่าง Call of Duty Mobile สามารถปรับค่าสูงสุดได้หมดเลย! ตั้งค่ากราฟิก Very High เฟรมเรต Max และยังสามารถเปิดเอฟเฟกต์ได้สุดทุกอย่าง Ragdoll , AA , Motion Blur , Depth of Field ปรับได้สุด บวกกันยับๆ ก็ไม่เห็นอาการแลค หรือเฟรมดรอปแต่อย่างใดครับ สามผ่าน ชิลๆ~
เกม MOBA น้องใหม่ LoL WildRift ก็เป็นอีกเกมนึงที่สามารถปรับสุดได้! 60 fps ลื่นๆ บวกกันยับๆ โดยที่สามารถปรับเอฟเฟกต์ต่างๆ สูงสุดได้หมดเลย แถมเกมนี้เค้ามีบอกด้วยว่า ถ้าเราปรับสุดแล้ว CPU Lost Performance ของเครื่องเราจะเป็นอย่างไร ตามที่เห็นเลยครับว่า ปรับสุด เปิดทุกอย่าง! ก็จะขึ้นแค่ว่า MEDIUM หรือใช้ CPU แค่ระดับปานกลางเท่านั้นเอง! สุดจัดๆ
ซึ่งตรงนี้ต้องบอกไว้นิดนึงว่า ถ้าเป็น CPU ค่ายเดียวกัน ซีรีส์ 7 อะไรแบบนี้ มันจะขึ้น High เลยครับ หมายความว่าถ้าเปิดสุด CPU ก็จะทำงานหนักมากๆ ประมาณนี้นะครับในส่วนของ LoL WR
เกมรีดประสิทธิภาพอย่าง Asphalt 9 ก็ต้องมาครับในการทดสอบนี้ สามารถเปิดกราฟิกได้สูงสุด รีด Polygon ของเกมออกมาใช้ให้หมด!! แต่ว่าก็ยังไม่พบอาการหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด กดไนโตรมันส์ๆ ดริฟท์ยับๆ ได้เลยไม่มีปัญหาครับ! ลื่นไหลจริงๆ
จากผลทดสอบด้านบนที่ได้บอกไป เอาเป็นว่าเรื่องประสิทธิภาพของ Mi 11 Ultra ที่จับคู่กับ Snapdragon 888 นั้น หายห่วงได้เลยครับ การใช้งานหนักๆ สบายบรื๋อออ~~
แบตเตอรี่และความร้อน!?
Mi 11 Ultra มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุขนาด 5,000 mAh และที่เป็นจุดชูโรงเลยคือในเรื่องของการรองรับชาร์จไวสูงสุดถึง 67w ทั้งมีสายและไร้สายนี่แหละ! ในโฆษณาเค้าบอกว่าสามารถชาร์จได้เต็ม จาก 0-100% ในเวลา 39 นาทีเลย!!
แต่จากการที่ได้ไปลองใช้งานมา ใช้งานหนักเล่นจนแบตหมด เครื่องดับเหลือ 0% เลยนะ ผมสรุปตัวเลขให้แบบนี้ครับ
- ชาร์จ 10 นาที ได้แบตเตอรี่มา 36%
- ชาร์จ 20 นาที ได้แบตเตอรี่มา 61%
- ชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่มา 86%
- ชาร์จจาก 0-100% ใช้เวลา 46 นาที!!
ขุ่นพระ! มือทาบอก เร็วจริงครับ จากการใช้งานชาร์จจริง 46 นาทีจากแบตเกลี้ยงเลย คือเร็วมาก! เร็วจริงๆครับ 67w Mi Turbo Charge!
แล้วถามว่าแบตมันเล่นได้นานไหม อยู่ได้ทั้งวันหรือเปล่า ผมก็ได้ไปทำการทดสอบใช้งานมา การตั้งค่าจะเป็นตามด้านล่างนี้เลยครับ
- เปิดจอ 2K 120Hz
- การเชื่อมต่อ WiFi
- เปิดความสว่าง 60%
- ความดังลำโพง 6%
- ทดสอบในห้องอุณหภูมิ 32-33 องศา ไม่เปิดแอร์
การเล่นเกมแบบต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงเต็ม ปรับตั้งค่าสูงสุดเล่นสลับๆ กันไป ROV, CODm , LoL WR และ Asphalt 9 แบตเตอรี่ลดไป 16%
แต่ถ้าเป็นการใช้งานเบาๆ ดูหนัง ดูซีรีส์ ไถโซเชี่ยล Facebook, IG , Netflix ใช้งานต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงเต็ม แบตเตอรี่ลดไป 9%
ถามว่าลดเร็วไหม? ก็ต้องตอบกันตรงๆว่าเร็ว ...แต่ไม่มาก การใช้งานทั่วไปชั่วโมงละ 9% ผมก็มองว่าโอเคนะ เต็มวันได้สบายๆ เลยครับ! แต่ถ้าใครเล่นแบบจัดหนักจัดเต็ม! บวกกันแบบไม่ยั้ง ทั้งวันอาจจะไม่ไหว แต่เอาจริงๆ แค่เสียบชาร์จ 10 นาที ก็ได้มา 30 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็มองว่า ไม่ไหวก็เสียบชาร์จเอาครับ จบทุกปัญหา!
ส่วนเรื่องความร้อนนั้น ก็พูดกันตรงๆ ว่า ร้อนครับ ร้อนในขอบเขตของความเป็น Snapdragon 888 ทุกรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ตนี้ก็คือรู้กันแหละว่าร้อน! แต่ก็แลกมากับประสิทธิภาพที่มันสุดจัดจริงๆ
แล้วก็จะค่อนข้างร้อนเมื่อใช้งานกล้องต่อเนื่องนะครับ จะร้อนแบบรู้สึกได้เลย! และแบตเตอรี่ก็จะค่อนข้างสูบเวลาเราใช้งานโหมดของกล้องนะครับ ประมาณนี้เลยสำหรับเรื่องของแบตเตอรี่ใน Mi 11 Ultra!
กล้องถ่ายรูปจัดเต็ม!
Mi 11 Ultra มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวด้วยกัน
- กล้องหลัก 50 MP, f/2.0 เทียบเท่า 24mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.12"
- กล้องอัลตร้าไวด์ 48 MP, f/2.2 เทียบเท่า 12mm องศารับภาพ 128˚
- กล้อง Periscope 5x 48 MP, f/4.1 เทียบเท่า 120mm
ซึ่งในส่วนของกล้องนี้ ก็ต้องบอกว่าเค้าเป็น DXO No.1 รุ่นล่าสุดเลยนะครับ เป็นกล้องที่ดีที่สุดตามผลคะแนนการทดสอบของ DXO Mark นั่นเอง!
สรุปเรื่องกล้องให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือ
- กล้องหลัก ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟนตอนนี้ 0.89 นิ้วที่เกือบจะเทียบเท่ากล้อง Compact ของโซนี่รุ่นหนึ่ง ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว
- กล้องอัลตร้าไวด์ องศารับภาพกว้างที่สุดในสมาร์ทโฟน 128˚ รายละเอียดดีมากๆ
- กล้อง Periscope 5x ที่สามารถซูมสูงสุดได้ 120x สุดโหด!
เรียกได้ความความเป็น No.1 ของเค้าเนี่ย ไม่ได้มาเล่นๆนะ เอาเป็นว่ารายละเอียดของกล้องแต่ละตัวจะเป็นยังไง เราไปเริ่มกันเลยครับ!
กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟน
สำหรับกล้องหลักนี้เป็นไฮไลต์ของ Mi 11 Ultra นี้เลยครับ! เค้าชูในเรื่องจุดเด่นของขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.12" หรือ 0.89 นิ้ว ที่มีความใหญ่ของเซ็นเซอร์มากที่สุด ณ โลกสมาร์ทโฟนตอนนี้!
แล้วมันดียังไง? ว่ากันง่ายๆ การที่เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น เท่ากับ "รับแสงได้มากขึ้น ละลายหลังได้มากขึ้น" นั่นเองครับ
การเอาไปถ่ายทั่วๆไป สิ่งที่สังเกตได้เลยคือเรื่องของ Depth of Field หรือระยะชัดตื้น ที่ต้องบอกว่า ระนาบการชัดมันน้อยมากๆ! ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีนะ คือมันดี! ถ่ายสนุก ยิ่งเข้าใกล้วัตถุ ยิ่งเบลอหลังง่ายๆ ถ่ายสนุกมากๆครับ
ส่วนในเรื่องของรายละเอียดนั้น จัดเต็มมากจริงๆ การ Boost Contrast , Sharpness รวมไปถึง Dynamic Range ของภาพคือค่อนข้างดีเลยแหละ! ส่วนตัวแล้วชอบกล้องตัวนี้มากเลย
และด้วยความที่เซ็นเซอร์เค้าขนาดใหญ่ การไปถ่ายภาพกลางคืน ปกติถ้าสภาพแสงอย่างที่เห็นในภาพ ถ้าเป็นรุ่นอื่นจะต้องถือนิ่งๆ ประมาณ 2-3 วินาที! แต่ Mi 11 Ultra นั้นถือแค่ วิเดียว ครับ! และยังได้ภาพที่รายละเอียดตอนกลางคืนดีมากๆ! สมกับที่เป็นเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดในสมาร์ทโฟนเลย! ไม่จกตาเด้ออ~
เราสามารถใช้กล้องหลัก พลิกกลับมาถ่ายรูปตัวเองได้ด้วย เพราะประโยชน์ของหน้าจอด้านหลังนี่แหละ คุณภาพก็มาเต็ม จัดเต็มเลยทีนี้! (แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถถ่ายโหมดอื่นๆ ได้นะครับสำหรับกล้องหลัก ที่เปิด Rear Display Preview)
กล้องอัลตร้าไวด์ 48MP กว้างที่สุดในโลก!? (ตอนนี้)
ต่อกันที่เรื่องของกล้องอัลตร้าไวด์ ที่มีองศารับภาพถึง 128˚ กว้างที่สุดในสมาร์ทโฟนแล้วจริงๆ ครับ ณ เวลานี้
เทียบเท่ากับกล้องถ่ายรูปที่ 12mm เลยทีเดียว คือกว้างมากจริงๆ และไม่ใช่แค่องศารับภาพกว้างนะ แต่รายละเอียดภาพที่ได้ คือดีมากเลยครับ คมชัดจัดจริง! ไม่ได้มีดีแค่กว้างนะจ๊ะ~
การเก็บรายละเอียดใดๆ คือทำได้ดีครับ สีสันดีมากๆ
ก็ถือว่าถ่ายสนุกมากๆเลย สำหรับกล้องอัลตร้าไวด์ใน Mi 11 Ultra นี้
กล้อง Periscope 5x ซูมสุดจัด!?
สำหรับกล้อง Periscope 5x ที่ Mi 11 Ultra ให้มานั้นเทียบเท่ากับระยะ 120mm เลยทีเดียว คือซูมได้ไกลมากๆ เปิด 5x ขึ้นมาก็คือซูมไปได้ไกลแล้ว!
แถมยังเป็นกล้อง Periscope Telephoto ที่ค่อนข้างคมเลยนะ รายละเอียดค่อนข้างดีเลย!
สามารถซูมได้สูงสุดถึง 120x แบบ Digital Zoom เลยทีเดียว ป้ายที่อยู่ไกลๆ นั้นเขียนอะไรไว้ ขี้เกียจเดินไป ก็กดซูมเข้าไปได้เลย สามารถทำได้!
แต่หลังจากนี้ไปสัก 50x ขึ้นไปแล้วเนี่ย ก็... พอใช้ได้ มีให้พอรู้ครับว่ารายละเอียดตรงนั้นมันเป็นยังไง แต่อย่าคาดหวังที่จะแบบซูมจน 120x แล้วเอาภาพมาใช้งานได้แบบคมกริบอะไรแบบนั้น ให้ไม่ได้นะครับในส่วนนี้!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กล้อง Periscope 5x นี้ ว่ากันตรงๆ มันจะให้รายละเอียดที่ดีที่สุดที่ระยะ 5x ไปจนถึง 30x ตรงนี้คือยังดี รายละเอียดมาครบอยู่!
กล้องหน้า 20MP เจาะรูเล็กๆ แอบอยู่มุมซ้าย!?
สำหรับกล้องหน้าของ Mi 11 Ultra นั้น ให้มาที่ 20 ล้านพิกเซล เจาะรูเล็กๆ อยู่ตรงมุมด้านซ้ายของหน้าจอ เล็กขนาดที่ว่าไม่รู้สึกว่ามีอะไรกวนสายตาเลยแหละ!?
ส่วนเรื่องของคุณภาพนั้น ว่ากันตรงๆ ก็ทำได้ดีในระดับ "ทั่วๆ ไป" ครับ ในส่วนของกล้องหน้าเค้าอาจจะไม่ได้เน้นมากในส่วนนี้ แต่ก็ยังทำรายละเอียดออกมาได้ดีนะครับ!
เพราะว่ากล้องหลังจัดหนักจัดเต็มไปแล้ว แถมยังใช้กล้องหลักเซลฟี่ตัวเองได้อีก!? ...เพราะว่ามี Rear Display จอที่สองด้านหลังนั่นเอง!
การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยตัดขอบ ทำหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Portrait นั้นก็สามารถทำได้ดีประมาณนึงเลย สามารถเพิ่มความชัด-เบลอ ของภาพได้อีกด้วย เรื่องการตัดขอบนั้นก็ถือว่าทำได้ดีครับ!
และในโหมดหน้าเนียน Beautify นั้น ก็สามารถทำได้ดี อย่างผมเองที่มีปัญหาเรื่องสิว ก็ช่วยเกลี่ยได้ระดับนึง ค่อนข้างเนียนเลยครับ! แต่ส่วนตัวผมแค่รู้สึกว่ามีเจ้าอื่นที่ทำเรื่องนี้ได้ดีกว่านี้เท่านั้นเอง ประมาณนี้ครับเรื่องของโหมดเกลี่ยสิวที่ผิวหน้า ครีมตรา Mi 11 Ultra มันก็โออยู่นะ!
แล้ววิดีโอเป็นยังไง!?
วีดีโอของ Mi 11 Ultra นั้นสามารถรองรับความละเอียดสูงสุดได้ถึง 8K 24fps เลยทีเดียว ถามว่า 24fps มันเพียงพอต่อการใช้งานไหม? เอาจริงๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร่ เพราะในยุคปัจจุบัน เราก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะใช้กันที่ 25/30/60 เฟรมกันซะส่วนใหญ่ ถ้าเอา 24fps ไปตัดต่อใน Comp 25 เฟรมขึ้นไป ก็จะทำให้รู้สึกว่าเกิดอาการสะดุดเล็กน้อยครับ
แต่มีมาให้ ก็โอเคแหละถือว่าดี แต่ใช้งานจริงไหม อาจจะเป็นอีกเรื่องนึง ส่วนเรื่องของคุณภาพวิดีโอนั้นถือว่าทำได้โอเคเลยแหละ รายละเอียด ความคมชัดอะไรมาครบอยู่ครับ ยิ่งเอามาตัดต่อใน Comp 1080p ก็จะยิ่งทำให้คมชัดมากยิ่งขึ้นไปอีก!
ส่วนการใช้งานจริง แนะนำว่าให้ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps จะดีกว่า (1080p 60fps ก็ทำได้) เพราะได้เฟรมเรตสูง การนำไฟล์ไปใช้จะมีความยืนหยุ่นกว่านะครับในส่วนนี้ การกันสั่น OIS ที่มาในกล้องก็ถือว่าทำได้ดีเลย ยังไม่ได้เปิดโหมดกันสั่นแบบ EIS ก็ถือว่าช่วยลดการสั่นไหวไปได้ประมาณนึงเลย
พูดถึงเรื่องกันสั่น มาต่อกันที่ Steady Video กันเลยครับ พอเราเปิดโหมดนี้ขึ้นมา มันก็จะมีการครอปเพิ่มขึ้น แต่จะทำให้วิดีโอนั้นนิ่งขึ้นประมาณนึงเลย การถือเดินถ่ายอะไรแบบนี้คือค่อนข้างสมูทเลย เสมือนติด Gimbal เลยแหละ!
ถ้ายังนิ่งไม่พอ เปิดในส่วนของ Steady Video 'PRO' ขึ้นมาครับ โหมดนี้จะใช้กล้องอัลตร้าไวด์เป็นเลนส์หลัก ก็จะมีความกว้างขึ้นมา และนิ่งขึ้นแบบนิ่งจริงๆเลย เดินถ่ายแบบจงใจย่อจงใจแกล้ง ก็ถือว่าช่วยลดการสั่นไหวได้ดีมากๆ เลยแหละ! ก็หลักๆ จะประมาณนี้นะครับในส่วนของวิดีโอ!
สรุปภาพรวมการใช้งาน Mi 11 Ultra
มาสรุปประสบการณ์การใช้งานประมาณเกือบสัปดาห์กันสักนิดนึงครับ
ต้องบอกว่า Mi 11 Ultra นี้มาสุดทางแล้วจริงๆ! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจอที่คมกริบ การแสดงสีสันอะไรคือแจ่มว้าวมากๆ! การตอบสนองดีจริง! แถมอาการทัชลั่นที่ไม่ค่อยเจอจากการใช้งานมา อันนี้ถือว่าทำได้ดีครับ
และในเรื่องของกล้อง! ที่เค้าชูจุดเด่นมา
- กล้องหลัก ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ที่สุด
- กล้องอัลตร้าไวด์ องศารับภาพกว้างที่สุด
- กล้อง Periscope ก็ซูมได้เยอะที่สุด (เทียบเท่าคู่แข่ง 120x)
ก็ถือว่ามาถูกทางในทางของเค้าแล้วจริงๆครับ สำหรับ Mi 11 Ultra ทั้งสามเลนส์คือทำได้ในระดับที่ดีมาก ดีจริงๆ อันนี้ไม่ได้โม้~
และในเรื่องของระบบชาร์จไว 67w ก็คือทำได้ดีมากๆครับ อาจจะมีความร้อนบ้างเล็กน้อยถ้าชาร์จในห้องอุณหภูมิปกติ ก็เอาแหละ! ถ้าจะชาร์จเร็วขนาดนี้ ยอมเลย 0-100% ใน 46 นาที ถือว่าทำได้เร็วมากครับ ในเรื่องของการชาร์จเร็วชาร์จไว!
แต่ถ้าไม่พูดกันถึงจุดสังเกตเลย เดี๋ยวก็จะหาว่าอวยกันไปอีกใช่ไหม!? มาพูดถึงกันหน่อยแล้วกันครับ จากที่ใช้งานมาแบตเตอรี่ค่อนข้างไหลนะ ถ้าเราใช้งานหนักๆ แถมผมเปิดทุกสิ่งอย่าง Always-On Display / Edge Notification อะไรแบบนี้ ก็จะยิ่งทำให้แบตไหลขึ้นไปอีก!
แต่ข้อนี้ก็คือเอาจริงๆ ไม่ได้ติดเท่าไหร่ เพราะมันชาร์จเร็วมาก! เสียบแป๊ปเดียว แต่ก็เอามาเล่าให้เพื่อนๆเห็นภาพนะครับ!
แล้วก็ไอ้จอหลัง จอที่สอง Rear Display เนี่ย!? เอาจริงๆ การใช้งาน ถ้าเป็นคนเล่นเกมแนวนอน อย่าง ROV, CODm อะไรพวกนี้ อาจจะรู้สึกรำคาญใจได้เล็กน้อยครับ เพราะมันเป็นแง่งที่ค่อนข้างใหญ่ออกมาเนาะ ก็จะรู้สึกติดขัดในช่วงแรกๆ แต่ถ้าใช้งานไปสักพักก็คงชินไปเองแหละ (ผมใช้มาเกือบสัปดาห์ก็เริ่มไม่รำคาญแล้วนะ คหสต)
แล้วก็เอาจริงๆ จอหลังเนี่ย ผมเองรู้สึกว่าก็ไม่ได้ว้าวอะไรมากมาย คมชัดขนาดนั้นไหม? ...ก็ไม่ แต่โอเคแหละ ให้มาเป็นลูกเล่นมันก็น่ารักดี มีประโยชน์ในบางเวลา แต่ถ้ายังไงก็รีบอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ใช้หน้าจอหลังในการถ่ายโหมด Portrait ก็จะดีน๊าาา Xiaomi
โอเคครับ ก็เท่านี้ครับสำหรับการรีวิว Mi 11 Ultra ของเค้าดีจริง ไม่จกตา!
ราคา และช่องทางการจัดจำหน่าย
สุดท้ายและท้ายสุด สำหรับราคาของ Mi 11 Ultra!
Xiaomi ประเทศไทย วางจำหน่าย Mi 11 Ultra รุ่นเดียวความจุเดียว
- 12GB/256GB ราคา 33,990 บาท
มีให้เลือกสองสีด้วยกัน ก็คือ
- Ceramic Black
- Ceramic White (เครื่องที่ใช้ในการรีวิว)
สามารถหาซื้อเป็นเจ้าของ Mi 11 Ultra ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคมนี้ 20.00 น. เป็นต้นไปเท่านั้นช่องทางออนไลน์ JD Central เท่านั้น
ตามไปตำกันได้เลย!!
สั่งซื้อ Mi 11 Ultra สี Ceramic White
สั่งซื้อ Mi 11 Ultra สี Ceramic Black
พิเศษ! โปรโมชั่นรวมมูลค่ากว่า 12,179 บาท สำหรับ 100 ท่านแรกเท่านั้น!!
ของแถม Mi 11 Ultra : The Director's Cut
- Mi True Wireless Earphones Basic 2 มูลค่า 999 บาท
- Harman/Kardon Onyx Studio 5 มูลค่า 9,990 บาท
- Mi Smart Band 5 มูลค่า 1,190 บาท
//นายเป้ไงจะใครล่ะ