สรุปข้อมูล iPhone 12 ก่อนเปิดตัว ดีไซน์เป็นยังไง
สเปคแรงแค่ไหน มีกี่รุ่น ราคาเท่าไหร่ !?
Apple ประกาศเปิดตัว iPhone 12 อย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ โดยงานรอบนี้จะใช้คำเปรยว่า “Hi, Speed” นั่นเอง ซึ่งระหว่างวันเปิดตัวนี้ก็มีข้อมูลหลุดออกมาเพียบ ทั้งดีไซน์ตัวเครื่อง ข้อมูลชิปเซ็ต รุ่นที่จะเปิดตัว รวมถึงราคาก็มีแล้วด้วย ไหน ๆ ก็หลุดมาซะเยอะขนาดนี้ เราขอสรุปข้อมูลก่อนเปิดตัวให้ทราบกันหน่อยดีกว่าว่าเราจะได้เห็นอะไรบ้างในงานเปิดตัว Apple Event 2020 เดือนตุลาคมนี้ครับ !
มีให้เลือกถึง 4 รุ่น
ก่อนอื่นมาพูดถึงรุ่นที่จะเปิดตัวกันก่อนเลย iPhone 12 รอบนี้เขาว่าจะมีให้เลือกมากถึง 4 รุ่นจากเดิมที่มี 3 รุ่น โดยจะเพิ่มรุ่นหน้าจอเล็กเริ่มต้นขึ้นมาอีก มีหน้าจอตั้งแต่ 5.4” - 6.7” รุ่นประกอบไปด้วย
- iPhone 12 mini 5.4”
- iPhone 12 6.1”
- iPhone 12 Pro 6.1”
- iPhone 12 Pro Max 6.7”
ซึ่งการเพิ่มรุ่น mini เข้ามานี้ก็เป็นการเพิ่มรุ่นหน้าจอเล็ก เข้ามาตอบโจทย์มากขึ้นไปอีกครับ
หน้าจอ OLED ทั้งหมดรุ่น Pro ขยายขนาดหน้าจอ
นอกจากการเพิ่มรุ่นจอเล็กเข้ามาตามข้อมูลยังระบุว่า iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นที่เปิดตัวในปีนี้จะอัปเกรดหน้าจอใหม่เป็นจอ OLED ทั้งหมด ไม่มีรุ่นที่ใช้ LCD อีกต่อไป และมีการเคลือบสารบนหน้าจอแบบใหม่ Ceramic Shield เพื่อให้หน้าจอนั้นทนทานต่อรอยขีดข่วนรวมถึงการตกได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
และรุ่น Pro ก็จะเขยิบขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นไปอีก คือ iPhone 12 Pro เป็น 6.1” จากเดิม 5.8” และ iPhone 12 Pro Max เขยิบเป็น 6.7” จากเดิม 6.5” ครับ
จอ 120Hz ยังไม่มาในปีนี้
อีกเรื่องที่หลายคนอาจจะผิดหวังนิดหน่อยก็คือเรื่องจอ refresh rate สูงที่ก่อนหน้านี้เคยลือกันว่า iPhone 12 ในปีนี้จะมาพร้อมจอแบบ 120Hz แล้ว เพื่อความลื่นไหลระดับเดียวกับ iPad Pro แต่ข่าวลือสุดท้ายก่อนเปิดตัวก็ยืนยันกันชัดว่าปีนี้ Apple ยังคงไม่ใส่จอ 120Hz มาให้
ดีไซน์ขอบเหลี่ยมเหมือน iPhone 5
ในเรื่องดีไซน์เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินมาเยอะแล้ว รอบนี้ iPhone 12 จะกลับไปใช้ดีไซน์ขอบเครื่องแบบเหลี่ยมเหมือนกับที่เคยใช้บน iPhone 4 และ iPhone 5 มาก่อนนั่นเอง ใช้วัสดุหน้า-หลังเป็นกระจก แต่กรอบตัวเครื่องจะแบ่งแตกต่างกันโดยรุ่น iPhone 12 mini และ iPhone 12 จะใช้เป็นกรอบอลูมิเนียม ส่วน iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จะใช้เป็นแสตนเลสครับ
สีใหม่ Navy Blue มาแน่
ในเรื่องของสีสัน iPhone 12 ก็ลือกันมาตั้งแต่ต้นปีว่าจะมาพร้อมสีใหม่อย่าง Navy Blue ซึ่งจากภาพของบัตรเชิญและ Apple Watch Series 6 ที่เพิ่งเปิดตัวสีน้ำเงินใหม่ไป ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ารอบนี้จะมีสีใหม่อย่าง Navy Blue เข้ามาบนรุ่น Pro ด้วย และตัวเลือกสีคลาสสิคดั้งเดิมอย่าง ทอง, เงิน และ Space Gray ก็ยังคงมีเช่นเคย
ส่วนรุ่นเริ่มต้นอย่าง iPhone 12 mini และ iPhone 12 ก็คงมีตัวเลือกมาให้ครบ ๆ เช่นเดียวกับ iPhone 11 ประกอบด้วย ดำ, ขาว, ฟ้า, เขียว, ส้มและแดง Product RED ครับ
ชิปเซ็ตใหม่ Apple A14
มาต่อในเรื่องของสเปคภายใน ชิปเซ็ตของ iPhone 12 ก็จะมาพร้อมกับ Apple A14 Bionic ตัวใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ 5nm เป็นครั้งแรกบนอุตสาหกรรมมือถือ และเพิ่งเปิดตัวไปกับ iPad Air 4 เมื่อเดือนที่แล้วนั่นเอง โดยจากผลทดสอบของ GeekBench 5.0 ที่ได้คะแนน Single-Core 1583 และ Multi-core 4198 คะแนน ทำให้คำนวณง่าย ๆ ว่าประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน 18% เลยทีเดียวครับ
รองรับ 5G แน่
อีกเรื่องที่ต้องมาแล้วบน iPhone 12 ก็คือเรื่องของการรองรับเครือข่าย 5G ซึ่ง iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นนี้ก็จะรองรับ 5G ทั้งหมดด้วย และมี Smart Data mode เพื่อจัดการเรื่องของการสลับสัญญาณให้เสถียรและประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกต่างหาก
แรม 6GB และความจุเริ่มต้นใหม่ในรุ่น Pro
สำหรับความจุ iPhone 12 mini และ iPhone 12 จะมีตัวเลือกความจุมาให้เหมือนเดิมคือ 64GB, 128GB และ 256GB แรมก็จะมีมาให้ 4GB เท่าเดิม แต่รุ่น Pro จะเขยิบความจุขึ้นมาเป็นเริ่มต้น 128GB และตามด้วย 256GB กับ 512GB ส่วนแรมก็อัปเกรดขึ้นมาเป็น 6GB เท่ากับ iPad Pro 2020 เลยด้วย
กล้องใหม่ปรับปรุงยกชุดทั้ง Wide, Ultra Wide และ Tele
และเรื่องกล้อง iPhone 12 รอบนี้จะอัปเกรดขึ้นมาอีกขั้น โดยจะมีได้กล้องมาไม่เท่ากันแบ่งเป็น
- iPhone 12 mini และ iPhone 12 จะมีกล้องหลัง 2 ตัวซึ่งเป็นเลนส์ Wide กับ Ultra Wide
- iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ก็จะมีกล้อง 3 ตัว Wide, Ultra Wide, Tele และมีเพิ่มเซ็นเซอร์ LiDar สแกนเนอร์เข้ามาแบบที่เห็นบน iPad Pro 2020 ด้วยครับ
โดยในกล้องหลักนั้นจะมีการอัปเกรดให้เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น เก็บภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม และตัวเลนส์ Ultra Wide ก็จะเก็บภาพได้ดีขึ้นมี Autofocus ให้ใช้งานเป็นเลนส์ macro ได้ด้วย
เลนส์ซูมใหม่ 4x และ 5x
ส่วนเลนส์ซูม ลือกันว่า iPhone 12 Pro นั้นจะสามารถซูมได้แบบ Optical ที่ 4x ในขณะที่ iPhone 12 Pro Max จะเก่งขึ้นไปอีกสามารถซูม Optical ได้ที่ 5x เลยและยังซูม Digital ได้ถึง 30x ด้วยครับ โดยจะมีซอฟต์แวร์อย่าง Deep Fusion และ Smart HDR คอยจัดการภาพให้ชัดขึ้นไปอีก
วิดีโอสูงสุด 4K 120fps หรือ 240fps
และในเรื่องวิดีโอว่ากันว่า iPhone 12 นั้นจะอัปเกรดให้รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงถึง 4K 120fps หรือ Slow motion ที่ 240fps ได้เลย เพิ่มความสามารถด้านวิดีโอให้โดดเด่นขึ้นไปอีก
ราคาและวันวางจำหน่าย
ปิดท้ายที่เรื่องราคาและวันวางจำหน่าย iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นอาจเปิดตัวพร้อมกันในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ แต่วันวางจำหน่ายและเปิดจองอาจต่างกันในแต่ละรุ่นด้วยครับ ตามข้อมูลที่ได้มาก็จะตามนี้เลยครับ
iPhone 12 mini เริ่มต้น $699 หรือราว ๆ 21,700 บาท
(เริ่มเปิดจองวันที่ 6 พ.ย.63 วางจำหน่าย 13 พ.ย.63)
iPhone 12 เริ่มต้น $799 หรือราว ๆ 24,800 บาท
(เริ่มเปิดจองวันที่ 16 ต.ค.63 วางจำหน่าย 23 ต.ค.63)
iPhone 12 Pro เริ่มต้น $999 หรือราว ๆ 31,000 บาท
(เริ่มเปิดจองวันที่ 16 ต.ค.63 วางจำหน่าย 23 ต.ค.63)
iPhone 12 Pro Max เริ่มต้น $1099 หรือราว ๆ 34,100 บาท
(เริ่มเปิดจองวันที่ 13 พ.ย.63 วางจำหน่าย 20 พ.ย.63)
เปิดตัววันที่ 13 ต.ค.นี้แล้ว
ก็ถือว่าเป็นการสรุปคร่าว ๆ อีกสักครั้งก่อนเปิดตัวของ iPhone 12 เรียกว่าค่อนข้างครบแล้วทีเดียวล่ะ ทั้งรูปลักษณ์ตัวเครื่อง, สเปคภายใน รวมถึงราคาก็ด้วย ยังไงก็รอติดตามข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกทีว่า แท้จริงแล้ว iPhone 12 จะออกมาเป็นแบบไหน วันที่ 13 ต.ค.เวลาเที่ยงคืนเตรียมรับชมกันได้เลยครับ :D
ที่มา : Everything Apple Pro, Macrumors, Phonearena, GSMArena