ดีไซน์
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่า กู๊ดดรีม TechXcite วันนี้มาส่งรีวิวตามสัญญากับ OPPO Reno5 Series 5G ซึ่งเขาเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ทั้งสองรุ่น OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G! ที่ขนทีเด็ดมามากมายทีเดียว และที่สำคัญรุ่นนี้ยังจัดว่าเป็นมือถือที่สามารถถ่ายวีดีโอพอร์ทเทรตออกมาได้สวยและน่าสนใจมากๆ การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร น่าโดนมากแค่ไหนวันนี้ดรีมจะมารีวิวให้ได้อ่านกัน!!
ดีไซน์
บางเบาและเปล่งประกาย!
สำหรับดีไซน์ของทั้ง OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G สัดส่วนและการจัดวางตำแหน่งต่างๆ เหมือนกันทุกประการ ต่างกันที่ลวดลายฝาหลัง โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 สี คือสีเงินที่เป็นเอกลักษณ์ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี Diamond Spectrum Process โดยทั้ง 2 รุ่นจะใช้ชื่อสีนี้แตกต่างกัน OPPO Reno5 ใช้ชื่อสีว่า Fantasy Silver ในขณะที่ OPPO Reno5 5G จะใช้ชื่อสีว่า Galactic Silver ส่วนอีกสีคือสีดำ Starry Black ที่มีเหมือนกันทั้งสองรุ่น
สำหรับความสามารถจากเทคโนโลยี Diamond Spectrum Process มันรังสรรค์ให้เกิดเป็นเฉดสีใหม่ที่สามารถสะท้อนเปล่งประกายได้นับพันสี โดยจะเห็นสีได้อย่างชัดเจนทั้งหมด 5 สีคือ สีเขียว สีเหลือง สีฟ้า สีม่วงและสีส้ม ยิ่งเวลาออกแดดจะสะท้อนเล่นแสงเป็นสีสันสวยงามมากๆ
นอกจากนี้ในเรื่องของพื้นผิวสัมผัส มีการใช้เอฟเฟค Reno Glow ฉันจะเพิ่มความเปล่งประกายให้สี Galactic Silver ในรุ่น 5G มันระยิบระยับแวววาวเหมือนกับเพชรฝังอยู่ภายใต้ฝาหลัง และที่สำคัญคือมีการเคลือบผิวเพื่อป้องกันรอยนิ้วมือและคราบมันต่างๆด้วย เวลาจับถือใช้งานจะไม่เกิดเป็นรอยให้ต้องเช็ดมากมาย
มาดูเรื่องของน้ำหนักกันบ้างซึ่งก็เป็นจุดที่หลายคนให้ความสำคัญ ซึ่ง OPPO Reno5 Series 5G ก็ออกแบบมาดีอีกเช่นกัน ด้วยดีไซน์ที่บางและเบาลง สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกง หรือยกกล้องมากดเซลฟี่ได้อย่างไม่เมื่อยมือ
นอกจากนี้ยังลดขอบหน้าจอลงเหลือแค่ 3.98 mm ควบคู่ไปกับฝาหลังที่โค้งรับแบบ 3 มิติ และขอบหน้าจอ 2.5D ยิ่งช่วยให้การจับถือนั้นมันถนัดมือและกระชับสะดวกสบายมากขึ้น เรื่องดีไซน์ต้องบอกว่าเขาตั้งใจทำและคิดมาดีทีเดียว
มาดูในส่วนของหน้าจอกันบ้าง เป็นรูปแบบ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว อัตรารีเฟรชเรทสูงสุดอยู่ที่ 90 Hz ตำแหน่งของกล้องหน้าเป็นกล้องแบบเจาะรูวางอยู่ที่มุมซ้ายของตัวเครื่อง
เรื่องความสวยงามของหน้าจอทั้งความคมชัดและสีสันต่างๆ สมกับเป็นจอ AMOLED สามารถดูหนังผ่าน Netflix ด้วยความละเอียด HD หรือดูมิวสิควีดีโอผ่าน YouTube ในระดับ HDR ก็เต็มอิ่มจุใจ
กล้อง
กล้องหลังใน OPPO Reno5 Series 5G ให้มาเท่ากันเป๊ะๆ อีกเหมือนกันความละเอียดให้มาอยู่ที่
- 64MP กล้องหลัก
- 8MP เลนส์ Ultra-Wide
- 2MP เลนส์ Mono Camera
- 2MP เลนส์ Macro
VDO
การถ่ายภาพวีดีโอเป็นจุดเด่นที่สุดใน OPPO Reno5 Series 5G เลยนะ สำหรับสายทำคอนเทนต์ VDO อยากจะไปเป็นดาว TikTok หรือทำคลิปลง YouTube ก็มีฟีเจอร์น่าสนใจมากมายมาช่วยให้การสร้างวีดีโอมันดูโดดเด่นขึ้นกว่าเดิม โดยมีการเพิ่ม 2 ฟีเจอร์ใหม่เข้ามาอย่าง Dual-View Video และ AI Mixed Portrait ทั้งสองฟีเจอร์นี้จะใช้งานอย่างไรมาดูกัน
Dual-View Video
ในโหมด Dual-View Video จะสามารถถ่ายวีดีโอได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังไปพร้อมๆ กัน วิธีการเรียกใช้งานหลังจากเข้าไปที่เข้าไปโหมดกล้องแล้ว ให้กดเข้าไปที่เพิ่มเติมแล้วเลือกไปที่ "วีดีโอแบบมุมมองคู่" ก็จะเข้าสู่โหมดของการใช้งานโหมดนี้ เหมาะสำหรับการใช้เพื่อถ่ายรีวิวอาหาร รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวหรือในสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องการบันทึกทั้งภาพวิวทิวทัศน์จากกล้องหลัง และบันทึก Reaction ไปพร้อมๆ กัน
AI Mixed Portrait
เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ในลูกเล่นในวีดีโอ ซึ่งเราสามารถซ้อนทับวีดีโอ 2 ตัวเข้าด้วยกัน วิธีการเรียกใช้งานโหมดนี้ หลังจากเข้าไปที่โหมดกล้องแล้วให้เข้าไปที่เพิ่มเติม เลือกไปที่ AI Mixed Portrait จะมีตัวเลือกให้เราสามารถกดถ่ายวีดีโอเพื่อใช้เป็นภาพพื้นหลัง หรือจะกดเลือกวีดีโอจากคลังรูปภาพก็ได้ ซึ่งในนั้นจะมีรูปแบบวีดีโอสำเร็จรูปไว้ให้ได้ใช้งานด้วย
เมื่อเลือกวิดีโอพื้นหลังที่ต้องการได้แล้ว ก็กดไปที่เครื่องหมายต่อไป ในนั้นจะมีตัวเลือก 2 แบบ คือให้เงาแบบเบลนด์กับแบบซิลลูเอท
ถ้ากดเลือกเบลนด์เงาที่แสดงออกมาจะยังคงเห็นลักษณะของใบหน้าและรายละเอียดต่างๆ แบบบางๆ แต่ถ้าเลือกแบบซิลลูเอทเงาจะแสดงออกมาโดยไม่เห็นลักษณะใดๆ เลย แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลือกใช้งานกัน ซึ่งจะทำให้รูปแบบวีดีโอที่ออกมามีความน่าสนใจและแปลกใหม่เพิ่มความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
Ultra Steady Video 3.0
นิ่งมากกว่าที่เคย ด้วย Ultra Steady Video 3.0 เป็นเทคโนโลยีกันสั่นที่มีเฉพาะใน OPPO เท่านั้น จะเดินจะวิ่งกล้องสั่นแค่ไหนภาพก็ไม่มีสั่น ซึ่งต้องบอกว่ากันสั่นทำได้เซอร์ไพรซ์เหมือนกันนะ ทดลองถ่ายนางแบบที่กำลังวิ่งไปด้วย กล้องถ่ายไปด้วย ภาพที่ออกมาก็ยังนิ่งสนิททั้งๆ ที่ถือเครื่องด้วยมือเปล่า
โดยสามารถใช้งานโหมดกันสั่นได้ถึง 3 โหมดคือ Front Steady Video ถ่ายวิดีโอเซลฟี่ผ่านกล้องหน้า, Ultra Steady Video ถ่ายวีดีโอบนกล้องหลัก และ Ultra Steady Video Pro ถ่ายวีดีโอบนกล้อง Ultra wide-angle ครอบคลุมในหลากหลายช่วงเลนส์กันเลยทีเดียว
AI Highlight Video
เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มคุณภาพของวิดีโอให้คมชัดสว่างและเป็นธรรมชาติในทุกๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะถ่ายในพื้นที่แสงมากแสงน้อยหรือในที่ร่ม ก็สามารถดึงความละเอียดออกมาได้อย่างมีคุณภาพ โดยฟีเจอร์ Ultra-Night Video ที่สามารถปรับสภาพแสงให้เข้ากับสภาวะแสงในช่วงเวลานั้นๆ และ Live HDR เพื่อจับภาพวัตถุและฉากหลังให้มีความสมดุลของสีอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้กับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยล่ะ
ต่อต่อวิดีโอสวยด้วย SOLOOP
เป็นแอปเพื่อการตัดต่อวีดีโอ ซึ่งในนั้นจะมี Template ให้เราเลือกใส่ภาพและวีดีโอมากมายได้ใช้งานกันแบบฟรีๆ นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่ใน SOLOOP ซึ่งเราสามารถสร้างวีดีโอได้อัตโนมัติ จะเพิ่มฟิลเตอร์เพลงหรือเลือก Template ที่ต้องการพร้อมแชร์วีดีโอหลังการตัดเสร็จได้ทันที และเรายังสามารถสวมบทบาทเป็น influencer สร้างวีดีโอแบบครีเอท ด้วยคำแนะนำผ่าน SOLOOP ได้ง่ายๆ เสมือนมืออาชีพกันเลย การเข้าใช้งานกดเข้าไปที่เมนูกล้อง เลือกเพิ่มเติม และกดเข้าไปที่ SOLOOP
ในเรื่องกล้องถ่ายภาพของ OPPO Reno5 Series 5G นับว่ามาเหนือในเรื่องของการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI Portrait มีกระบวนการที่เรียกว่า light processing และ เทคโนโลยี post-processing ซึ่งมันช่วยเพิ่มความโดดเด่นในทุกภาพถ่ายและวีดีโอ มีการประมวลผลที่ชาญฉลาด สามารถจบงานได้หลังกล้องโดยแทบไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย
นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดเทคโนโลยีเพื่องานถ่ายภาพหลายจุดด้วยกัน เพื่อทำให้ทุกช็อตและทุกโมเม้นคมชัดพร้อมแชร์เรื่องราวต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ
Image-clear Engine (ICE)
หยุดทุกอย่างในทุกช็อต เทคโนโลยีในตัวนี้จะช่วยหยุดความเคลื่อนไหวต่างๆ ในภาพให้คมชัดและหยุดนิ่ง เราได้ทดลองถ่ายภาพกับนางแบบที่กำลังสะบัดผ้าอยู่ในมือเพื่อดูจังหวะการจับชัตเตอร์ว่าจะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของผ้าได้หรือไม่ และคำตอบอยู่ในรูปด้านล่างแล้ว
ถูกต้อง สิ่งนี้สามารถหยุดผ้าที่กำลังปลิวไสวให้แน่นิ่ง และยังคงความคมชัดในทุกจังหวะ สิ่งนี้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเพื่อจับช่วงเวลาของการแข่งขันกีฬา การถ่ายภาพนักร้องที่กำลังทำการแสดงอยู่บนเวที หรือแม้แต่ภาพของเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน จับทุกช็อตได้อย่างคมชัดและแม่นยำไม่มีสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
AI Scene Enhancement
สิ่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความฉลาดของกล้องที่สามารถจดจำและปรับแต่งฉากได้มากถึง 22 ฉากด้วยกัน เช่น ชายหาด สนามหญ้า วิวทิวทัศน์ พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ดอกไม้ต้นไม้สีเขียวและยังอีกมากมาย ซึ่ง AI Scene ตัวนี้จะทำการปรับแต่งภาพให้มีความ balance ของสี ความสว่าง และความอิ่มตัวให้ภาพดูสมจริง และมีมิติมากขึ้น โดยไม่ต้องไปปรับแต่งภายหลังให้ยุ่งยาก
Portrait
ถ้าพูดถึงการถ่ายภาพแล้วไม่พูดถึงจุดเด่นที่ OPPO อยู่เหนือมาโดยตลอดอย่างการถ่ายภาพ Portrait ก็คงไม่ได้ การละลายฉากหลังสามารถทำได้ดีและแม่นยำ ตัดฉากหลังออกจากตัวแบบได้อย่างเรียบเนียนระดับกล้องมืออาชีพ
มีการปรับสมดุลของสีภาพในองค์ประกอบต่างๆ ทั้งท้องฟ้า ภาพบุคคล หรือในจุดที่ถูกเบลอได้อย่างสวยงาม ไม่มีจุดที่แสงโอเวอร์ หรือดรอปมืดลงไป ทุกอย่างในภาพถูกจัดสมดุลให้ออกมาสมบูรณ์แบบ โดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเลย
นอกจากนี้ยังมี HDR ที่สามารถเลือกเปิดหรือปิดใช้งานได้ตามต้องการ ซึ่งจะช่วยดึงความละเอียดของแสงและสีให้ออกมาสมบูรณ์แม้ถ่ายย้อนแสงก็ตาม
Night Flare Portrait
นอกจากจะถ่าย portrait ในตอนกลางวันได้สวยแล้ว บางคืนเราก็อยากออกไปปาร์ตี้ เดินเล่นชมความสวยงามของแสงสีในตอนกลางคืนบ้าง ใน OPPO Reno5 Series 5G ก็มี Night Flare Portrait ที่จะช่วยปรับความคมชัดและแสงสว่างให้สดใสแม้ในตอนกลางคืน โบเก้ก็มีและสามารถถ่ายออกมาได้เป็นธรรมชาติ ให้วงโบเก้เสมือนถ่ายด้วยกล้องมืออาชีพเลยทีเดียว
ส่วนภาพถ่ายกลางคืนในโหมดอื่นๆ ก็สามารถดึงความละเอียด ความคมชัดและแสงสีต่างๆ ของภาพในองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างสวยงาม ไม่สว่างจ้าจนหมดเสน่ห์ของภาพถ่ายกลางคืนไป
ลองดูภาพตัวอย่างจากโหมดอื่นๆ ที่ถูกถ่ายด้วยกล้องหลังของ OPPO Reno5 Series 5G กัน
Selfie
สำหรับกล้องหน้าใน OPPO Reno5 Series 5G จะมีความแตกต่างเล็กน้อยในเรื่องของความละเอียด
- OPPO Reno5 ความละเอียด 44MP
- OPPO Reno5 5G ความละเอียด 32MP
เดินทางมาถึงเรื่องของกล้องเซลฟี่ แน่นอนว่าวลีกล้องสวยต้องกล้อง OPPO ก็ยังไม่เคยทำให้ผิดหวัง ยังคงถ่ายเซลฟี่ได้สวยตามสั่งเช่นเคย สามารถถ่ายได้ทั้งแบบปกติและแบบ portrait ซึ่งจะทำการเบลอฉากหลังอัตโนมัติ ช่วยทำให้ใบหน้าเราดูโดดเด่นขึ้นมา
ความแม่นยำในการตัดฉากหลังก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ภาพเซลฟี่โหมดบุคคลจะให้โทนภาพที่ค่อนข้างสว่างกว่า ในขณะที่ที่สำคัญคือยังคงมี Beauty Mode ที่สามารถปรับแต่งใบหน้าได้ตามต้องการ จะทำผิวเนียน หน้าเรียว ตาโต ก็ปรับได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน
สเปคการใช้งาน
OPPO Reno5
- หน้าจอ AMOLED FHD+ 6.43 นิ้ว
- อัตราส่วนหน้าจอ 20:9
- Refresh Rate 90Hz, Touch Sampling 180 Hz
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 720G
- ระบบปฏิบัติการ Color OS 11.1
- RAM 8GB
- ความจุ 128GB
- กล้องหน้า 44MP
- กล้องหลัง 4 ตัว
- 64MP กล้องหลัก
- 8MP เลนส์ Ultra-Wide
- 2MP เลนส์ Macro
- 2MPเลนส์ Mono Camera
- รองรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ 4310mAh
- รองรับ 50W Flash Charge
OPPO Reno5 5G
- หน้าจอ AMOLED FHD+ 6.43 นิ้ว
- อัตราส่วนหน้าจอ 20:9
- Refresh Rate 90Hz, Touch Sampling 180 Hz
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 765G
- ระบบปฏิบัติการ Color OS 11.1
- RAM 8GB
- ความจุ 128GB
- กล้องหน้า 32MP
- กล้องหลัง 4 ตัว
- 64MP กล้องหลัก
- 8MP เลนส์ Ultra-Wide
- 2MP เลนส์ Macro
- 2MPเลนส์ Mono Camera
- รองรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- แบตเตอรี่ 4300 mAh
- รองรับ 65W SuperVOOC 2.0
ColorOS 11.1
ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Color OS 11.1 เพิ่มความสามารถในการปรับแต่ง UI ที่หลากหลาย ไปพร้อมกับการใช้งานที่ลื่นไหลมากกว่าเดิม มีการเพิ่มฟีเจอร์หลักๆมาด้วยกัน 4 ฟีเจอร์ Always on Display
- Always on Display สามารถ Customize รูปแบบหน้าจอได้หลากหลายตามต้องการ
- Dark Mode มีให้เลือกถึงสามแบบด้วยกัน คือ enhanced, medium และ gentle แล้วยังสามารถปรับ Contrast ของสีหน้าจอได้ด้วย
- Flex Drop สามารถเปิดแอปทั่วไปให้ขึ้นเป็นหน้าต่างลอยแบบ Messenger ได้
- แปลภาษาด้วยสามนิ้วผ่าน Google Lens เมื่อแคปหน้าจอแล้วสามารถเลือกฟังก์ชั่นเพื่อแปลภาษาผ่าน Google Lens ได้ด้วยการลากนิ้วลงมาจากด้านบน 3 นิ้ว
การเล่นเกม
สำหรับคนที่เป็นสายเกมเมอร์ใน OPPO Reno5 Series ทั้งสองรุ่นให้ CPU มาแตกต่างกันเล็กน้อย OPPO Reno5 ให้ชิปเซ็ต Snapdragon 720G ส่วน OPPO Reno5 5G เป็นชิปเซ็ต Snapdragon 765G ประสิทธิภาพของการเล่นเกมสามารถเล่นได้ไหลลื่นและปรับตั้งค่าได้ในระดับสูงสุด ทั้งค่าเฟรมเรตและคุณภาพความละเอียด เรื่องความสวยงามของหน้าจอมีการแสดงผลภาพกราฟิกสวยงามด้วยหน้าจอ AMOLED ที่การันตีเรื่องความละเอียดเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถตั้งค่าเพื่อช่วยให้การเล่นเกมนั้นไม่มีอะไรมากวนใจไม่ว่าจะสายเรียกเข้าหรือข้อความต่างๆ ทั้งหมด 4 ฟีเจอร์หลักๆ
- Gaming Shortcut Mode สามารถข้ามอินโทรลเปิดตัวเกมในตอนเริ่มต้นให้อัตโนมัติ เข้าถึงเนื้อหาเกมได้ไวและง่ายกว่าเดิม
- Bullet Screen Message รองรับการแจ้งเตือนแบบ Bullet ซึ่งมันจะขึ้นแจ้งเตือนในพื้นที่เล็กๆ ไม่ทำลายจังหวะระหว่างเล่นเกม
- Gamer Mode ปิดการใช้งานแจ้งเตือนทุกอย่าง ไม่ให้ขัดขวางการเล่นเกม
- การปรับแต่ง Gaming Touch เพิ่มประสิทธิภาพระบบสัมผัสเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว แล้วยังสามารถปิดการตอบสนองเมื่อสัมผัสที่ขอบหน้าจออย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เสียจังหวะในการเล่นเกม
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
เดินทางมาถึงเรื่องของแบตเตอรี่กันบ้าง จากนี้เราจะได้เห็นความแตกต่างระหว่าง OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G ในเรื่องความจุจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ใน OPPO Reno5 ให้แบตเตอรี่มาอยู่ที่ 4310 mAh ส่วน OPPO Reno5 5G ให้ความจุมาอยู่ที่ 4300 mAh เรื่องความเร็วในการชาร์จก็มีความแตกต่าง กันพอสมควร
OPPO Reno5 รองรับ 50W Flash Charge สามารถเล่นวีดีโอได้นานต่อเนื่องสูงสุดถึง 3 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ 30 นาทีได้แบตเตอรี่สูงเกือบ 80% ในกล่องแถมอแดปเตอร์
OPPO Reno5 5G รองรับ 65W SuperVOOC 2.0 สามารถเล่นวีดีโอได้นานต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง เพียง 15 นาทีได้แบตเตอรี่มามากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้าชัด 35 นาทีจะได้แบตเตอรี่มาเต็ม 100% ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วในการชาร์จที่ไวมากๆ และเหนือกว่าหลายรุ่นในท้องตลาด มีฟีเจอร์ประหยัดพลังงานเพื่อการใช้งานที่ยาวนานขึ้นอีกด้วย
สรุปการใช้งาน
จากการใช้งาน OPPO Reno5 Series 5G ต้องบอกว่ามันเป็นมือถือที่ตอบโจทย์สาย Content Video อย่างสมบูรณ์แบบ มีการพัฒนากล้องวีดีโอ Portrait ให้คุณภาพในระดับมืออาชีพ มาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย ถ้าจะเทียบกันในท้องตลาด กล้าพูดเลยว่า OPPO Reno5 Series 5G เป็นมือถือที่สามารถถ่ายวีดีโอได้สวยที่สุดแล้วในตอนนี้
และถึงแม้จะมีการเน้นจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายวีดีโอ การใช้งานด้านอื่นๆ ก็ยังคงทำได้น่าสนใจ เรื่องดีไซน์ก็คงความเป็นเอกลักษณ์ของ OPPO ที่มีการอัพเกรดให้ยิ่งสวยงามมากกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยีมากมาย และอีกหนึ่งจุดที่สำคัญก็คือมีความสามารถในการรองรับ 5G ในรุ่นของ OPPO Reno5 5G ที่ตอบโจทย์ยุคสมัยของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของ 5G ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จัดว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นคุณค่าที่น่าสนใจมาก เริ่มต้นปี 2021 ได้ดีทีเดียว
ราคา
- OPPO Reno5 ราคา 10,999 บาท
- OPPO Reno5 5G ราคา 13,990 บาท
สั่งจอง Pre-order ได้ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม – 5 กุมภาพันธ์ 2564 โดยรับของสมนาคุณฟรี ดังนี้
OPPO Reno5
- เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ Smart Scale
- E-VIP Card
มูลค่ารวม 6,299 บาท
OPPO Reno5 5G
- เครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ Smart Scale
- Bluetooth Speaker
- E-VIP Card
มูลค่ารวม 8,398 บาท