OPPO ประกาศเปิดตัว Full-path Color Management System อย่างเป็นทางการครั้งแรกในสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2564 อย่าง OPPO Find X3 Series โดยFull-path Color Management System ของ OPPO เป็นระบบการปรับแต่งสีที่ถูกสร้างมาในระบบปฏิบัติการ Android ครั้งแรก ซึ่งจะถูกปรับให้รองรับขอบเขตสี DCI-P3 wide gamut ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงรองรับระบบสี 10-bit color depth โดยรองรับทั้งการถ่ายภาพ การจัดเก็บข้อมูล และการแสดงผลบนจอแสดงผล อีกทั้งพร้อมมอบประสบการณ์การรับชมที่โดดเด่นกว่าใครด้วย สีสันที่สมจริงและคมชัดกว่าที่เคย
“สีสัน เป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และนำไปสู่ความสามารถในการรับรู้ได้เสมือนจริง และนี่คือเหตุผลที่เราได้พัฒนาระบบการจัดการสีในทุกๆ ด้าน เพื่อเพิ่มความสวยงามและความคมชัดสมจริงให้กับภาพที่เราถ่ายในชีวิตประจำวันของเรามากยิ่งขึ้น” คุณ Bai, Product Managerของ OPPO กล่าว “จากประสิทธิภาพะบบจัดการสีที่โดดเด่นของ OPPOFind X2 Pro ทำให้เกิดการพัฒนา Full-path Color Management System ใหม่อย่างต่อเนื่องให้สามารถรองรับการถ่ายภาพ 10bit และ ไฟล์ภาพชนิด HEIF ได้ โดยเรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์สีที่นุ่มนวลและสมจริง พร้อมปลดปล่อยความต้องการของนักสร้างสรรค์ต่างๆ ในด้านการค้นหาสิ่งใหม่ การถ่ายภาพ และการแสดงออกถึงตัวตนของตนเองได้อย่างเต็มที่
ความสามารถในการรองรับ DCI-P3 และ รูปภาพ 10-bit HEIF ด้วยFull-path Color Management System พร้อมมอบประสบการณ์การแสดงสีสันของภาพอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อพิจารณาแนวโน้มในอนาคตด้าน wide color gamut และ high color depth แล้วทำให้ทีมวิศวกรด้านการวิจัยและพัฒนาของ OPPO ได้มุ่งมั่นในการสร้างเฉดสี ด้วยการปรับปรุงระบบและฮาร์ดแวร์พื้นฐาน โดยระบบนี้ เป็นการเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทุกการใช้งานแบบเอ็นด์ทูเอนด์ (End-to-End solution) ซึ่งครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึงการประมวลผล การเข้ารหัส การจัดเก็บ และการถอดรหัสรูปภาพ ไปจนถึงการแสดงผลของภาพที่รองรับไฟล์ภาพแบบHEIF ด้วย 10bit high color depth และ P3 wide color gamut
สำหรับ Full-path Color Management System ใช้ทั้งอัลกอริทึมและฮาร์ดแวร์ในการจดจำการแสดงผลของภาพในระหว่างการถ่ายภาพ โดยวิศวกรด้านการวิจัยและพัฒนาของ OPPO พัฒนาอัลกอริทึมที่รักษาความแม่นยำของภาพควบคู่กับการลดนอยส์แบบ Multi-frame และมีกระบวนการสร้างความละเอียดของภาพขั้นสูง นอกจากนี้ OPPO ยังมีเซ็นเซอร์ภาพที่มีโหมด HDR แบบ Digital Overlap (DOL) ซึ่งในเทคโนโลยี DOL-HDR จะเก็บภาพหลายสภาวะแสงพร้อมๆ กัน เพื่อให้ได้ภาพสีสันสดใสและคมชัดแม้ถ่ายท่ามกลางแสงจ้า
เมื่อเรามีฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมในการใช้งานแล้ว การปรับเทียบค่าสีบนจอภาพจะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อมา ซึ่งขั้นตอนการปรับเทียบหน้าจอของ OPPO จะช่วยเพิ่มความแม่นยำของสีที่ได้คุณภาพที่ระดับ 0.4 JNCDเมื่อเทียบกับฟิล์มดิจิตอล ทำให้การแสดงผลบนหน้าจอเป็นไปอย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ อัลกอริทึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO ยังสามารถรองรับ DCI-P3 ด้วย D65 white point ตรงกลางของช่วงสีได้
เมื่อเทียบกับความลึกของสีของ 8-bits และ 10-bit ความลึกของสี 10-bitจะช่วยเติมเต็มและลดช่องว่างของสีได้มากกว่า อีกทั้งยังพัฒนาการไล่ระดับเฉดสี ให้มีความนุ่มนวลกว่า พร้อมรองรับการแก้ไขปรับปรุงภาพในภายหลังโดยที่คุณภาพของภาพดังกล่าวไม่หายไป ในขณะเดียวกันไฟล์ภาพ HEIF แบบใหม่และทรงพลัง จะมีขนาดเล็กกว่า ไฟล์ภาพ JPEG ถึง50% พร้อมรองรับมัลติมีเดียได้หลากหลาย เช่น การถ่ายภาพนิ่ง การถ่ายภาพแบบ Exif การเก็บข้อมูลภาพเชิงลึก หรือแม้แต่การถ่ายวิดีโอแบบไดนามิกก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการสร้างสรรค์มากขึ้น โดยอาจกล่าวได้ว่า การจัดเก็บไฟล์ข้อมูลในรูปแบบ HEIF สามารถพัฒนาไดมากขึ้นอีก เพื่อรองรับการใช้งานที่มีการแสดงผลของสีที่ลึก ละเอียด และคมชัดในอนาคต
การตั้งค่าสีบนสมาร์ทโฟนด้วยตัวคุณเอง - โซลูชันการปรับแก้ไขสีของการถ่ายภาพในอนาคต
ในงาน OPPO INNO DAY 2020 ที่ผ่านมา คุณ Tony Chen, OPPO Founder และ CEO กล่าวว่า “ เราเชื่อในคำพูดที่ว่า ‘Technology for Mankind, Kindness for the World’ โดย OPPO จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อจุดประกายให้ผู้คนได้ถ่ายภาพความงามในสภาวะรอบตัวในทุกด้านและนำไปสู่การปลดปล่อยจินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในชีวิตในอนาคตอันใกล้นี้ได้”
โดยแสดงให้เห็นถึงกระบวนการในการวิจัยและพัฒนาของ OPPO ด้านเทคโนโลยี Full-path Color Management System ของ OPPO ซึ่งเป็นฟังก์ชันพื้นฐานของระบบที่มีความเป็นอัจฉริยะ ซึ่ง OPPO พยายามที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการแสดงสีบนหน้าจอให้มีสีลักษณะเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าสีที่ได้จะมีความคมชัดและแม่นยำ และเราได้มุ่งมั่นค้นหาการปรับแต่งสีของภาพให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้
ย้อนกลับไปในปี 2561 ทีมวิศวกรด้านการวิจัยและพัฒนาของ OPPO ได้ตระหนักถึงความท้าทายของผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่เผชิญกับปัญหาสีที่ไม่คมชัดบนหน้าจอ โดยทีมวิศวกรได้เริ่มต้นการวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของสีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในวงกว้างและเพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ในการมองเห็นที่ดีขึ้นอีกด้วย
ต่อมา OPPO ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำเสนอโซลูชันการปรับแต่งแก้ไขสีขึ้นใหม่บนจอแสดงผล ด้วยการศึกษาและแก้ไขปัญหาในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเกี่ยวกับผู้ที่มีจุดอ่อนด้านการมองเห็นสี โดยได้อัพเกรดโซลูชันOPPO Color Correction Solution 2.0 เพื่อช่วยลดปัญหาดังกล่าว
ในปัจจุบัน OPPO กำลังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด โดยการสุ่มตัวอย่างผู้ใช้ที่มีการมองเห็นสีที่ชัดเจนมาทำการทดสอบ ดร. Luo Ming, Professor of Color and Image Science กล่าวว่า “ปัจจุบันเรากำลังศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างด้านการมองเห็นสีของแต่ละบุคคล ในกรณีศึกษานี้ระบบการแก้ไขสีในอนาคตจะมีความสำคัญที่สุดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใช้งานเป็นหลัก ซึ่งที่ผู้ใช้สามารถสร้างการแสดงผลที่มีความโดดเด่นเฉพาะของตัวเองได้ด้วยการเลือกสีจากชุดสีที่มีในสมาร์ทโฟนตลอดจนการทดสอบและการปรับเทียบสีในระบบ”
สำหรับนวัตกรรมต่างๆ ของ OPPO หลายปีมานี้ทำให้การแสดงสีบนจอของสมาร์ทโฟนมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น และ Full-path Color Management System ตัวใหม่นี้ พร้อมให้คุณได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟน OPPO Find X3 Series ที่จะมีขึ้นในปี 2564
ด้วยการมอบประสบการณ์การแสดงผลของสีที่ละเอียด คมชัด และสมจริง ที่คุณสามารถปรับแต่งได้เอง OPPO จะยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอวิธีการใช้งานที่ง่ายและสะดวกเพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสความงดงามของโลกใบนี้และชีวิตที่มีสีสันด้วยตัวคุณเอง