มาย้อนรอยดูการระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์โลก
เมื่อ Covid-19 ถูกจัดเป็น Pandemic
จากสถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ซึ่งยังคงลุกลามและยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ Covid-19 จัดเป็นการระบาดแบบ Pandemic หรือการระบาดครั้งใหญ่ที่มีผู้ป่วยทั่วโลก หลังจากพบผู้ติดเชื้อใน 118 ประเทศ มีผู้ติดเชื้อกว่า 126,000 กว่าคน และจำนวนผู้เสียชีวิต 4,630 คน
ซึ่งความหมายของการจัดการระบาดแบบ Pandemic ไม่ใช่เพื่อการประกาศแบบตื่นตูม เพราะความหมายของมันอธิบายแบบง่ายๆ คือทุกคนสามารถติดเชื้อได้ ซึ่งหลังจากการประกาศออกไป แน่นอนว่าส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งเรื่องของตลาดหุ้นที่ตกต่ำถึงขีดสุด การประกาศสภาวะฉุกเฉินในหลายประเทศ หรือผู้นำประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่ สี จิ้น ผิง ที่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นพร้อมยอมรับว่านี่คือสภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดของจีนในรอบ 70 ปี
ในบทความนี้เราจึงจะมาย้อนรอยกันถึงการกระบาดของโลกครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งถูกจัดเป็นการระบาดแบบ Pandemic ว่าเกิดโรคร้ายแรงอะไร สร้างความเสียหายและผลกระทบมากขนาดไหน Covid-19 จะสร้างหายนะได้อย่างในอดีตหรือไม่ เราย้อนกลับไปดูกัน
HIV / AIDS ในปี 2005-2012 ผู้เสียชีวิต 36 ล้านคน
ค้นพบครั้งแรกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปี 2519 เอดส์ถูกจัดเป็นโรคระบาดครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 36 ล้านคนตั้งแต่ปี 2524 ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อ HIV อยู่ประมาณ 31 ถึง 35 ล้านคน จนกระทั่งได้พัฒนาการรักษาแบบใหม่ซึ่งทำให้เอชไอวีสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น ผู้ติดเชื้อหลายคนยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ และในปี 2548 ถึง 2555 จำนวนผู้เสียชีวิตจากเอชไอวี / เอดส์ทั่วโลกลดลงจาก 2.2 ล้านคนเหลือ 1.6 ล้านคน นับเป็นการระบาดครั้งยิ่งใหญ่ที่มียอดผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกงในปี 1968 ผู้เสียชีวิต 1 ล้านคน
การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ที่ถูกเรียกว่า “ ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง” เป็นการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ปี 1968 เกิดจากเชื้อ H3N2 ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นเชื้อสายพันธุกรรมของสายพันธุ์ H2N2 ถูกรายงานการค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2511 ในฮ่องกงก่อนจะใช้เวลาเพียง 17 วันระบาดในสิงคโปร์และเวียดนาม จากนั้นภายในสามเดือนก็แพร่กระจายไปยังฟิลิปปินส์ อินเดีย ออสเตรเลีย ยุโรปและสหรัฐอเมริกา และถึงแม้ว่าการระบาดของโรคในปี 1968 มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำประมาณ (.5%) แต่ก็ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งล้านคน โดย 500,000 คนในจำนวนผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่ในฮ่องกง ประมาณ 15% ของประชากรในเวลานั้น
ไข้หวัดใหญ่ ในปี 1956-1958 ผู้เสียชีวิต 2 ล้านคน
ไข้หวัดใหญ่เป็นการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของ H2N2 ที่กำเนิดในประเทศจีนปี พ. ศ. 2499 และจนถึงปี 2501 เป็นระยะเวลาสองปีเชื้อของไข้หวัดใหญ่เดินทางจากจังหวัดกุ้ยโจวไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกงและสหรัฐอเมริกา การประมาณการผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา โดยองค์การอนามัยโลกประกาศจำนวนผู้เสียชีวิตขั้นสุดท้ายอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน เป็นประชากรในสหรัฐอเมริกา 69,800 คน
ไข้หวัดใหญ่ ในปี 1918 ผู้เสียชีวิต 20-50 ล้านคน
การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลก ทำให้เกิดการติดเชื้อหนึ่งในสามของประชากรโลกและจบชีวิตของผู้คนที่จำนวน 20 - 50 ล้านคน จากผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมด 500 ล้านคนในการระบาดใหญ่ในปี 1918 อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10% ถึง 20% โดยมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 25 ล้านคนในระยะเวลาเพียงแค่ 25 สัปดาห์แรก
อหิวาตกโรค ในปี 1910-1911 ผู้เสียชีวิต 800,000 คน
อหิวาตกโรคระบาดขึ้นในอินเดียมีผู้เสียชีวิตกว่า 800,000 คนก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกและรัสเซีย อหิวาตกโรคระบาดในครั้งนี้เป็นที่มาของการระบาดของอหิวาตกโรคในอเมริกา (2453-2454) ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอเมริกันได้เรียนรู้จากที่ผ่านมาและพยายามแยกผู้ติดเชื้อออกอย่างรวดเร็วและในที่สุดเหลือผู้เสียชีวิตเพียง 11 รายที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาปีพ. ศ. 2466 ปัจจุบันอหิวาตกโรคเริ่มห่างหายไปแม้ว่าจะยังคงอยู่ในอินเดียก็ตาม
กาฬโรค ในปี 1346-1353 ผู้เสียชีวิต 75 - 200 ล้านคน
จากปี 1346 ถึง 1353 เกิดการระบาดของโรคระบาดที่ทำลายยุโรป แอฟริกาและเอเชียโดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 75 ถึง 200 ล้านคน คาดว่ามีถิ่นกำเนิดในเอเชีย สาเหตุของโรคระบาดที่เกิดขึ้นในทวีปต่างๆ คือหมัดที่อาศัยอยู่ในหนูซึ่งอาศัยอยู่บนเรือพ่อค้า ซึ่งท่าเรือเป็นศูนย์กลางเมืองที่สำคัญในเวลานั้น จึงเป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับหนูและหมัดทำให้แบคทีเรียที่ร้ายกาจอย่างกาฬโรคแพร่พันธ์อย่างรวดเร็วและร้ายกาจเพียงพอจะทำลายล้างสามทวีปในเวลาเดียวกัน จนเกิดจำนวนของผู้เสียชีวิตจากโรคบาดครั้งเลวร้ายที่สุดนี้ถึง 75 - 200 ล้านคน
เมื่อกลับไปดูสถิติผู้ติดเชื้อ Covid-19 จากทั่วโลกแล้วพบผู้ติดเชื้อ 126,000 กว่าคน และจำนวนผู้เสียชีวิต 4,630 คน เมื่อเปรียบเทียบสถิการระบาดของโรคครั้งยิ่งใหญ่ในอดีตกับสถานการณ์ในปัจจุบันอาจจะดูเหมือนสถานการณ์ยังคงดูดีกว่า แต่การประกาศสภาวะฉุกเฉินเป็นการเตือนให้ทุกคนเห็นความสำคัญและความน่ากลัวของโรคชนิดนี้ซึ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วทั้งโลก ในระยะเวลาสั้นๆ ความโชคดีของเราต้องขอบคุณโนโลยีทางการแพทย์ที่ทำให้สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้ สิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถช่วยหยุดยั้งไวรัสตัวนี้ได้คือการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากแหล่งแพร่พันธุ์ เพื่อที่เราจะไม่นำไวรัสไปแพร่กระจายต่ออย่างไม่จบสิ้น
Source: nature, msfindia, nytimes, gisanddata, bbc, mphonline, commons.wikimedia