ดีไซน์
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกคนค่ะ กู๊ดดรีม TechXcite วันนี้มารีวิว 2 แท็บเล็ตตัวท็อปจากค่าย Samsung อย่าง Galaxy Tab S7 และ S7+ 5G ทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม แล้วยังช่วยในการทำงานที่ง่ายและสะดวกขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย วันนี้ดรีมได้มาอยู่ในมือทั้งสองรุ่นเลยจะมารีวิวกันว่าทั้งสองตัวมีอะไรน่าสนใจ เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ควรซื้อไหม มีข้อสังเกตอะไรบ้าง ในบทความนี้รู้กัน
ดีไซน์
มาเริ่มต้นที่ดีใส่กันก่อนเลยซึ่งทั้ง 2 รุ่นเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ตัว Tab S7 ให้หน้าจอมาขนาดใหญ่ที่ 11 นิ้ว รูปแบบ LTPS LCD ความละเอียดที่ WQXGA 2K ด้วยค่า Refresh Rate 120 Hz
ส่วนตัวของ Tab S7+ ให้หน้าจอมาขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว รูปแบบ Super AMOLED หน้าจอคมชัดสีสันสดใส ค่า Refresh Rate 120 Hz เท่ากันกับรุ่น Tab S7
ส่วนดีไซน์ฝาหลังทั้ง 2 ตัวทำออกมาคล้ายคลึงกัน เบื้องหลัง 2 ตัวจัดวางอยู่ที่ขอบมุมซ้ายของตัวเครื่องตามด้วยแถบแม่เหล็กเพื่อยึดปากกา S Pen ซึ่งสามารถล็อคปากกาได้ค่อนข้างดีเลยล่ะ แต่ถ้าถือใช้งานเดินไปเดินมาก็ระวังแขนไปเกี่ยวปากกาหลุดหายกันด้วยล่ะ
เรื่องสัมผัสของฝาหลังเป็นแบบด้าน ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือมากนัก แต่ถ้าเกิดรอยทีนึงก็เช็ดค่อนข้างยากอยู่ล่ะ ถ้าไม่มีผ้าเพื่อเช็ดอุปกรณ์โดยเฉพาะ โดยรวมดีไซน์ฝาหลังก็ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีอะไรแปลกตามากมายเท่าไหร่นัก ส่วนสีของ Tab S7+ 5G ไงที่ดรีมได้มารีวิวตัวนี้เป็นสีใหม่มีชื่อว่า Mystic Navy เพิ่งเปิดตัววางจำหน่ายได้ไม่นาน
ในเรื่องปุ่มการใช้งานต่างๆ มีความต่างเล็กน้อยระหว่างทั้ง 2 ตัว ความเหมือนก็คือตำแหน่งการจัดวางปุ่ม power และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง อยู่ในตำแหน่งเดียวกันคือขอบด้านขวาของตัวเครื่องถ้าตั้งเครื่องในแนวตั้ง ปุ่ม power ใน Tab S7 เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ในตัว ในขณะที่ Tab S7+ 5G ไม่มีเซ็นเซอร์ตัวนี้ และใช้เป็นการสแกนลายนิ้วมือที่หน้าจอแทน
สำหรับปากกา S Pen ที่ใช้งานกับทั้ง 2 รุ่น เป็นแบบเดียวกันเป๊ะๆ เรื่องสีก็ตามตัวเครื่อง ปากกาสามารถจับได้ถนัดมือดี มีปุ่มควบคุมอยู่ 1 ปุ่ม บริเวณด้ามปากกา เพื่อควบคุมการใช้งานบางอย่าง รวมไปถึง Gesture แสดงท่าทางเพื่อควบคุมบางฟีเจอร์
ถ้าพูดถึงความต่างของไซส์ เมื่อได้จับใช้งานจริงเทียบกัน 2 รุ่น เห็นความต่างค่อนข้างมากทีเดียว ในเรื่องของน้ำหนักและการจับถือตัว Tab S7 ถึงหน้าจอเล็กกว่าแต่กลับให้น้ำหนักที่มากกว่าตัว Tab S7+ ซะอีกเมื่อถือใช้งานนานๆเข้าก็แอบหนักอยู่เหมือนกัน ส่วนความสวยงามและดีไซน์ออกแบบมาให้ดูบางเบาพกพาง่าย แต่ก็อาจจะไม่สะดวกต่อการพกพาไปใช้ในที่สาธารณะสักเท่าไหร่ ด้วยขนาดและน้ำหนัก แต่เหมาะมากๆสำหรับการใช้งานที่บ้านหรือสำนักงาน ใครชอบแบบไหนก็เลือกได้เลยตามการใช้งาน
ใครได้ลองจับแล้วชอบความใหญ่ของหน้าจอ ก็เลือก Tab S7+ ไปโลด แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบหน้าจอที่ใหญ่เกินไปเพราะรู้สึกไม่สบายตาก็เลือกเป็นตัว Tab S7 ธรรมดา ก็คล่องตัวดี
สเปคการใช้งาน
Galaxy Tab S7
- หน้าจอขนาด 11 นิ้ว รูปแบบ LTPS LCD ความละเอียด WQXGA 2K
- Refresh Rate 120Hz
- ซีพียู Qualcomm Snapdragon 865+
- จีพียู Adreno 650
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบด้วย One UI 2.5
- แรม 6GB
- ความจุ 128GB UFS3.1
- กล้องหน้า 8MP
- กล้องหลัง 2 ตัว
- 13MP
- 5MP
- รองระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่ปุ่ม Power
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับปากกา S Pen
- แบตเตอรี่ 8,000 mAh
- รองรับชาร์จไว 45W
Galaxy Tab S7+ 5G
- หน้าจอ 12.4 นิ้ว Super AMOLEDRefresh Rate 120Hz
- ซีพียู Qualcomm Snapdragon 865+
- จีพียู Adreno 650
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบด้วย One UI 2.5
- แรม 6GB
- ความจุ 128GB UFS3.1
- กล้องหน้า 8MP
- กล้องหลัง 2 ตัว
- 13MP
- 5MP
- รองระบบสแกนลายนิ้วมือที่หน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับปากกา S Pen
- แบตเตอรี่ 10090 mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 45W
พอ 8 สเปคแบบนี้แล้วก็ค่อนข้างเห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างทั้ง 2 รุ่น มาดูความเหมือนกันก่อนอย่างแรกคือ CPU ที่ใช้ Snapdragon 865+ เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ส่วนหน้าจอถึงจะมีความแตกต่างกันบ้าง แต่ค่า Refresh Rate ก็ให้มาเท่ากันที่ 120 Hz นอกจากนี้เรื่องระบบปฏิบัติการความจุต่างๆรวมไปถึง เซ็นเซอร์กล้องหน้าและกล้องหลังให้มาเท่ากันเป๊ะๆ ทีนี้มาดูความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 รุ่นกันบ้าง
แน่นอนอย่างแรกคือหน้าจอที่ไซส์ต่างกันค่อนข้างมาก ดูจากภาพเปรียบเทียบที่วางเครื่องคู่กันน่าจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ชนิดของหน้าจอก็มีความแตกต่างเช่นกันโดย Tab S7+ ใช้หน้าจอ Super AMOLED ซึ่งจะให้ความคมชัดและสีสันที่ดีกว่าตัวของ Tab S7 ตัวปกติ ส่วนแบตเตอรี่ Tab S7+ ก็ให้มามากกว่าอยู่ที่ 10090 mAh ซึ่งก็จัดว่าต่างกันค่อนข้างเยอะอยู่ แม้จะให้ความเร็วในการชาร์จมาเท่ากันที่ 45W ก็ตาม และความแตกต่างสุดท้ายที่แอบงงๆว่า ทำไมไม่ทำให้เหมือนกันไปเลยก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Tab S7 ตัวธรรมดามีเซ็นเซอร์อยู่ที่ปุ่ม power ในขณะที่ Tab S7+ 5G ไม่มี และใช้การสแกนลายนิ้วมือที่หน้าจอแทน
การเล่นเกมส์และการดูหนังฟังเพลง
มาดูเรื่องการเล่นเกมกันบ้าง เชื่อว่าหลายคนที่ต้องการจะหาซื้อแท็บเล็ตดีๆสักเครื่องหนึ่งจุดประสงค์หลักๆ ก็คือการดูหนังฟังเพลงเล่นเกมแบบเต็มอิ่ม จอใหญ่เต็มตา ซึ่งความสามารถในการเล่นเกมเรื่องความคมชัดและความสวยงามของหน้าจอค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว สิ่งที่ต้องบอกกันก่อนก็คือ การเล่นเกมผ่านแท็บเล็ตจอใหญ่มันจะไม่ได้ขยายความกว้างของเกม แต่จะเป็นการขยายให้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น
อธิบายง่ายๆก็คือ สเกลภาพที่เราเห็นจะไม่ต่างจากการเล่นบนมือถือ เพียงแต่รายละเอียดจะใหญ่กว่าเท่านั้น มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือในบางเกมจะทำให้เราเห็นรายละเอียดบางอย่างชัดเจนขึ้น ภาพสีสันสวยกว่าเดิม แต่ในบางเกมที่ต้องมีการควบคุมอย่าง ROV หรือ call of duty ที่จะต้องบังคับทั้งสองมือ ก็อาจจะควบคุมยากกว่าหน่อย เพราะพื้นที่หน้าจอกว้าง และจะต้องขยับมือเพื่อควบคุมเกมมากกว่าปกติ ซึ่งบางครั้งมันก็จะไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่
ความลื่นไหลในการเล่นทำได้ดีมากๆ ไม่มีจังหวะหน่วงเฟรมดรอปหรือภาพกระตุกเลย สามารถเล่นเกมที่กราฟิกจัดจ้านได้ดี ก็อย่างว่า chipset เป็นตัวท็อป Snapdragon 865+ ไม่ค่อยแปลกใจเรื่องการประมวลผลสักเท่าไหร่
แล้วความร้อนล่ะ?
เมื่อเล่นไปนานๆเข้าตัวเครื่องมีอุ่นๆ เล็กน้อย แต่จะเป็นอาการฝาหลังอุ่นแค่ฝั่งเดียว ซึ่งถ้าเราปรับการตั้งค่าเล่นเกมทุกอย่างกลางๆ ตามคำแนะนำของเครื่อง ความร้อนไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ถ้ามีการดันความละเอียดทุกอย่างเกินค่าแนะนำของเครื่อง ก็มีเครื่องร้อนบ้างเป็นปกติ
การดูหนังฟังเพลง ระบบเสียง?
การมีแท็บเล็ตจอใหญ่ๆ ไว้ดูซีรีย์เกาหลี ดูภาพยนตร์จาก nNetflix หรือฟังเพลงผ่าน YouTube ความต้องการของเรามีไม่กี่อย่างหรอก สำคัญที่สุดคือหน้าจอ ซึ่งเรื่องของความคมชัดได้เน้นย้ำไปค่อนข้างบ่อยแล้วในช่วงต้นๆรวมไปถึงการเล่นเกม จอที่ให้มาสวยและคมชัดค่อนข้างมาก ดูหนังได้เพลินตาสุดๆ แต่อีกหนึ่งความพิเศษของมันที่รู้สึกประทับใจ ก็คือลำโพง 4 ตัวแบบเซอร์ราวด์พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงที่ดังกังวานมากๆ จนสามารถเทียบเท่ากับ Mini Speaker ตัวนึงได้เลย เรื่องความดังต้องยอมให้เขาจริงๆ แต่เรื่องของรายละเอียดเสียงอาจจะไม่ได้มีมิติมากขนาดนั้น ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกันว่านี่คือแท็บเล็ต พลังเสียงให้มาขนาดนี้ถือว่าสุดยอดแล้ว
การจับถือตัวเครื่อง
นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่อาจจะต้องแนะนำกันก่อน อย่างที่บอกว่าดีไซน์ค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักพอสมควร เพราะฉะนั้นมันไม่เหมาะกับการใช้งานที่จะต้องถือตลอดเวลา ไม่งั้นมีข้อมือล้าหรือตะคริวกินกันบ้าง การเล่นเกมก็เหมือนกัน ท่าทางจับเครื่องที่เหมาะสมคือข้อมือจะต้องตั้งวางอยู่กับโต๊ะ เพื่อช่วยออกแรงถือเครื่องไปในตัว ไม่เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่สักเท่าไหร่
ฟีเจอร์การใช้งาน
การใช้งานปากกา S Pen
รีวิว Tab Series จะไม่พูดถึงการใช้งานปากกา S Pen ก็คงไม่ได้ ตรงนี้คือจุดขายเลยล่ะ ซึ่งจากการใช้งานจริง ปากกา S Pen สามารถเขียนได้ลื่นไหลความหน่วงต่ำ นอกจากนี้เรื่องของน้ำหนักการลงปากกายังเก็บรายละเอียดได้ดี เหมือนเราเขียนด้วยปากกาจริงๆเลยล่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบการวาดรูป วาดเขียนต่างๆ มีเครื่องมือให้ได้ใช้งานมากมายทีเดียว ถึงจะไม่ใช่คนที่ชอบวาดรูปมากนักแต่ก็สนุกกับการใช้ปากกามากเลย
นอกจากนี้เรายังสามารถเขียนด้วยลายมือเพื่อแปลงเป็นข้อความตัวพิมพ์ได้ด้วย สำหรับใครที่ชอบการเขียนด้วยมือ ฟีเจอร์นี้ตอบโจทย์เลย ส่วนเรื่องลายมือต้องยอมรับในความเก่งกาจของมัน ไม่ว่าลายมือเราจะเลวร้ายแค่ไหน เครื่องมือก็ยังสามารถแปลงเป็นตัวพิมพ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เจ๋ง!
Quick Actions สั่งการด้วยท่าทาง
ฟีเจอร์นี้สามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่การตั้งค่า ซึ่งจะมีรูปแบบท่าทางให้เราได้สั่งการถึง 5 รูปแบบเพื่อควบคุมการใช้งาน ทั้งตวัดขึ้น ลง ซ้าย ขวา เพื่อความง่ายในการใช้งานเสมือนมีไม้กายสิทธิ์ ไปใช้งานข้างนอกนี่ดูเท่มากๆ
กล้อง
ในพาร์ทของกล้องทั้ง 2 ตัวให้ความละเอียดมาเท่ากัน
- Wide 13MP
- Ultra-Wide 5MP
เรื่องกล้องต้องบอกกันก่อนว่าน่าจะเป็นส่วนที่คนนิยมใช้งานมันน้อยที่สุดกับอุปกรณ์อย่างแท็บเล็ต ด้วยเหตุผลแรกคือความใหญ่ของขนาดเครื่องซึ่งไม่สะดวกกับการยกขึ้นมากดชัตเตอร์อย่างรุนแรง และด้วยน้ำหนักที่ต้องประคองอยู่นิ่งๆ เพื่อโฟกัสกับอะไรบางอย่างตรงหน้า ทำให้ฟีเจอร์กล้องในแท็บเล็ตแทบจะทุกรุ่น ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรมากนัก แต่ใน Tab S7 ทั้ง 2 รุ่นก็ยังให้กล้องมาถึง 2 ตัว อย่างน้อยมีไว้ก็ดีกว่าไม่มีมาให้เลย
กล้องหน้าเซลฟี่ 8MP
สามารถถ่ายได้ 2 ระยะคือมุมแคบและมุม Wide ที่จะกว้างขึ้นมากกว่าเดิมนิดนึง เรื่องคุณภาพถือว่าออกมาค่อนข้างดีกว่าที่คิด มีโหมดบิวตี้ให้ปรับผิวเรียบ ผิวเนียนกันด้วย แต่ปัญหาของมันก็คือการยกเครื่องขึ้นเซลฟี่นี่แหละ มีกล้ามขึ้นกันบ้างล่ะ!
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่ของทั้ง 2 รุ่นให้ขนาดมาแตกต่างกัน ตัวของ Tab S7 ธรรมดาให้แบตเตอรี่มาอยู่ที่ 8500 mAh ในขณะที่ตัวของ Tab S7+ 5G ให้มามากถึง 10090 mAh โดยทั้ง 2 รุ่นรองรับความเร็วในการชาร์จเท่ากันที่ 45W ซึ่งแม้ว่าตัว Tab S7+ จะให้ขนาดแบตเตอรี่มาใหญ่กว่า แต่หน้าจอก็ให้มาใหญ่เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นหมายถึงปริมาณการใช้แบตเตอรี่ก็จะมากกว่ารุ่น Tab S7 ตัวธรรมดา
ในเรื่องการใช้งานทั้ง 2 ตัวสามารถใช้งานได้ยาวนานทั้งวันเลย ไม่ว่าจะทำกิจกรรมดูหนังฟังเพลงหรือเล่นเกมแบบจัดเต็ม ก็ชาร์จแค่วันละครั้งเท่านั้นก่อนนอน ที่สำคัญคือแบตเตอรี่ไม่ไหลด้วย เวลาเล่นเกมซึ่งมักจะกินพลังงานของเครื่องค่อนข้างมาก แต่ทั้ง 2 รุ่นก็ถือว่าเอาอยู่เรื่องแบตเตอรี่ ไม่พบแบตลดแบตไหลแต่อย่างใด
สรุปการใช้งาน
ทั้ง Tab S7 และ Tab S7+ 5G ต้องบอกว่าเป็นแท็บเล็ตระดับเรือธงที่ให้สเปคมาสูงมากทีเดียว เรื่องของดีไซน์เน้นความบางแม่น้ำหนักอาจจะไม่ได้เบาเท่าที่ควร ถ้าพูดถึงการพกพาใส่กระเป๋าเป้ก็สะดวกดี เรื่องของการดูหนังฟังเพลงไม่มีที่ติเลยล่ะ ให้หน้าจอคมชัด สีสันสมจริงมากๆ สมกับความเป็นแท็บเล็ตเรือธง เล่นเกมก็ไม่มีหน่วงหรือกระตุก ให้การแสดงภาพกราฟิกสวยงาม ซึ่งถึงแม้ทั้งสองรุ่นจะมีสเปคที่เหมือนกันในหลายจุด ทั้ง CPU ความจุแบตเตอรี่ รวมไปถึงชนิดของหน้าจอ แต่ก็มีหลายจุดที่ต่างกัน ซึ่งเป็นจุดต่างที่ค่อนข้างเด่นชัด สามารถเลือกตามการตอบโจทย์ชีวิตการใช้งานได้ง่าย
ราคา
Galaxy Tab S7
- RAM 6GB+ROM 128GB (WiFi) = 22,900 บาท
- RAM 6GB+ROM 128GB (LTE) = 26,900 บาท
Galaxy Tab S7+ 5G
- RAM 8GB+ ROM 256GB = 39,900 บาท
จุดเด่น
- ปากกา S Pen ใช้งานได้ลื่นไหล
- หน้าจอสีสันสวยสดคมชัด
- ลำโพงกระหึ่ม
จุดสังเกต
- น้ำหนักค่อนข้างมาก
- แถบแม่เหล็กติดปากกาด้านหลัง ถ้าไม่ระวังก็อาจหล่นได้ง่าย