ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเปิดตัวในประเทศอินเดีย ตอนนี้ Redmi Note 10 Series เวอร์ชั่น Global ขายทั่วโลกก็เปิดตัวแล้วครับ โดยมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอีกด้วย โดย Redmi Note 10 Pro Max ของอินเดียนั้นเหมือนกับ Redmi Note 10 Pro ทั่วโลก ในขณะที่ Redmi Note 10 Pro ของอินเดียนั้นเกือบจะเหมือนกับ Redmi Note 10 Pro ทั่วโลกเพียง แต่ไม่มีกล้อง 108MP และยังมีโทรศัพท์อีกหนึ่งรุ่นในการเปิดตัวทั่วโลกพร้อมกันด้วย แต่ละรุ่นมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปดูกันครับ
Redmi Note 10 Pro (global)
รุ่นนี้ขอไปดูในรุ่นสูงสุดของตระกูล Redmi 10 Series ใหม่ของ Xiaomi กันก่อนครับ โดย Redmi Note 10 Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมรองรับอัตรารีเฟรช 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส 240Hz touch-sampling rate
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องที่ดีที่สุดใน 4 รุ่น ไฮไลต์อยู่ที่เซ็นเซอร์ 108MP f/1.9 เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM2 ที่รวม 9 พิกเซลเป็น 1 สำหรับภาพขนาด 12MP ทำงานร่วมกับกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.2 + กล้องเทเลมาโคร 5MP f/2.4 และเซ็นเซอร์ depth 2MP ในขณะทีร่กล้องเซลฟี่มีเซ็นเซอร์ 16MP และเลนส์ f/2.45
Redmi Note 10 Pro ทำงานบนชิปเซ็ต Snapdragon 732G พร้อม RAM 6GB หรือ 8GB และมีแบตเตอรี่ 5,020mAh พร้อมการชาร์จเร็ว 33W การรักษาความปลอดภัยแบบไบโอเมตริกซ์ได้รับการจัดการโดยเครื่องสแกนลายนิ้วมือแบบติดด้านข้างบริเวณขอบครับ
Redmi Note 10 Pro จะวางจำหน่ายในวันที่ 8 มีนาคม มีสีทั้งหมดคือ สีเทา Onyx Grey, น้ำเงิน Glacier Blue และ ทองแดง Gradient Bronze และเปิดราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 8,500 บาท และยังมีโปรผู้ซื้อช่วงแรกจะได้รับส่วนลดผ่าน Aliexpress ในจีนอีกด้วย
Redmi Note 10 (global)
ต่อมาเป็น Redmi Note 10 ที่สร้างขึ้นโดยใช้จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว รองรับช่วงสี DCI-P3 และสูงถึง 1100 nits ในแบบอัตโนมัติ
Redmi Note 10 มาพร้อมกล้องถ่ายรูปที่ชาญฉลาด ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP f/1.79 + กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP f/2.2 + macro 2MP และ depth 2MP ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 13MP รูรับแสง f/2.5
Note 10 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 678 พร้อม RAM 4GB หรือ 6GB แบตเตอรี่ 5,000mAg พร้อมการชาร์จเร็ว 33W และเครื่องสแกนลายนิ้วมือด้านข้างเช่นกัน
Redmi Note 10 จะวางจำหน่ายในวันที่ 8 มีนาคมในสี Onyx Grey, Pebble White, Lake Green และเปิดตัวเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 6,000 บาทครับ
Redmi Note 10S (global)
Redmi Note 10S รุ่นนี้จะคล้ายกับ Redmi Note 10 โดยมีหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว แบตเตอรี่ 5,000mAh เท่ากันพร้อมรองรับการชาร์จ 33W เท่ากัน
ที่แตกต่างกันจะเป็นด้านกล้อง และชิปเซ็ต โดย Note 10S จะมาพร้อมกล้องหลัก 64MP f/1.79 แทนที่ 48MP ของ Note 10 ส่วนกล้องอื่นๆ จะเหมือนกัน คือ 8MP + 2MP + 2MP ที่ด้านหลัง และกล้องเซลฟี่ 13MP
นอกจากนี้ข้อแตกต่างอื่นๆ ก็เช่น CPU ใช้เป็น MediaTek Helio G95 พร้อม RAM 6GB หรือ 8GB ครับ และมีเครื่องสแกนลายนิ้วมือด้านข้างเพื่อความปลอดภัยแบบไบโอเมตริกซ์เหมือนกัน
Redmi Note 10S จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ โดยมีสีให้เลือกคือ Onyx Grey, Pebble White และ Ocean Blue และเปิดราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 7,000 บาท
Redmi Note 10 5G (global)
สุดท้าย Redmi Note 10 5G ซึ่งเป็นสมาชิกเพียงหนึ่งเดียวของซีรีส์ที่ไม่มีจอแสดงผล AMOLED แต่แม้ว่าจะใช้จอ LCD 1080p ขนาด 6.5 นิ้ว แต่ก็สามารถรีเฟรชได้ที่ 90Hz และลดต่ำถึง 30Hz เมื่อแสดงเนื้อหาไม่ต้องการความถี่สูงเพื่อประหยัดพลังงานได้
ชิปเซ็ตใช้เป็นแบบ 7nm คือ MediaTek Dimensity 700 ที่รองรับ 5G ในตัว และมีกล้อง 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 48MP + มาโคร 2MP + ความชัดลึก และกล้องด้านหน้าสำหรับเซลฟี่ที่ 8MP
Redmi Note 10 5G ยังมีแบตเตอรี่ 5,000mAh พร้อมอัตราการชาร์จที่ช้าลงเป็น 18W และก็เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ครับ คือมีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านข้าง
Redmi Note 10 5G จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายน ในสี Onyx Grey, Glacier Blue และ Gradient Bronze ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 บาท เชื่อว่าสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้เข้าไทยแน่นอนครับ รอติดตามกันได้เลย
source: gsmarena