Nissan ได้ประกาศความสำเร็จของการจัดการความร้อนสำหรับเทคโนโลยี e-Power ไฮบริดรุ่นต่อไปได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามที่ RoadShow อธิบายไว้ เครื่องยนต์เบนซินสมัยใหม่ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพเชิงความร้อนอยู่ที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ เพียง 40 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่พวกเขาสร้างขึ้นจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังขับเคลื่อน ส่วนที่เหลือจะกลายเป็นของเสีย เช่น ความร้อน และการปล่อยมลพิษ ซึ่งหมายความว่าเทคโนโลยีใหม่ของ Nissan จะช่วยลดการปล่อยก๊าซได้อีกด้วย
มีรายงานว่า Nissan สามารถบรรลุประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากระบบ e-Power นั้นไม่ทำงานเหมือนเครื่องยนต์แก๊สทั่วไป โดยไม่ได้จ่ายไฟให้กับตัวรถ และทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเฉพาะสำหรับระบบส่งกำลังไฟฟ้าของเทคโนโลยีแทน นั่นหมายความว่าเครื่องยนต์สามารถทำงานในช่วงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเวลา ทำให้สามารถเผาไหม้ส่วนผสมของเชื้อเพลิงอากาศที่เจือจางกว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยอัตราส่วนกำลังอัดที่สูง ซึ่งในเครื่องยนต์ทั่วไป การเจือจางเชื้อเพลิงอากาศ จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้งานที่แตกต่างกัน
นาย Toshihiro Hirai รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมระบบส่งกำลังและ EV ของ Nissan กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า:
"เราใช้เวลา 50 ปีในการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงความร้อน (ของเครื่องยนต์ทั่วไป) จาก 30% เป็น 40% แต่ด้วย e-Power เราสามารถเพิ่มเป็น 50% ในเวลาไม่กี่ปี ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของแวดวงวิศวกรรม" เขา กล่าวโดยอธิบายว่าระดับนั้นถือเป็น "เป้าหมาย และความท้าทายสูงสุด"
ก่อนหน้านี้ Nissan เคยกล่าวว่ามีเป้าหมายที่จะมีรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ทั้งหมดในตลาดหลักภายในช่วงต้นทศวรรษ 2030 และหวังว่าจะบรรลุเป็นหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 "โดยกลยุทธ์การใช้พลังงานไฟฟ้าของ Nissan ส่งเสริมการพัฒนาระบบส่งกำลังไฟฟ้า และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ซึ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV โดย e-Power จะเป็นตัวแทนของเสาหลักเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของเรา” นาย Hirai กล่าว โดยบริษัทยังไม่ได้ประกาศว่าจะเปิดตัวระบบ e-Power ที่มีประสิทธิภาพ 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อใด แต่ได้เปิดตัว All-New Nissan Note ที่ขับเคลื่อนโดย e-Power เวอร์ชันปัจจุบันในญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาไปแล้ว
source: engadget