เผยข้อมูล TikTok แอปที่ทรัมป์ไม่ปลื้ม! แอบเก็บข้อมูลอะไรของเราไว้ อันตรายจริงหรือไม่!?
วันนี้ทรัมป์แบนอะไร? ใครที่ได้ติดตามข่าวสารก็คงจะรู้เรื่องราวของการที่โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศสั่งแบนแอพพลิเคชั่นสัญชาติจีนที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมีผู้ใช้งานมากกว่า 500 ล้านคนอย่าง TikTok ซึ่งเป็นสื่อสังคม social รูปแบบหนึ่ง มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเผยแพร่วิดีโอคอนเทนต์ต่างๆ และถึงแม้ว่าจะเป็น application แบรนด์จีนแต่กลับได้รับความนิยมไปทั่วโลกแม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งให้ Microsoft เข้าซื้อกิจการของ TikTok ภายใน 45 วันหลังจากมีคำสั่ง และได้ทำการแบน application แล้วในสหรัฐอเมริกา โดยอ้างเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือ ทรัมป์ได้อ้างว่าแอป Tiktok นั้นแอบขโมยข้อมูลของผู้ใช้งาน แม้ว่าทางบริษัทจีนจะออกมาโต้แย้งว่าข้อมูลถูกเก็บนอกประเทศจีนและไม่มีการขโมยข้อมูลก็ตาม แล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?
TikTok แอบเก็บข้อมูลจริงหรือไม่?
ต้องบอกว่าภายใน app มีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานจริง ซึ่งข้อมูลที่ทำการเก็บไว้นั้นมีจำนวนมหาศาล โดยจะมีการบันทึกเกี่ยวกับข้อมูลและตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งาน รุ่นของมือถือและระบบใช้งาน วีดีโอที่เคยดูและแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงบันทึกข้อความที่ได้พิมพ์หรือเคยคัดลอกไว้ หลายๆ application ก็มีระบบการเก็บข้อมูลแบบนี้เช่นเดียวกัน
ยกตัวอย่างใกล้ตัวสุดก็คือ Facebook ที่มีกันแทบทุกคนนั้นมีคลังเก็บข้อมูลมหาศาล หลายครั้งที่เราพิมพ์บางสิ่งลงไปแล้ว app สามารถแสดงสิ่งนั้นขึ้นมาที่หน้าเรื่องราวอย่างน่าประหลาดใจ อย่างเช่น เราอาจจะพิมพ์คำว่าอาหารเกาหลีในหน้าค้นหา หรือไปกดถูกใจเพจเกาหลีสักเพจ ในเวลาไม่นานเราจะเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับร้านขายอาหารเกาหลีมากมายอยู่เต็มหน้าฟีด ซึ่งสิ่งนี้ก็จัดว่าไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงอะไร เว้นซะแต่ว่าข้อมูลที่ถูกเก็บไว้นั้นเป็นข้อมูลที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่ง TikTok ก็เคยมีความผิดเกี่ยวกับการแอบเก็บข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุไม่ถึง 13 ปี จนโดนปรับเป็นเงินกว่า 180 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นค่าปรับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การกระทำความผิดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็กและเยาวชน
อีกปัญหาหนึ่งที่หลายคนมีความกังวลใจเกี่ยวกับ Application ที่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัว ก็คือการซื้อขายข้อมูลผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และเคยเป็นข่าวใหญ่โตมาแล้วกับ app social ชื่อดังที่ได้ออกมายอมรับว่ามีการขายข้อมูลให้กับบริษัทต่างๆ เพื่อการโฆษณาจริง อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงได้กระทั่งหน้าข้อความ Messenger เพื่อแชทโต้ตอบได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการรวบรวมข้อมูล เพื่อไขข้อสงสัยในเรื่องการแบน TikTok ว่านอกจากเรื่องการเมืองแล้ว จุดอ่อนของ app ในมุมมองผู้ใช้งาน และเป็นสิ่งที่เราควรจะรู้ไว้ว่าข้อมูลอะไรของเราถูกจัดเก็บเอาไว้บ้าง ผู้ปกครองที่มีเด็กและเยาวชนใช้งานแอป TikTok ก็ควรจะสอดส่อง ใส่ใจและระมัดระวังข้อมูลของเด็กให้มากขึ้น ส่วนข้อพิพาทความขัดแย้งระหว่าง TikTok และสหรัฐอเมริกา จะลงเอยอย่างไรก็ต้องรอติดตามข่าวสารกันต่อไป
Source: theverge, edition.cnn, forbes
Image Source: businessinsider