แกะกล่องและดีไซน์
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกคนนะคะ กู๊ดดรีม TechXcite มาส่งรีวิวมือถือให้ทุกคนอีกเช่นเคย ครั้งนี้ดรีมมาพร้อมกับรุ่นที่หลายคนรอคอยอย่าง iPhone 12 ที่หลายคนชื่นชนว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในบรรดา iPhone 12 Series ดีไซน์จะเป็นอย่างไร คมบาดมืออย่างที่เป็นข่าวหรือไม่ แล้วประสิทธิภาพการใช้งานจะคุ้มค่าอย่างไร วันนี้ดรีมจะมารีวิวให้ทุกคนอ่านกัน
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง
- ตัวเครื่อง iPhone 12
- เอกสารคู่มือสติกเกอร์
- สายชาร์จ Lightning to USB type-C
ตัวกล่องมีขนาดที่เล็กและบางลงเพราะไม่แถมอแดปเตอร์และหูฟังมาให้เหมือนเคย ด้วยเหตุผลที่ต้องการช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ใครที่ไม่ได้ใช้ iPhone ก่อนหน้านี้ก็ต้องซื้ออแดปเตอร์แยกต่างหาก
ดีไซน์
iPhone 12 มาด้วยขนาดเล็กกะทัดรัดและเข้ามือที่สุดขนาด 6.1 นิ้ว หน้าจอเป็น OLED Super Retina XDR จึงให้การแสดงผลหน้าจอที่คมชัด สีสันสดใสเนียนตาดีมาก วัสดุหน้าจอเป็น Ceramic Shield เพื่อความทนทานมากกว่าเดิม
ในเรื่องตัวขอบเจ้าปัญหาที่เขาว่าคมบาดมือเป็นแผลเลือดออกนั้น เอาจริงๆ พยายามเอานิ้วรูดสำรวจรอบเครื่องก็ยังไม่เจอส่วนที่คิดว่าจะบาดนิ้วได้เลย อย่างมากถ้าเอานิ้วกดกับขอบเครื่องนานๆ เข้าก็อาจจะเกิดรอยได้ ซึ่งก็ไม่น่าบาดเข้าเนื้อ หากไม่ใช่คนที่ผิวบางมากจริงๆ
รอยบากด้านหน้าก็เป็นตำแหน่งของกล้องหน้าและลำโพงสนทนาตามสไตล์ของ iPhone
สำหรับฝาหลังเป็นวัสดุกระจกและอลูมิเนียมก็จะแอบติดลายมือนิ้วง่าย ถ้าไม่ได้ใส่เคสก็ต้องคอยเช็ดฝาหลังบ่อยๆ ส่วนสีที่เราได้มานั้นเป็นสีน้ำเงินออกหม่นๆ มีโลโก้ Apple อยู่ตรงกลางฝาหลัง กล้องสองตัววางอยู่ที่มุมซ้ายของตัวเครื่องในตำแหน่งเดิม
มาดูปุ่มใช้งานรอบๆ เครื่องไล่จากด้านขวาเป็นปุ่มพาวเวอร์เปิด-ปิดตัวเครื่อง
พลิกมาอีกฝั่ง จะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่มพิเศษที่เราสามารถเลื่อนเปิด-ปิดเสียงได้ นอกจากจะปิดเสียงการแจ้งเตือนต่างๆ แล้ว เสียงซาวน์เอฟเฟกต์ในเกมก็จะถูกปิดไปด้วยเช่นกัน เป็นการตัดเสียงทุกระบบ
ในฝั่งเดียวกันบริเวณด้านล่างเป็นตำแหน่งของถาดซิม สามารถใส่ได้สองซิมการ์ดหน้าหลัง
มาถึงบริเวณฐานจะเจอกับลำโพงคู่ และพอร์ตชาร์จแบบ Lightning โดยรวมเรื่องของดีไซน์เป็นอะไรที่มีความพอดีทั้งขนาดและน้ำหนัก ตัวเครื่องบางเบาพกพาสะดวก ใช้งานง่ายเป็นขนาดที่พอดีที่สุดแล้วสำหรับการใช้งานจริง ส่วนสีเครื่องก็สวยกำลังดี เป็นน้ำเงินที่ไม่ดูฉูดฉาดและมืดเกินไป จัดว่าเป็นสีที่เห็นแล้วมีความเป็นเอกลักษณ์สูงเลย
สเปคการใช้งาน
- หน้าจอ OLED 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล (19.5:9)
- หน่วยประมวลผล Apple A14 Bionic Hexa-Core (5 nm)
- แรม 4GB
- ความจุ 64GB/128GB/256GB
- แบตเตอรี่ 2815 mAh
- กล้องหน้า 12MP f/2.2
- กล้องหลังคู่
- 12MP กล้องหลัก f/1.6
- 12MP เลนส์ Ultra-Wide f/2.4
- ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.4
- น้ำหนัก 164 กรัม
- รองรับ 2 ซิม (NANO-SIM + eSIM)
- รองรับระบบสแกนใบหน้า Face ID
- กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 (ลงน้ำได้ลึก 6 เมตรนาน 30 นาที)
- รัน iOS 14.1
ชิปเซ็ตประมวลผลเป็นชิป A14 Bionic ตัวใหม่ล่าสุดเหมือนกับทั้ง 4 รุ่นใน iPhone 12 Series ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาดจิ๋ว 5 นาโนเมตรช่วยให้การทำงานของ CPU นั้นเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 40% และ GPU เร็วขึ้น 50% เลยล่ะ และที่สำคัญ iPhone 12 เป็นรุ่นแรกที่รองรับ 5G ด้วยล่ะ
การเล่นเกมส์
ดรีมนำไปทดสอบเล่นกับเกม Call of Duty เรื่องของความลื่นไหลและการประมวลผลเอฟเฟกต์ทำได้ดีมากๆ สามารถเล่นได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด ไม่มีกระตุกเลยแม้แต่น้อย เมื่อผสมผสานกับคุณสมบัติของจอ OLED ยิ่งทำให้ภาพและการแสดงผลสวยเนียนตาสุดๆ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ iPhone 12 เลยทีเดียว
แต่เมื่อพูดถึงความร้อนของตัวเครื่องก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่าเล่นไปนานเข้าตัวเครื่องแอบร้อนพอสมควรเลยนะ ถ้าอยากเล่นให้ได้นานขึ้นลองปรับการตั้งการแสดงผลกราฟิก ปรับลด FPS ก็จะทำให้เล่นได้นานขึ้น แต่ถ้าถามว่า iPhone 12 เป็นมือถือที่เหมาะกับการเล่นเกมแบบหนักหน่วงเลยไหม ดรีมแนะนำว่าคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ แล้วแบตเตอรี่ล่ะ?...
จะว่าไปก็แอบลดเยอะอยู่เหมือนกันนะ ^^” ซึ่งส่วนนี้ผู้ใช้งาน iPhone 12 หลายคนก็แอบบ่นอยู่เหมือนกัน
กล้อง
กล้องใน iPhone 12 ให้มาทั้งหมด 2 ตัว
- 12MP กล้องหลัก f/1.6
- 12MP เลนส์ Ultra-Wide f/2.4
แต่ละเลนส์จะให้คุณภาพเป็นอย่างไร ดรีมจะมาเปรียบเทียบให้ได้ดูกันแบบช็อตต่อช็อตไปเลย ให้ได้เห็นความแตกต่างในแต่ละเลนส์กันแบบชัดๆ เริ่มกันที่ภาพถ่ายจากเลนส์หลักก่อนเลย
โทนสีของภาพแอบติดเหลืองนิดๆ สไตล์ iPhone สามารถปรับบาลานซ์ของสีได้เสมอกันทั่วทั้งภาพ นอกจากนี้เอกลักษณ์ของ iPhone ก็คือความธรรมชาติของไฟล์ภาพที่มีความสดเหมือนจริง เป็นเรื่องดีต่อการนำไปปรับแต่งเพิ่มเติมภายหลัง
Portrait 12MP
สำหรับความสามารถในการถ่าย Portrait หน้าชัดหลังละลาย ดรีมเปรียบเทียบความต่างมาให้เห็นกันแบบช็อตต่อช็อตเลย ว่าคุณภาพที่ได้เป็นอย่างไร บอกตรงๆ ก็รู้สึกเกินคาดเหมือนกันนะ ว่าสามารถทำได้ดีขนาดนี้เลย สามารถตัดฉากหลังได้อย่างเรียบเนียนและแม่นยำ นอกจากนี้ยังสามารถแยกไฟล์ภาพระหว่างถ่ายด้วยโหมดปกติกับโหมด Portrait เพื่อการปรับแต่งเพิ่มเติมภายหลังได้อีกด้วย
Ultra-Wide
เลนส์นี้เพื่อการถ่ายภาพในมุมมองที่กว้างกว่าเดิม 1.5 เท่า ในเลนส์ตัวนี้ดรีมก็นำภาพมาให้เปรียบเทียบกันเหมือนเดิม ลองมาดูความแตกต่างกัน
Night Mode
เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเรื่องกล้องของ iPhone 12 เพราะทุกๆ เลนส์สามารถถ่าย Night Mode ได้ โดยคุณภาพของไฟล์นั้นยังคมชัดและแสดงสีสันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท้องฟ้ามืดก็มืดสนิท ตรงส่วนที่เป็นแสงสีก็แสดงผลได้อย่างสดใส จัดบาลานซ์ของสีภาพได้ดี
กล้องหน้า Selfie 12MP
กล้องหน้าเซลฟี่ให้ความละเอียดมาอยู่ที่ 12MP เท่ากับกล้องเลนส์หลังทั้งสองตัว สามารถเซลฟี่แบบทำหน้าชัดหลังละลายได้แม้จะมีเลนส์เดียวก็ตาม ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าดรีมก็ทำภาพเปรียบเทียบมาให้อีกเหมือนกัน
จะเห็นว่าด้านหลังสามารถทำโบเก้ได้เป็นดวงเลยทีเดียวนะ แล้วยังสามารถตัดแบบกับฉากหลังออกจากกันได้อย่างเรียบเนียนและแม่นยำ
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
ในเรื่องแบตเตอรี่ของ iPhone 12 ให้ความจุมาอยู่ที่ 2815 mAh จากการใช้งานจริง ถ้าในระหว่างวันเราไม่ได้ใช้งานหนักมากจนเกินไป ไม่ได้เล่นเกมอย่างหนักหน่วงหรือถ่ายรูปเยอะ มันก็เพียงพออยู่ได้ทั้งวันเลยนะ เมื่ออยู่ในโหมดสแตนบายตัวเครื่องแบตนิ่งมาก
แต่เมื่อนำไปเล่นเกมหรือถ่ายรูปนานๆเข้า ก็อย่างที่ดรีมบอกเลยว่าแบตเตอรี่แอบไหลอยู่พอสมควร ตัวเครื่องก็ค่อนข้างร้อนทีเดียว อาจจะต้องรออัพเดทเฟิร์มแวร์กันต่อไปเพื่อมาแก้ไขปัญหานี้ ส่วนสายชาร์จที่ให้มาในกล่องเป็น USB-C to lightning เรื่องอแดปเตอร์ใครที่ไม่ได้ใช้ iPhone อยู่เป็นทุนเดิม ก็อาจต้องควักสตางค์ซื้อเพิ่มสักเล็กน้อย
สรุปการใช้งาน
จุดเด่นของ iPhone 12 ก็คือเรื่องของดีไซน์ที่กะทัดรัดบางเบาจับถือได้ถนัดมือที่สุดในบรรดา iPhone 12 Series หน้าจอเคลือบ Ceramic Shield กันกระแทกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังให้หน้าจอที่คมชัดและการแสดงผลกราฟิคที่สวยงามมากๆ เรื่องของชิปเซ็ตประมวลผลก็เป็น A14 Bionic ตัวล่าสุดจาก Apple ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่าเดิมถึง 50% แล้วยังรองรับ 5G อีกด้วย มีด้วยกัน 3 ขนาด ความจุ 64 GB, 128 GB และ 256 GB มีให้เลือกด้วยกัน 5 สีคือ สีดำ, ขาว, น้ำเงิน, เขียวและแดง
ราคา
iPhone 12 (64GB) = 29,900 บาท
iPhone 12(128GB) = 31,900 บาท
iPhone 12 (256GB) = 35,900 บาท
จุดเด่นของ iPhone 12
- จอแสดงผลสวยงาม
- รองรับ 5G
- design กระชับถนัดมือ
- หน้าจอเคลือบ Ceramic Shield กันกระแทก
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่น้อย
- เครื่องร้อนง่าย
- ไม่แถมอแดปเตอร์มาให้ในกล่อง