Review: Fitbit Charge 4 นาฬิกาเพื่อสุขภาพมี GPS ในตัวพร้อมวัดชีพจรแบบเรียลไทม์และฟีเจอร์เด็ดๆ อีกเพียบ
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวไอทีทุกคนนะคะ กู๊ดดรีม TechXcite มาส่งรีวิวถึงมือทุกคนกันอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ได้เวลาลุกขึ้นมาขยับร่างกายออกกำลังเพื่อสุขภาพกันแล้ว ยิ่งช่วงของการกักตัวแบบนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการหากิจกรรมทำเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดรีมจะนำมารีวิวในวันนี้ก็คือ Fitbit Charge 4 เป็น Fitness Tracker หรือนาฬิกาเพื่อสุขภาพ ตัวช่วยดีๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้เราลุกมาออกกำลังกายแล้วยังช่วยประเมินผลสุขภาพให้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอใน Fitbit Charge 4 ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกเพียบ มันสามารถทำอะไรได้บ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กันเลย
แกะกล่อง
มาดูอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องกันก่อน นาฬิกาถูดจัดวางอยู่ในล็อคห่อพลาสติกเรียบร้อยที่หน้าจอ เพื่อป้องกันการขีดข่วน
สำหรับรุ่นที่ดรีมได้มาเป็นรุ่น Special Edition ซึ่งจะเป็นสายผ้าดีไซน์เรียบหรูสวยงามรับกับหน้าจอสีดำ ส่วนในกล่องก็ยังมีสายสำรองสำหรับสาย Special Edition ให้ 1 สาย และก็สายซิลิโคนสีดำอีกสองสาย หากใครต้องการเปลี่ยนสายก็สามารถดึงออกมาได้เลยจากหน้าจอ Display สวยทั้งสองสายเลย
และก็มีแท่นชาร์จใส่มาให้ด้วย โดยมีหัวเป็น USB สามารถเสียบชาร์จได้กับทั้งเต้าเสียบและที่ชาร์จไฟสำรอง ตัวแท่นชาร์จมีลักษณะเป็นเหมือนหัวหนีบที่สามารถง้างออกเพื่อหนีบเข้ากับตัวเครื่องเพื่อการชาร์จ
ที่ขั้วสีทองสามจุดเป็นบริเวณที่เรานะนำไปเสียบเข้ากับแท่นชาร์จด้านบน วิธีการชาร์จเพียงแค่ง้างแท่นชาร์จออกเล็กน้อยแล้วเสียบหน้าจอลงไปที่แท่นชาร์จโดยให้ขั้วทองแดงของทั้งสองอุปกรณ์ชนกัน ซึ่งมันจะมีล็อคของมันอยู่ถ้าเราเสียบตรงมันจะงับไม่ให้ตัวเครื่องขยับระหว่างการชาร์จ
ส่วนบนที่เหนือขั้วชาร์จคือจุดที่จะวัดชีพจร ซึ่งมันจะนูนออกมานิดๆ คิดว่าเพื่อความแม่นยำในการตรวจวัดชีพจรที่สามารถวัดได้แบบเรียลไทม์ ทีนี้มาดูเรื่องของดีไซน์กันบ้าง
ดีไซน์
มาเริ่มกันที่สายก่อน ใครที่เลือกสายแบบ Special Edition ถึงราคาจะต่างจากรุ่นปกติแต่ดรีมคิดว่ามันคุ้มค่าสำหรับการได้สายผ้าที่มีลวดลายโดดเด่นมากกว่า ส่วนสัมผัสของสายผ้านั้นมีความแข็งเล็กน้อยเพื่อรักษารูปทรงแต่ไม่ได้แข็งกระด้างบาดข้อมือ ความกว้างประมาณ 2 ซม. ผู้หญิงใส่ก็กระชับมือไม่ดูเทอะทะ ผู้ชายใส่ยิ่งเสริมบุคลิคให้ดูสปอร์ตแมนมากขึ้น ดีไซน์คือแจ่มมากเพราะนอกจากเรื่องของประโยชน์แล้วเรื่องความสวยงามก็เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ มาดูที่หน้าจอกันบ้าง
สำหรับหน้าจอเป็นหน้าจอทัชสกรีน แบบ OLED พร้อมกระจกป้องกันรอย โดยการแสดงผลบนหน้าจอสามารถปรับแต่งได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Fitbit
เมื่อลองดูรอบๆ ตัวเครื่องนั้นไม่มีปุ่มหรือพอร์ทใดๆ มีเพียงด้านซ้ายของตัวเครื่องที่ทำหน้าที่ในการเปิดปิดหน้าจอหรือกดเลือกเมนูต่างๆ ควบคุมโดยการแตะเบาๆ เครื่องก็จะสั่นเล็กน้อยเสมือนยืนยันคำสั่ง
ฟีเจอร์ใน Fitbit Charge 4
- เซนเซอร์วัดชีพจรแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง
- ควบคุมและรับผลการวิเคราะห์ผ่านแอปพลิเคชั่น
- กันน้ำได้ลึกสุด 50 เมตร
- รองรับกิจกรรมเพื่อการออกกำลังกายถึง 20 รายการ
- มี GPS ในตัว
- NFC เพื่อการจ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay
- ติดตามการนอนหลับ
- เซนเซอร์ SpO2 วัดระดับออกซิเจน
- รับการแจ้งเตือนแอปพลิเคชั่น พร้อมการตอบกลับแบบเร่งด่วน
- โหมดห้ามรบกวนระหว่างการนอน
- ควบคุมเพลงผ่าน Spotify
- แบตเตอรี่ยาวนาน 7 วัน
เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจเรียลไทม์
ใน Fitbit Charge 4 จะมีรูปแบบของเซอร์เซอร์วัดชีพจรแบบออปติคอล ซึ่งมันสามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจเราได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง แล้วยังมี Active Zone Minutes แสดงอัตราการเต้นของหัวใจแต่ละช่วงการเต้นของหัวใจ (Heart rate zone) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายอีกด้วย
แอปพลิเคชั่น Fitbit
การออกกำลังกายและผลการวิเคราะห์ต่างๆ จะถูกเก็บข้อมูลและบันทึกอยู่ในแอปพลิเคชั่น Fitbit ซึ่งสามารถโหลดได้ฟรีบน Play Store และ App Store โดยภายในแอปจะเก็บข้อมูลสุขภาพ การออกกำลังกาย การนอนหลับ ดื่มน้ำและอีกหลายๆ อย่างรวมไปถึงโหมดของการแนะนำการออกกำลังในรูปแบบต่างๆ ที่เราสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ภายในแอปพลิเคชั่น
Activity Tracker
ใน Fitbit Charge 4 จะมีระบบติดตามกิจกรรมภายในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งจำนวนการก้าวเดิน การเดินขึ้นทางลาด การดื่มน้ำ แคลอรี่ที่เผาผลาญต่างๆ ซึ่งจะแสดงบนหน้าจอพร้อมการแจ้งเตือนเป้าหมายในแต่ละวัน อย่างเช่นวันนี้เราต้องเดินอีกกี่ก้าวถึงจะบรรลุตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกกิจกรรมเพื่อการออกกำลังกายได้มากถึง 20 กิจกรรมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเดิน วิ่ง ปีนเขาหรือว่ายน้ำ ซึ่งใน Fitbit Charge 4 สามารถกันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตรจึงรองรับกิจกรรมทางน้ำด้วย
ติดตามการนอนหลับ
และเมื่อสวมใส่ระหว่างการนอนหลับ Fitbit Charge 4 จะสามารถวิเคราะห์การนอนของเราได้ทั้งหมด 3 ระดับแบบอธิบายเข้าใจง่ายๆ คือ
REM การนอนหลับที่ยังมีการขยับตัว พลิกตัว ดวงตากลอกไปมา
Light ช่วงเวลาของการนอนหลับที่สบายที่สุด
Deep การนอนหลับลึก
ซึ่งอุปกรณ์สามารถบันทึกข้อมูลการนอนทั้งสามรูปแบบของเราได้วิเคราะห์ช่วงเป็นเวลา อีกทั้งยังมีการให้คะแนนการนอนหลับของเราด้วยว่าอยู่ในระดับที่เท่าไหร่ในแต่ละวัน แล้วยังสามารถควบคุมอุปกรณ์ระหว่างการนอนหลับเพื่อป้องกันการรบกวนได้ด้วย และประโยชน์ของเซนเซอร์ SpO2 เพื่อการอ่านกราฟระดับออกซิเจนในเลือดเพื่อประเมินผลการหายใจในช่วงนอนหลับได้ด้วย แล้วยังมี Smart Wake เพื่อปลุกให้ตื่นในเวลาที่เหมาะสมโดยจะแจ้งเตือนด้วยเสียงและการสั่น
การจ่ายเงินด้วย Fitbit Pay
อีกหนึ่งความพิเศษของ Fitbit Charge 4 คือรองรับ NFC เพื่อการจ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay ได้ด้วย โดยสามารถใช้กับบริการขนส่งสาธารณะบางชนิดและร้านค้าที่ร่วมบริการ นอกจากความสะดวกแล้วก็ดูจะเป็นความเท่ของการแตะนาฬิกาเพื่อการจ่ายตังแทนการหยิบกระเป๋าเงินควักบัตรให้วุ่นวาย ซึ่งสามารถผูกบัญชีเข้ากับธนาคารชั้นนำได้หลากหลายเลย โดนตั้งค่ารหัสและข้อมูลต่างๆ ผ่านทางแอปพลิเคชั่น
มี GPS ในตัว
หากใครที่ชื่นชอบการวิ่งก็ไม่จำเป็นต้องถือโทรศัพท์ติดตัวเพื่อดูระยะทางอีกต่อไป เพราะใน Fitbit Charge 4 มี GPS ในตัว ซึ่งเราสามารถใช้นาฬิกาเพื่อจับเส้นทางการวิ่งแล้วนำมาซิงค์เข้ากับแอปเพื่อดูเส้นทางได้เลย เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Fitbit Charge 4
ควบคุมเพลงผ่าน Spotify
การออกกำลังกายและการฟังเพลงเป็นของคู่กัน ซึ่งใน Fitbit Charge 4 สามารถควบคุมการเล่นเพลงผ่าน Spotify ได้ด้วยสำหรับผู้ใช้งานแบบพรีเมียม ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์มากดเพิ่มเสียงเปลี่ยนเพลงให้วุ่นวาย
แบตเตอรี่ยาวนาน 7 วัน
สุดท้ายนี้ เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ เพราะมีหลายคนที่เลือกซื้อนาฬิกาโดยวัดจากความจุของแบตเตอรี่เพื่อไม่อยากชาร์จบ่อย ซึ่งใน Fitbit Charge 4 มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 7 วันด้วยกัน แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-polymer ชาร์จเต็มจาก 0 - 100 ประมาณ 2 ชั่วโมง
สรุปการใช้งาน
ถ้าใครที่ได้ใช้งาน Fitbit กันมาก่อนจะรู้สึกได้ว่า Charge 4 ตัวนี้มีการดึงความสามารถหลายอย่างจากตัว Versa ซึ่งมีราคาแพงกว่ามาย่ออยู่ในรุ่นที่เล็กลงราคาถูกลง ในเรื่องความสามารถและฟีเจอร์พื้นฐานก็ให้มาครบครัน จุดเด่นก็จะมีเรื่องของการเพิ่ม GPS เข้ามาในตัว และ NFC เพื่อการจ่ายเงินผ่าน FItbit Pay ที่รองรับการจ่ายเงินในไทยแล้วซึ่งสร้างความสะดวกสบายมากขึ้น และเซนเซอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่วัดผลกันแบบเรียลไทม์เพื่อวิเคราะห์ผลการออกกำลังให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนดีไซน์ก็ดูเท่ล้ำ กระชับหน้าใช้งานเหมาะกับทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ราคา
รุ่นธรรมดา ราคา 6,490 บาท
รุ่น Special Edition สายผ้าแบบพิเศษ ราคา 6,990 บาท
จุดเด่น
- มี GPS ในตัว
- เซนเซอร์วัดการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์
- NFC จ่ายเงินผ่าน Fitbit Pay
- รองรับกิจกรรมเพื่อการออกกำลังกายมากกว่า 20 รูปแบบ
- ระบบติดตามกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
ข้อสังเกต
- ยังไม่รองรับภาษาไทยจึงยากต่อการรับข้อความผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ
- หน้าจอยังเป็นขาวดำ