เอไอเอส ขับเคลื่อนองค์กรในวันสิ่งแวดล้อมไทย
เดินกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เอไอเอส เดินหน้าภารกิจสำคัญในการร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสิ่งแวดล้อมของคนไทย ด้วยภารกิจ “Mission Green 2020” อาสาเป็นแกนกลางในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) อย่างถูกวิธีและยั่งยืน ตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 1 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนสมมูลย์ (kgCO2e) พร้อมทั้งปรับปรุงการใช้ทรัพยากรในการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้คุ้มค่าและไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “ในฐานะDigital Life Service Provider ที่นอกจากจะมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีมาสร้างประโยชน์ให้แก่คนไทยทุกเจเนอเรชันอย่างยั่งยืนแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจแบบเติบโตไปพร้อมกันทุกภาคส่วน (Stakeholder) โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นทรัพย์สมบัติของชาติที่ทุกคนต้องร่วมกัน
หวงแหนและรักษาไว้”
โดยภายในองค์กร เอไอเอส เลือกที่จะใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติมาผสมผสานในการบริหารจัดการเครือข่าย โดยมุ่งเสาะแสวงหาโซลูชันใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ เช่น การเลือกใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนหมุนเวียนมาใช้แทนถ่านหินซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป (พลังงานสิ้นเปลือง) รวมไปถึงการพยายามควบคุมและลดการใช้ไฟฟ้าในการปฏิบัติงานต่างๆ ลง
นอกจากนั้นยังมุ่งสร้างการมีส่วนร่วมและการตระหนักรู้ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงานภายในองค์กร ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ โครงการ Bag for Sharing ที่นำแผ่นไวนิลโฆษณาที่ไม่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการทำความสะอาดและตัดเย็บขึ้นรูปเป็นกระเป๋าผ้า ไว้ให้บริการพนักงานสำหรับนำไปใช้ระหว่างวัน เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง รวมไปถึงการรณรงค์ให้พนักงานคัดแยกขยะในออฟฟิศเพื่อไม่ให้ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ในส่วนของจุดบริการลูกค้า เอไอเอสช็อป และเซเรเนดคลับทุกสาขา ได้เปลี่ยนขวดน้ำ หลอด
และแก้ว จากเดิมที่เป็นพลาสติก เป็นวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ชานอ้อยหรือไม้ รวมถึงเปลี่ยนไปใช้ถุงพลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากพืช ซึ่งได้รับเครื่องหมายรับรอง GC Compostable บ่งบอกถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ เอไอเอส ยังได้สานต่อภารกิจ “ถ้าเราทุกคน คือเครือข่าย” ปลูกจิตสำนึกคนไทย โดยรับอาสาเป็นแกนกลางในการรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ไปกำจัดอย่างถูกวิธี โดยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถนำโทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่มือถือ พาวเวอร์แบงก์ สายชาร์จ หูฟังที่ไม่ใช้แล้ว มาทิ้งได้ที่ถังขยะ E-Waste ที่เอไอเอสช็อปทั่วประเทศและศูนย์การค้าของCPN พร้อมทั้งสร้างการตระหนักรู้กับพนักงานโดยการตั้งจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่สำนักงานใหญ่ทุกภูมิภาคและยังได้จัดกิจกรรมใหญ่ “กรีน พหลโยธิน” เครือข่ายรณรงค์รับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ E-Waste จากหน่วยงานและประชาชนตลอดเส้นถนนพหลโยธิน สร้างโมเดลต้นแบบเมืองสีเขียว ที่สามารถ คัดแยก และกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ E-Waste ได้อย่างถูกวิธี
“ในปีนี้ เอไอเอส ได้ประกาศภารกิจยิ่งใหญ่ “Mission Green 2020” ที่มีเป้าหมายในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมกว่า 1 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนสมมูลย์ (kgCO2e) ให้ได้ภายในสิ้นปี 2020 ผมจึงขอใช้โอกาสเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย 4 ธันวาคมนี้ เชิญชวนคนไทยร่วมกันดูแลโลกของเรา โดยการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่มือถือ พาวเวอร์แบงก์ สายชาร์จ และหูฟัง มาทิ้งในถังรับ E-Waste ที่เราได้จัดเตรียมไว้ และเราจะนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป” นายสมชัย กล่าวเสริม
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ E-Waste
ได้ที่ https://ewastethailand.com