vivo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ vivo X60 Series ทั่วโลกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยครับ ซึ่งอย่างไรก็ตามมันถือว่ามีความแตกต่างกับที่เปิดตัวในประเทศจีนในหลายจุดด้วยกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้เลยครับ
vivo X60 Pro
เริ่มต้นกันที่รุ่นท็อปอย่าง vivo X60 Pro ก่อนเลยครับ โดยรุ่นนี้บริษัทได้เปลี่ยนชิปเซ็ตจาก Exynos 1080 เป็น Snapdragon 870 มีการปรับปรุงสเปคบางอย่าง และตัดสเปคบางอย่างออกไปเช่น กล้อง periscope เป็นต้น
ทางด้านการถ่ายภาพ กล้องยังคงมาพร้อมเซ็นเซอร์หลัก 48MP พร้อมรูรับแสง f/1.5 ที่รับแสงได้ดีมาก มีระบบกันสั่น gimbal ที่เป็นเอกลักษณ์ช่วยเพิ่มความเสถียรขณะถ่ายได้เหนือกว่า OIS ทั่วไป และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่คือ Pixel Shift เป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงรายละเอียดพิกเซลได้ดีขึ้น และมีความแม่นยำของสีของภาพได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
มาพร้อมเลนส์แบรนด์ ZEISS พร้อมได้รับการสนับสนุนด้วยซอฟต์แวร์ที่ยอดเยี่ยม เพื่อสร้างการหมุนที่เป็นเครื่องหมายการค้าของโบเก้ ZEISS Biotar อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีกล้องอัลตร้าไวด์ 13MP พร้อมมุมมอง 120 องศา + กล้อง 13MP เลนส์เทเลโฟโต้อีกตัว พร้อมกำลังขยาย 2 เท่า และนั่นคือการซูมแบบออปติคอลทั้งหมดที่คุณจะได้รับจาก X60 Pro เวอร์ชั่น Global ตัดเลนส์ 5x ของเวอร์ชันจีนไปหมดแล้ว
ส่วนที่เหลือจะเหมือนเดิมครับ คือมาพร้อมจอแสดงผล LTM ขนาด 6.56 นิ้ว ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย vivo และ Qualcomm ซึ่งเป็นจอ AMOLED ที่มีอัตราการรีเฟรช 120Hz และ touch-sampling rate ที่ 240Hz และความละเอียดคือ 1080p+
จอแสดงผลได้รับการรับรอง HDR10+ และสามารถเล่นเนื้อหา HDR จาก Netflix ได้เนียนๆ โทรศัพท์ยังมีใบรับรองระบบเสียง Hi-Res Audio แต่มีลำโพงตัวเดียว และไม่มีแจ็คหูฟัง 3.5 มม. ซึ่งคุณจะต้องใช้อะแดปเตอร์ USB-C to 3.5 มม. ที่ให้มา หรือชุดหูฟังบลูทูธในการฟังเพลง
เมื่อพูดถึงการเชื่อมต่อ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมพอร์ต USB-C ความเร็ว 2.0 มีช่องใส่ซิมสองช่อง พร้อมสแตนด์บาย 5G คู่ ไม่มีช่องเสียบ microSD แต่ X60 Pro ให้ที่เก็บข้อมูลมาเยอะที่ 256GB (UFS 3.1) เป็นมาตรฐาน และนอกจากนี้ยังมี RAM 12GB
ด้านระบบประมวลผล เรายังไม่มีข้อมูลการทดสอบมาตรฐานของชิป 7nm Snapdragon 870 เปรียบเทียบกับ 5nm Exynos 1080 จึงไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าการอัพเกรดถูกไหม และเวอร์ชั่น global จะทำงานด้วยซอฟต์แวร์ Funtouch OS 11.1 แทน OriginOS ตัวใหม่ของ vivo โดยฟีเจอร์ Extended RAM ยังคงใช้งานได้เหมือนเดิม ซึ่งจะเพิ่ม RAM เสมือนพิเศษให้อีก 3GB สำหรับการทำงานที่ราบรื่น
ส่วนด้านแบตเตอรี่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงครับ คือ มีความจุ 4,200mAh และรองรับการชาร์จเร็ว 33W ด้วยอะแดปเตอร์ที่ให้มา
vivo X60
ต่อมาเป็นรุ่นหลัก vivo X60 ซึ่งที่จริงแล้วมีสเปคแทบไม่แตกต่างกับรุ่น Pro เลยครับ มีเพียงบางจุดที่ต่างไปเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว มีความละเอียด 1080p+ และอัตราการรีเฟรช 120Hz แต่จอจะแบนครับ ไม่โค้งเหมือนรุ่น Pro นอกจากนี้ยังเพิ่มขนาดของโทรศัพท์เล็กน้อยเท่านั้น
จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดอีกอย่าง คือ กล้องหลัก gimbal ที่ถูกแทนที่ด้วยระบบ OIS ที่มีความสามารถน้อยกว่า และรูรับแสงของเลนส์คือ f / 1.8 ซึ่งหมายความว่าจะทำให้แสงผ่านได้น้อยลง แต่ยังคงเป็นเลนส์ ZEISS ที่มาพร้อมกับโบเก้ Biotar สวยๆ เหมือนเดิม
สุดท้าย เป็นความจุของแบตเตอรี่ระบุไว้เป็น 4,300mAh มากกว่ารุ่น Pro ที่ 100mAh ซึ่งมั่นใจว่าการใช้งานจริงน่าจะไม่รู้สึกแตกต่างเท่าใด และยังคงได้รับเครื่องชาร์จ 33W มาเติมแบตด้วยเช่นกัน
ที่เหลือก็เหมือนกันครับ คือ กล้องสามตัว 48 + 13 + 13 MP ที่ด้านหน้ากล้องเซลฟี่ 32MP ชิปเซ็ต Snapdragon 870 พร้อมหน่วยความจำ 12/256 GB การเชื่อมต่อ แม้ตัวเลือกสีก็จะเหมือนกัน (Midnight Black และ Shimmer Blue)
น่าเสียดายที่ยังไม่มีข้อมูลราคาสำหรับ vivo X60 และ X60 Pro เวอร์ชั่น global และยังไม่มีรายชื่อประเทศที่จะวางจำหน่ายครับ
โทรศัพท์เปิดตัวแล้วในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเราพบข้อมูลที่น่าเชื่อถือ 2-3 รายการใน Lazada ซึ่ง vivo X60 Pro เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในราคา 3,300 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 24,800 บาท) ในขณะที่ vivo X60 อยู่ที่ 2,700 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 20,300 บาท)
source: gsmarena