OnePlus เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนประกาศความร่วมมือ 3 ปีมูลค่า 150 ล้านเหรียญกับผู้ผลิตกล้องในตำนานคือ Hasselblad ที่เคยส่งกล้อง Hasselblad บินไปกับยานอวกาศ Apollo 11 ไปยังดวงจันทร์ในอดีต ล่าสุดตอนนี้กล้องของค่ายนี้มาพร้อมกับสมาร์ทโฟนเรือธงที่ใช้ชิป Snapdragon 888 รุ่นล่าสุดแล้วครับ
โดยไฮไลต์สำคัญคงหนีไม่พ้น OnePlus 9 Pro ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างการชาร์จแบบไร้สาย Warp Charge 50 และหน้าจอ Fluid Display 2.0 นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ภาพ Sony IMX789 ที่ออกแบบมาเฉพาะในกล้องหลัก โดยรายละเอียดมีดังนี้
OnePlus 9 Pro
ฟีเจอร์จุดขายของรุ่นนี้เป็นกล้องที่ทาง Hasselblad ช่วยพัฒนาบนสมาร์ทโฟน OnePlus 9 Pro รุ่นท็อปสุดของค่าย ณ ขณะนี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในกลุ่มสมาร์ทโฟน โดยผู้ผลิตกล้องจากสวีเดนมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงสีสันของของถ่ายจากโทรศัพท์ทั้งสองรุ่น
กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ IMX789 ที่พัฒนาร่วมกับ Sony เป็นเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.43” มีพิกเซลขนาด 1.12 µm ความละเอียด 48MP มีเทคโนโลยีกล้องล่าสุด รวมถึง Dual Native ISO, Digital Overlap HDR (DOL-HDR) และ 2x2 on-chip lens (OCL) และ OIS
เซ็นเซอร์นี้สามารถสร้างภาพ RAW 12 บิตครับ และในโหมด Hasselblad Pro เฉพาะในแอปกล้องจะช่วยให้คุณปรับแต่งภาพถ่ายของคุณได้อย่างละเอียด เพื่อให้ได้รูปที่ให้ความรู้สึกสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เซ็นเซอร์หลักยังสามารถบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30 fps และ 4K ที่ 120 fps มีกล้องขาวดำ 2 ล้านพิกเซลอยู่ด้วยเพื่อช่วยให้กล้องหลักถ่ายภาพขาวดำได้
ถัดมาเป็นกล้องมุมกว้างพิเศษ ultrawide มีเซ็นเซอร์ Sony อีกตัวคือ 50MP IMX766 เซ็นเซอร์ 1/1.56” อยู่ด้านหลังเลนส์อิสระ ซึ่งจะช่วยลดความผิดเพี้ยนใกล้ขอบเหลือ 1% (เทียบกับ 10-20% สำหรับเลนส์ทั่วไป) นอกจากนี้กล้องนี้ยังมีระบบออโต้โฟกัส ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพมาโครได้ในระยะเพียง 4 ซม. เท่านั้น
โทรศัพท์เครื่องนี้มองข้ามกล้อง Periscope ไปครับ โดยมาพร้อมเลนส์เทเลโฟโต้มาตรฐานแทน มีกำลังขยายออปติคอล 3.3 เท่า (77 มม.) ทำให้ซูมได้มากกว่าเลนส์เทเลบน OnePlus 8 Pro ที่ 3 เท่าเล็กน้อย โดยเซ็นเซอร์มีความละเอียด 8MP มีพิกเซลขนาด 1.0µm และกันสั่น OIS สุดท้ายเป็นกล้อง depth 2MP
จุดเด่นอีกอย่างคือ New Fluid Display 2.0 ที่มาครั้งแรกบน OnePlus 9 Pro ซึ่งเป็นแผงหน้าจอแบบ LTPO ขนาด 6.7 นิ้ว ที่รับประกันการประหยัดพลังงานมากขึ้น 50% สำหรับการใช้งานทั่วไป ประสิทธิภาพนี้เกิดจากความสามารถในการปรับอัตราการรีเฟรชอัตโนมัติจาก 120Hz สูงสุด ไปจนถึง 1Hz ขึ้นอยู่กับลักษณ์การใช้งานของผู้ใช้ เช่น ทำงานที่ 24Hz สำหรับภาพยนตร์ หรือ 90Hz สำหรับ Fortnite เป็นต้น
จอแสดงผลมีความละเอียดำ 1440p+ ใช้วัสดุ E4 และมีความลึกของสี 10 บิต มีเซ็นเซอร์วัดแสงโดยรอบที่ด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อให้สามารถปรับอุณหภูมิสีได้โดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้ทำให้หน้าจอนี้ได้รับคะแนน A+ จาก DisplayMate โดยจอแสดงผลมีความสว่างสูงสุดที่ 1,300 nits, refresh rate 120Hz, touch-sampling rate 240Hz ซึ่งช่วยเพิ่มเวลาตอบสนองเมื่อเล่นเกมที่ราบรื่นนั่นเอง
โดยเมื่อพูดถึงการเล่นเกมแล้ว แน่นอนว่า OnePlus 9 Pro มาพร้อม Snapdragon 888 จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 และที่เก็บข้อมูล UFS 3.1 มีระบบ Cool Play ใหม่เป็นโซลูชันการระบายความร้อนตั้งแต่ 8T แต่พัฒนาให้มีแผ่นกราไฟท์ขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และฟอยล์ทองแดงมากขึ้น เพื่อความสามารถในการดึงความร้อนออกไปได้สูงขึ้นนั่นเอง
โทรศัพท์มาพร้อมกับ RAM 8GB ตามมาตรฐาน แต่คุณสามารถอัปเกรดเป็น 12GB ได้ พื้นที่เก็บข้อมูลพื้นฐานคือ 128GB พร้อมตัวเลือก 256GB
และนอกจากจอแสดงผลใหม่แล้ว โทรศัพท์รุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบชาร์จขั้นเทพ Warp Charge 50 Wireless ที่เป็นระบบการชาร์จแบบไร้สายเทคโนโลยีใหม่ แต่ต้องซื้อแยกต่างหาก โดยแท่นชาร์จจะมีขดลวดสองขด ดังนั้น 9 Pro จึงสามารถชาร์จในแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ โดยใช้เวลาในการชาร์จเต็ม 1-100% ในเวลาเพียง 43 นาทีเท่านั้น
แต่ถ้าคุณรีบกว่านั้น ก็สามารถใช้ที่ชาร์จแบบมีสาย Warp Charge 65T ที่มาพร้อมกับโทรศัพท์ได้ โดยจะชาร์จเร็วกว่าเครื่องชาร์ของ 8 Pro ประมาณสองเท่า คือชาร์จ 1-100% ใช้เวลา 29 นาที ในขณะที่เครื่องชาร์จ 8 Pro 30W จะได้รับไฟเพียง 50% ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้คุณสามารถใช้ที่ชาร์จไปชาร์จ gadget อื่นๆ ที่รองรับเทคโนโลยี SB Power Delivery ได้ เช่น แล็ปท็อป พาวเวอร์แบงค์ หรือ Nintendo Switch เป็นต้น (รองรับ PPS)
สุดท้ายเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์ OnePlus 9 Pro มาพร้อมกรอบอลูมิเนียมคั่นกลางระหว่างกระจกสองบาน ด้านหน้าเป็นกระจกบานโค้ง Gorilla Glass แต่ด้านหลังมีให้เลือกหลายแบบ โดยสีฮีโร่ใหม่ คือ ไพน์กรีน ที่มีผิวเคลือบสองชั้นที่นุ่มนวล Morning Mist ดีไซน์แบบไล่ระดับสีเงินเป็นสีดำ และ Stellar Black สีดำแบบ sandstone ตามแบบฉบับของค่าย โดยตัวเครื่องยังได้รับ IP Rating ที่ IP68 สำหรับการกันฝุ่นและน้ำอีกด้วย
OnePlus 9
ต่อมาเป็น OnePlus 9 ที่ได้รับกล้อง Hasselblad ด้วยเช่นกันครับ โดยในรุ่นนี้โมดูลหลักจะเปลี่ยนไปใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX689 รุ่นเก่าโดยยังคงเป็นเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.43 นิ้ว ความละเอียด 48MP พร้อมเลนส์ออนชิป 2x2 ISO แบบคู่ และเอาต์พุต RAW 12บิต ในขณะที่เทคโนโลยี DOL-HDR จะถูกแทนที่ด้วย HDR แบบดั้งเดิมแทน
ส่วนระบบกันสั่น OIS นั้นหายไป และในขณะที่กล้องยังคงมีโหมด 8K 30 fps แต่จะไม่สามารถถ่ายโหมด 4K 120 fps ได้ (ได้สูงสุดแค่ 4K 60 fps) ส่วนโหมด Hasselblad Pro ยังคงใช้งานได้แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเซ็นเซอร์บ้างเท่านั้น
ข่าวดีก็คือกล้องอัลตร้าไวด์ 50MP ยังอยู่ โดยใช้เซ็นเซอร์ IMX766 เช่นเดียวกันกับเลนส์ freefrom และความสามารถในการถ่ายภาพมาโครที่ 4 ซม. + กล้องขาวดำความละเอียด 2MP แต่สิ่งที่แตกต่างจาก Pro คือไม่มีกล้องเทเลโฟโต้นั่นเอง
OnePlus 9 รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมจอ Fluid Display รุ่นแรกครับ ซึ่งหมายความว่าจะมีโหมดรีเฟรช 120Hz แต่ไม่สามารถปรับได้ เป็นหน้าจอ AMOLED แบบแบน 6.55 นิ้ว มีความละเอียด 1080p+ เช่นเดียวกับที่เราเห็นใน 8T แต่อย่างไรก็ตามจอของรุ่นนี้ยังคงได้รับคะแนน A+ จาก DisplayMate ด้วย เนื่องจากการรับรอง HDR10+ และมีความสว่างสูงสุด 1,100 nits ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
โทรศัพท์ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 888 พร้อมระบบระบายความร้อน Cool Play เวอร์ชั่นใหม่ มาพร้อม RAM LPDDR5 และที่เก็บข้อมูล UFS 3.1 พร้อมตัวเลือกเดียวกัน คือ 8/128GB และ 12/256GB
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 4,500mAh และ Warp Charge 65T แบบมีสาย (1-100% ใน 29 นาที) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รุ่นไม่ Pro จะรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (ขึ้นอยู่กับภูมิภาค) แต่การชาร์จ Qi ได้ที่ความเร็ว 15W เท่านั้น (แหล่งข่าวบอกว่าเฉพาะเวอร์ชันอเมริกาเหนือและยุโรปเท่านั้นที่มี)
ส่วนสิ่งที่เหมือนกันของ OnePlus 9 Series ทั้งสองรุ่น มาพร้อมลำโพงสเตอริโอคู่พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และมอเตอร์ตอบรับแบบสัมผัสที่อัปเกรดแล้ว ทั้งสองรุ่นใช้กล้องเซลฟี่เดียวกันด้วย คือ เซ็นเซอร์ 16 MP (IMX471, 1.0 µm), เลนส์โฟกัสคงที่ f / 2.4
OnePlus 9 มีโครงโพลีเมอร์เสริมแรงด้วยไฟเบอร์กลาสพร้อมกระบวนการ “Metalization” แบบใหม่ ที่ให้รูปลักษณ์มันวาว มีให้เลือกสามสี คือ Winter Mist (การไล่ระดับสีม่วงเล็กน้อย), Arctic Sky (สีน้ำเงินด้าน) และ Astral Black (ฟิล์มเคลือบด้านล่างด้านหลังกระจกมันวาว)
ส่วนราคา OnePlus 9 Series มีรายละเอียดดังนี้
OnePlus 9 Pro
- 8/128GB ราคา $970 หรือประมาณ 30,040 บาท
- 12/256GB ราคา $1,070 หรือประมาณ 33,100 บาท
OnePlus 9
- 8/128GB ราคา $730 หรือประมาณ 22,600 บาท
- 12/256GB ราคา $830 หรือประมาณ 25,700 บาท
source: gsmarena