สวัสดีเพื่อนๆชาว TechXcite ครับวันนี้ทีมงานมีรีวิวที่ต่างออกไปจากเดิมเพราะ ASUS expertcenter D500SA เป็นคอมพิวเตอร์พีซีระดับองค์กรหรือบริษัทที่ต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่มีความทนทานสูงสามารถดูแลและซ่อมแซมง่ายแถมราคาไม่แพงซึ่งตัวนี้จะน่าสนใจแค่ไหนอย่างไรเราไปดูกันเลยครับ
รูปทรงเหมาะกับการเข้าไปวางในพื้นที่ทำงานมากๆและที่สำคัญไม่กินพื้นที่
ถ้าช่องข้างหน้าเยอะไม่พอมาต่อที่ข้างหลังได้ครับบอกเลยอิ่มๆ
ก่อนที่จะไปดูรายละเอียดตัวเครื่อง เรามาเริ่มทำความรู้จักเสปคของเจ้า ASUS expertcenter D500SA เป็นตัวแรกที่มีมาให้กันก่อนเลยครับ
สเปคของ ASUS Expert Center D500SA
- โปรเซสเซอร์ Intel รุ่นที่ 10 Core i3/i5/i7 และ Pentium หรือ Celeron
- ชิปเซ็ต Intel B460
- กราฟิกในตัว Intel HD Graphics 630
- กราฟิกแยก NVIDIA GeForce GT710 2GB GDDR5 / GeForce GT710 2GB GDDR5 / Quadro P620
- ความจำ 4 GB (อัพเกรดได้สูงสุด 128 GB) DDR4 at 2933/2666MHz 4x LONG-DIMM
- สตอเรจ 2.5″ 1TB / 3.5″ สูงสุด 2TB / M.2 สูงสุด 2TB
- SATA 3x SATA 6Gb/s
- สล็อตขยายเพิ่มเติม PCI, M.2 (for Wi-Fi card), M.2 Socket (2 ช่อง), PCI-e x1 (2 ช่อง) และ PCI-e x16
- ออปติคอลไดร์ฟ DVD-RW / DVD-ROM (ตัวเลือกเสริม)
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 5 (802.11ac) + Bluetooth 5.0 (Dual band) หรือ Wi-Fi 5 (802.11ac) + Bluetooth 4.2 (Dual band) และ Wi-Fi 6 (802.11ax) + Bluetooth 5.0 (Dual band)
- พอร์ตเชื่อมต่อด้านหน้า 20-in-1 Card Reader (ตัวเลือกเสริม), Headphone, USB 3.2 Gen 1 Type-A (6 ช่อง), USB 3.2 Gen 1 Type-C, Microphone & Headphone (Combo jack)
- พอร์ตเชื่อมต่อด้านหลัง PS/2 (Keyboard), PS/2 (Mouse), USB 2.0 (4 ช่อง), HDMI 1.4, DisplayPort, RJ45 LAN, Serial Por (ตัวเลือกเสริม), Parallel Port (ตัวเลือกเสริม), D-sub, Audio Jack (3 ช่อง)
- พาวเวอร์ซัพพลาย 180W (80 PLUS) / 300W (80 PLUS)
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro หรือ Windows 10 Home
- ขนาด 9.5 x 29.28 x 34 เซนติเมตร
- น้ำหนัก 5.5 กิโลกรัม
ที่ด้านหลังตัวเครื่องจะมีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้อย่างครบครันและที่ฝาของตัวเครื่องยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีกด้วย ที่สำคัญน็อตใช้ที่สามารถใช้มือหมุนออกมาได้อย่างง่ายดายทำให้เข้าเซอร์วิสได้ง่าย
เมื่อเปิดฝาออกมาจะเจอกับพัดลมระบายความร้อนซีพียูและการ์ดจอส่วนด้านล่างจะเป็นพาวเวอร์ซัพพลาย โซนแผ่นเหล็กทางด้านขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของดีวีดีไดรฟ์และฮาร์ดดิสก์ ที่สำคัญจุดนี้คือสิ่งที่เป็นความเฉพาะของตัวนี้ด้วยคือการเปิดด้านข้างเพื่อบำรุงได้ง่ายขนาดไหนไปดูกัน
อย่างที่เห็นไปตัวฝาสามารถเปิดได้อย่างง่ายดายโดยการกดปุ่มตรงลูกศรพร้อมกับนัดกิ๊ฟสีดำที่ฝาหน้าของตัวเครื่องเมื่อเปิดออกมาก็จะเจอฮาร์ดดิสก์และแรมสองตัวสามารถอัพเกรดแรมได้
ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องก็มีพอร์ตมาให้อย่างครบครันอีกเช่นกันไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 ช่องเสียบไมค์และหูฟังพร้อม Card Reader และ DVD Drive ที่ปัจจุบันเกือบจะเป็นของที่ถูกลืมไปแล้ว
ความแข็งแรงของตัวเคสสามารถรองรับน้ำหนักของจอได้อย่างสบายทำให้ประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน
จะตั้งแบบธรรมดาก็ไม่กินพื้นที่มากนักพอด้วยการออกแบบที่เล็กไม่กินพื้นที่จนเกินไปถ้าจัดเก็บสายๆดีก็เข้ามุมสวยๆได้
สำหรับเครื่องที่เราได้มาทดสอบนั้นจะมาพร้อมกับ CPU จาก Intel รุ่น Core i5 และแรม 16GB ที่มาพร้อม Windows 10 Pro ให้มาเลย
สามารถทำงานได้จากทุกที่ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยอันทรงพลังของ Windows 10 Pro จะช่วยปกป้องข้อมูลทางธุรกิจที่ละเอียดอ่อนอุปกรณ์และข้อมูลส่วนบุคคลเครื่องมือสำคัญทางธุรกิจเช่นโปรแกรมป้องกันไวรัสของ Windows Defender การเข้ารหัสลับอุปกรณ์การบูตแบบปลอดภัยและการ รับรองความถูกต้องโดยใช้หลายปัจจัยช่วยป้องกันการเจาะระบบได้ นอกจากนี้เพื่อป้องกันอุปกรณ์จากแอพพลิเคชั่นที่ไม่น่าเชื่อถือ
เจ้า ASUS ExpertCenter D500SA จะมาพร้อมการ์ดจอ GeForce GT 710 แรม2GB สามารถอัพเกรดการ์ดจอได้แต่จำเป็นต้องเป็นการ์ดจอแบบ Low Profile เพราะว่าเคสตัวนี้ค่อนข้างเล็กเนื่องจากเน้นการประหยัดพื้นที่ครับ
มาต่อกันที่ ASUS ExpertCenter D500MA รุ่นใหญ่ขึ้นมาอีกนิดโดยเจ้าเครื่องตัวนี้จะมีขนาดใหญ่กว่า D500SA แล้วอยู่พอประมาณ ทำให้มีช่องระบายความร้อนที่มากขึ้น ที่ด้านหน้ามีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 ช่องเสียบหูฟังและไมค์ช่อง Card Reader และดีวีดีไดรฟ์
สเปคของ ASUS Expert Center D500MA
- โปรเซสเซอร์ Intel รุ่นที่ 10 Core i3/i5/i7 และ Pentium หรือ Celeron
- ชิปเซ็ต Intel H410
- กราฟิกในตัว Intel® UHD Integrated Graphics
- กราฟิกแยก NVIDIx HDMI, 1x DVI
- NVIDIA® GeForce® GT1030 2GB : 1x HDMI, 1x DVI
- A® GeForce® PH RTX2060 6GB : 1x DVI, 2x HDMI, 1x DP
- NVIDIA® GeForce® PH GTX1660S 6GB : 1x DVI, 1x HDMI, 1x DP
- NVIDIA® GeForce® GTX1650 : 1x HDMI, 1x DVI ,1x DP
- NVIDIA® GeForce® GT710 2GB DDR5 : 1x D-SUB, 1ความจำ 4 GB (อัพเกรดได้สูงสุด 128 GB) DDR4 at 2933/2666MHz 4x LONG-DIMM
- สตอเรจ 2.5″ 1TB / 3.5″ สูงสุด 2TB / M.2 สูงสุด 2TB
- SATA 3x SATA 6Gb/s
- สล็อตขยายเพิ่มเติม PCI, M.2 (for Wi-Fi card), M.2 Socket (2 ช่อง), PCI-e x1 (2 ช่อง) และ PCI-e x16
- ออปติคอลไดร์ฟ DVD-RW / DVD-ROM (ตัวเลือกเสริม)
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 5 (802.11ac) + Bluetooth 5.0 (Dual band) หรือ Wi-Fi 5 (802.11ac) + Bluetooth 4.2 (Dual band) และ Wi-Fi 6 (802.11ax) + Bluetooth 5.0 (Dual band)
- พอร์ตเชื่อมต่อด้านหน้า 20-in-1 Card Reader (ตัวเลือกเสริม), Headphone, USB 3.2 Gen 1 Type-A (6 ช่อง), USB 3.2 Gen 1 Type-C, Microphone & Headphone (Combo jack)
- พอร์ตเชื่อมต่อด้านหลัง PS/2 (Keyboard), PS/2 (Mouse), USB 2.0 (4 ช่อง), HDMI 1.4, DisplayPort, RJ45 LAN, Serial Por (ตัวเลือกเสริม), Parallel Port (ตัวเลือกเสริม), D-sub, Audio Jack (3 ช่อง)
- พาวเวอร์ซัพพลาย 180W power supply (80+ Bronze, peak 228W) / 300W power supply (80+ Platinum, peak 390W) / 500W power supply (80+ Gold, peak 550W)
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro หรือ Windows 10 Home
- ขนาด 32.2 x 42.9 x 49 เซนติเมตร
- น้ำหนัก 6 กิโลกรัม
ที่ด้านหลังตัวเครื่องก็มีพอร์ตมาให้ครบคันไม่ต่างกันแถมจะมีมากกว่ารุ่นที่แล้วด้วยนอกจากนั้นยังมีพัดลมเพิ่มขึ้นมาอีกตัวหนึ่งตัวเพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าเครื่องนี้สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าแน่นอน
เมื่อเปิดฝาเครื่องออกมาแล้วอาจจะดูแน่นแน่นหน่อยเหมือนจะเซอร์วิสยากแต่จริงๆ แล้วไม่เลยครับ
อย่างเช่นการถอดฮาร์ดดิสก์สามารถกดปุ่มสไลด์สีดำที่นิ้วโป้งแล้วสามารถดึงฮาร์ดดิสก์ออกได้เลยเมื่อดึงออกแล้วจะสามารถเซอร์วิสด้านในได้ง่ายมาก
เมื่อตั้งเครื่องแล้วก็อาจจะดูกินพื้นที่นิดหนึ่งเพราะความใหญ่ของตัวเครื่องแต่ด้วยความใหญ่ขนาดนี้สามารถอัพเกรดการ์ดต่อได้ถึงซีรีย์ RTX เลยทีเดียว
แน่นอนครับเครื่องนี้มาพร้อมกับ Windows 10 Pro อีกเช่นกันส่วนตัวเครื่องที่เราได้มารีวิวก็จะได้เป็น CPU จาก Intel รุ่น Core i5 เจนเนอเรชั่นที่ 10 พร้อมแรม 16GB และยังสามารถอัพเกรดแรมได้อีก
ส่วนการ์ดจอที่ติดเครื่องมาก็จะเป็นGeForce GT 710 แรม 2GB อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าสามารถอัพเกรดการ์ดจอได้ถึงซีรีย์ RTX ซึ่งตัวเคสมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่แบบนั้นได้อยู่แล้วครับ
นอกจากความปลอดภัยที่วินโดว์ 10 โปรมีให้แล้วทาง ASUS เองยังได้มีโปรแกรมเอซุสบิสเนสซึ่งเอาไว้ทำการตรวจหาไวรัสหรือเมาแวร์เวลาที่เราเสียบยูเอสบีเข้าไปทำให้เครื่องมีความปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนั้นยังมี ASUS Control Center เป็นโปรแกรมสำหรับตรวจสอบคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายองค์กรเหมาะสำหรับฝ่ายไอทีที่เอาไว้รีโมทเข้าไปดู ว่ามีปัญหาอะไรและสามารถแก้ไขปัญหาได้จากระยะไกลได้ทำให้ประหยัดเวลาในการทำงานลงไปเยอะมาก
สรุป
สรุปทั้งสองตัวนี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นพีซีที่ใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่หรือในออฟฟิศขนาดเล็กเพราะด้วยความทนทานและราคาถูกที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 15,000 บาท สามารถทำงานได้ตั้งแต่งงานเอกสารทั้วไปจนถึงงานออกแบบสามมิติ ตัวเครื่องดูแลรักษาง่ายซ่อมบำรุงง่ายอัพเกรดฮาร์ดแวร์ต่างๆ ได้ง่าย
อย่างเช่นตัว ASUS Expert Center D500SA สามารถเพิ่มสเปคความสามารถจนทำงานได้หลากหลายมาขึ้นไม่ว่าจะเป็นงานเอกสารทั่วไปจนถึงงานกราฟิคเบื้องต้น
ส่วน ASUS Expert Center D500MA สามารถอัพเกรดสเปคได้ไปจนถึงขึ้น WorkStation ที่ใช้ตัดต่อวีดีโอหรืองานออกแบบกราฟิคหนักๆ ได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมี Perfect Warranty จาก ASUS มาอีกสามปีแบบ on site service พร้อมประกันอุบัติเหตุในช่วงหนึ่งปีแรก
สำหรับใครที่เป็นเจ้าของออฟฟิศขนาดเล็กหรือเจ้าขององค์กรต่างๆ ที่กำลังคิดอยากจะเปลี่ยนคอมพิวเตอร์พีซีอยู่พอดีก็ลองพิจารณาเจ้าสองตัวนี้ไว้เป็นตัวเลือกดูได้ที่ลิ้งค์นี่เลยครับ ASUS Expert Cenrer