บทสรุป! เหตุการณ์แฮกทวิตเตอร์คนดัง บารัค โอบามา, อีลอน มัสก์, ทิม คุก, พบหัวโจกอายุ 17 ปี!
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา เราได้รับรู้เหตุการณ์การแฮกครั้งยิ่งใหญ่ โดยเป็นการแฮคแอคเคาท์ Twitter ของเหล่าคนดัง ทั้งอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา CEO ของ Apple ทิม คุก CEO รถยนต์ไฟฟ้า Tesla อีลอน มัสก์ และคนดังอีกมากมาย โดยเป็นการแฮกในรูปแบบของการโพสต์ข้อความสแปมหลอกลวงเกี่ยวกับ Bitcoin ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก และมีความข้องเกี่ยวกับบุคคลสำคัญจำนวนมาก จึงเป็นหน้าที่ของ FBI ที่ต้องเข้ามาตรวจสอบและหาตัวผู้กระทำความผิด จนสามารถตามตัวแฮคเกอร์มือดีมาลงโทษได้
หลังจากมีการสืบสวน หลักฐานพุ่งเป้าไปที่วัยรุ่นวัย 17 รายหนึ่งซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการเบื้องหลังการแฮกทวิตเตอร์คนดัง ก่อนจะตามมาด้วยการจับกุม Graham Clark (Kirk) วัยรุ่นชายวัย 17 ปี ในรัฐฟลอริดาโดยถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 30 ข้อหาด้วยกัน ตั้งแต่ฉ้อโกง การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การละเมิดเข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีอำนาจ มีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 30 ราย รวมความเสียหายเป็นเงินถึง 100,000 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาแค่ 1 วัน
ซึ่งนอกจากเด็กหนุ่มวัย 17 นี้แล้ว ยังมีชื่อผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนคือ Nima Fazeli (Rolex) อายุ 22 ปี จากออร์แลนโด และ Mason Sheppard (Chaewon) อายุ 19 ปี สหราชอาณาจักร จากเอกสารอ้างอิงพบว่าการแฮกทั้งหมดเริ่มขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม โดย Clark วัยรุ่น วัย 17 ปี ที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายส่วนหนึ่งของทวิตเตอร์ได้ จากนั้นได้ทำการติดต่อกับแฮกเกอร์อีก 2 คนผ่าน forum OGUsers ใน Discord ซึ่งเป็น forum สำหรับแฮกเกอร์เพื่อการซื้อและขายบัญชีโซเชียลมีเดีย ถูกสืบสาวจนนำไปสู่การจับกุม
Mason Sheppard (Chaewon) อายุ 19 ปี ถูกตั้งข้อหาในคดีอาญาเขตทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย และสมคบกันหลอกลวงเพื่อการฟอกเงิน
Nima Fazeli (Rolex) อายุ 22 ปี ถูกดำเนินคดีอาญาในเขตทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ข้อหาให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการป้องกันโดยเจตนา
ส่วนผู้กระทำผิดคนที่ 3 Graham Clark อายุ 17 ปีเป็นเด็กและเยาวชน จะถูกดำเนินคดีเด็กและเยาวชนในศาลรัฐบาลกลาง และจะมีการปิดผนึกเพื่อปกป้องตัวตนของเด็กและเยาวชนตามกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชนรัฐบาลกลางกระทรวงยุติธรรม
โดยหลังจากมีการจับกุมแล้วก็มีการออกมาเปิดเผยว่า hacker ที่เป็นอาชญากรทางไซเบอร์ อาจมีความเข้าใจผิดว่าสามารถกระทำได้เพราะไม่ต้องระบุชื่อและไม่สามารถสาวกลับมาถึงตัวคนทำได้ แต่การจับกุมในครั้งนี้นับเป็นข้อพิสูจน์ว่าอาชญากรทางไซเบอร์ไม่สามารถซ่อนตัวอยู่หลังคีย์บอร์ดได้อีกต่อไป หน่วยสืบราชการลับมีความมุ่งมั่นและความสามารถที่จะดำเนินการตามหาผู้กระทำความผิดทางไซเบอร์ได้อย่างแน่นอน
นี่ก็เป็นสารแจ้งเตือนถึงเหล่าแฮกเกอร์ทั้งหลายที่กำลังพยายามเจาะเข้าระบบที่ไม่ได้รับอนุญาตว่าอย่าชะล่าใจ เพราะทุกอย่างสามารถตรวจสอบโยงไปถึงต้นต่อการกระทำความผิดได้ และเป็นกรณีศึกษาสำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเพิ่มฐานความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญให้แน่นหนามากยิ่งขึ้น
Source: justice.gov, wfla, zdnet