Review : Sony A6600 กับจุดเด่นที่รวมเทคโนโลยีความสุดยอดมาอยู่ในร่างกล้องเซ็นเซอร์ APS-C
รอบนี้น้าป๋วยมีกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดมารีวิวให้ชมกันกับกล้อง Sony A6600 ซึ่งกล้องรุ่นนี้เปิดตัวออกมาก็ได้รับเสียงชื่นชมในเรื่องของสเป็คที่จัดเต็ม และทาง Sony เองก็วางตำแหน่งให้กล้อง Sony A6600 เป็นกล้องระดับเรือธงในกลุ่มกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ APS-C ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้งานทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ซึ่งแน่นอนว่าต้องจัดเต็มเทคโนโลยีต่างๆอัดแน่นมาไว้ในกล้องรุ่นนี้ เดี๋ยวเรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เป็นจุดเด่นของ Sony A6600 รวมถึงมาดูว่าทำไมกล้องรุ่นนี้จึงตอบโจทย์ได้ทั้งสายถ่ายภาพและสายวีดีโอด้วย
เริ่มจากในส่วนของสเป็คคร่าวๆกันก่อนแล้วกัน มีรายละเอียดคร่าวๆดังนี้
- เซ็นเซอร์ ขนาด APS-C Exmor CMOS พร้อม BIONZ X รุ่นใหม่ล่าสุด ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล
- ISO 100-32,000 (ขยายได้ถึง 102,400)
- โฟกัส 425 จุด แบบ Phase Detection และ Contrast Detection สามารถโฟกัสได้ภายใน 0.02 วินาที
- ระบบกันสั่น 5 แกน ช่วยลดการสั่นไหวได้ 5 สตอป
- โฟกัสได้ในที่แสงน้อยตั้งแต่ -2 ถึง 20 EV
- ความเร็วชัตเตอร์ 1/4000-30 วินาที
- วิวไฟน์เดอร์อิเล็กทรอนิกส์ ความละเอียด Tru-Finder 2.4 ล้านจุด
- หน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 921,600 จุด สามารถบิดพับเพื่อถ่ายภาพ Selfie ได้
- ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วสูงสุด 11 ภาพต่อวินาที
- รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K
- มีช่องเสียบไมโครโฟน, ช่องเสียบหูฟัง
- บอดี้มีซีลป้องกันละอองน้ำ ละอองฝุ่น
- ใช้แบตเตอรี่รุ่น NP-FZ100 ถ่ายภาพได้สูงสุด 810 ภาพตามมาตรฐาน CIPA
- น้ำหนักบอดี้ 503 กรัม รวมแบตเตอรี่
จากข้อมูลสเป็คตัวกล้อง Sony A6600 นั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดภายนอกว่ามีการปรับปรุงเข้ามา ได้แก่ เรื่องของช่องเสียบหูฟังซึ่งรุ่นก่อนๆไม่มี และเรื่องของแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนมาใช้เป็นรุ่น NP-FZ100 ที่ขึ้นชื่อว่าอึดมาก ส่วนสเป็คหน้ากระดาษอื่นๆดูแล้วอาจจะไม่ได้หวือหวาหรือมีการเปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเทียบกับ Sony A6400 , A6500
แต่ความเป็นจริงแล้ว จากการใช้งานพบว่า Sony A6600 เป็นกล้องที่มีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีอื่นๆเข้ามาในกล้องตัวนี้ โดยนำเอาจุดเด่นของกล้องรุ่นใหญ่อย่าง Sony A9 หรือ A7R IV มาย่อส่วนลงในบอดี้ขนาดเล็กและลดขนาดเซ็นเซอร์ลง เปรียบเสมือนร่างทรงของกล้องรุ่นใหญ่ แต่ออกมาตอบโจทย์ผู้ต้องการกล้องตัวเล็กที่ทำงานได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งเดี๋ยวจะมาขยายความว่าตรงที่บอกว่าเป็นร่างทรงกล้องรุ่นใหญ่หมายความว่ายังไง
ส่วนรูปร่างหน้าตาของตัวกล้องนั้น ยังคงรูปแบบดีไซน์เดิม ไม่ค่อยมีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก แต่มีจุดหนึ่งที่สังเกตเห็นก็คือ Sony A6600 ตัดแฟลชป๊อปอัพออกไป เพราะปกติแล้วกล้องรุ่นก่อนๆนั้นมีแฟลชป๊อปอัพให้ใช้งาน เข้าใจว่าตรงจุดนี้เป็นเพราะกล้องรุ่นนี้ถูกวางให้เป็นกล้องรุ่นโปร ซึ่งบรรดามืออาชีพมักไม่ใช้งานแฟลชป๊อปอัพสักเท่าไรนัก เนื่องจากแสงแข็งและมีขนาดเล็กไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เลยตัดออกไปดีกว่าเหลือเพียงฮอทชูสำหรับใช้งานกับแฟลชต่อภายนอกดีกว่า
อีกอย่างหนึ่งที่มีการปรับปรุงในส่วนบอดี้ภายนอกแต่ลืมบอกไป นั่นคือ กริปจับที่ออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น การจับถือจะเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น รวมถึงการรองรับกับขนาดแบตเตอรี่รุ่นใหม่ด้วยจึงมีขนาดกริปจับที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง
และสิ่งที่เป็นจุดขายอย่างหนึ่งของกล้อง Sony A6600 ก็คือการเปลี่ยนมาใช้งานแบตเตอรี่รุ่น NP-FZ100 นั่นเอง เหตุผลที่กล้องตัวนี้น่าใช้งานที่สุดเมื่อเทียบกับกล้องในตระกูล A6XXX ทั้งหลายก็น่าจะเป็นจุดนี้เลยก็ว่าได้ เพราะแบตเตอรี่รุ่นนี้ได้รับการยอมรับในความอึด หนึ่งก้อนสามารถใช้งานได้ทั้งวัน จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริงหลายๆคนที่บอกว่าเมื่อใช้งานกับกล้อง Sony A9 หรือ A7III แล้ว กดได้มากกว่าหนึ่งพันรูป และจากการนำไปใช้งานจริงของน้าป๋วยเองก็พบว่า แบตเตอรี่รุ่นนี้ในกล้อง Sony A6600 สามารถใช้งานได้แบบถึกทนจริงๆ โดยรวมใช้งานแบบทั่วไปหลังจากได้กล้องมาทดสอบทั้งวัน กดรูปไปราวๆ 600 ภาพ พร้อมอัดคลิปวีดีโอประมาณ 20 นาที แบตเตอรี่ยังเหลืออยู่ราวๆ 20% !!! แถมถ้าใครใช้ Sony A7III , A7R III หรือ A9 อยู่ก็สามารถซื้อมาเป็นกล้องสำรองใช้งานแบตเตอรี่ร่วมกันได้
ส่วนที่มีการอัพเกรดภายในอย่างเรื่องการป้องกันละอองน้ำและฝุ่นก็ทำให้กล้องตัวนี้สามารถใช้งานได้สมบุกสมบันมากขึ้น รวมถึงกลไกม่านชัตเตอร์ที่ทาง Sony ระบุว่าผ่านการทดสอบได้ถึง 200,000 ครั้ง และมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ระบบการตั้งค่าภาพแบบอัตราส่วน 1:1 เพื่อใช้งานกับการแชร์ภาพบนโซเชียลมีเดีย , ฟังค์ชันล็อคค่า White Balance เพื่อให้โทนสีมีความสม่ำเสมอ ไม่เปลี่ยนไปขณะถ่ายภาพ , ปุ่ม Custom Funtion 4 ปุ่ม (C1-C4) , โหมดถ่ายภาพ Time-Lapse และการเลือกตาซ้าย-ขวา ในระบบ Eye-AF เป็นต้น เรียกได้ว่ากล้องรุ่นใหญ่ เขามีอะไร กล้อง Sony A6600 ก็ใส่มาให้เหมือนกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อสังเกตคือ ช่องใส่การ์ดนั้นยังคงมีช่องเดียว และรองรับแค่ UHS-I ยังไม่ได้จัดเต็มเป็นแบบ UHS-II เหมือนพวก Sony A9 (จริงๆอยากให้ใส่ UHS-II มาเลยจะแจ่มกว่านี้)
มาดูเรื่องของภาพถ่ายทดสอบกันบ้างดีกว่า จุดเด่นแรกบอกไปแล้วว่าคือเรื่องของแบตเตอรี่ที่อึดมาก ไม่ต้องพกหลายก้อนอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการใช้งานกล้องทั้งวัน หรือต้องเดินทางถ่ายภาพแล้วไม่สะดวกหาที่ชาร์จ รวมถึงสายวีดีโอที่ต้องใช้งานหนักมากๆ น่าจะลดภาระเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ไปได้เยอะเลย ส่วนจุดเด่นต่อมาที่จะมาบอกเล่าก็คือ เรื่องของระบบโฟกัสในกล้อง Sony A6600 นั่นเอง
กล้อง Sony A6600 มาพร้อมกับระบบโฟกัสแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี 4D Focus ซึ่งใช้การคำนวณพื้นที่ด้านกว้างในรูปแบบ 2D และคำนวณความลึกระยะห่างของกล้องกับวัตถุในรูปแบบ 3D บวกกับสุดท้ายเป็นการคาดการณ์และติดตามการเคลื่อนไหวของวัตถุ ซึ่งเป็นการคำนวณเรื่องเวลาที่วัตถุเคลื่อน จึงเรียกว่า 4D โดยเทคโนโลยีนี้มีมาตั้งแต่ Sony A6300 แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือ การใช้ระบบ Real Time Tracking บวกกับการใช้ AI เข้ามาช่วยในการโฟกัสภาพด้วย
ระบบ Real Time Tracking คืออะไร ระบบนี้คือระบบโฟกัสแบบต่อเนื่องที่ทำงานทันทีหลังจากที่แตะชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง หรือแตะหน้าจอเพื่อกำหนดจุดที่จะโฟกัสติดตามวัตถุ กล้องจะทำงานร่วมกับระบบ AI ที่ทำงานด้วยอัลกอริธึมจดจำวัตถุนั้นๆ โดยคำนวณทั้งเรื่องใบหน้า , ดวงตา , สี , รูปแบบ , ระยะทางและลักษณะของรูปร่างลักษณะ โดยมีการประมวลผลในตัวกล้องแบบทันทีทันใดจึงเรียกว่า Real Time และจะติดตามวัตถุไปเรื่อยๆแบบชนิดที่เรียกว่าจิกไม่ปล่อย เลยทำให้ง่ายต่อการถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดายขึ้นนั่นเอง หากใครไม่เข้าใจ ลองดูตัวอย่างวีดีโอด้านล่างนี้ประกอบได้เลยว่า กล้องมีการคำนวณอะไรบ้างในการโฟกัส
ทีนี้มันต่างอย่างไรกับระบบโฟกัส Tracking แบบเดิมๆ ก็ต้องอธิบายว่า ระบบ Real Time Tracking นั้น ตัวกล้องใช้ระบบประมวลผลแบบทันทีทันใด คล้ายกับตามนุษย์ที่พยายามปรับโฟกัสให้ชัดตลอดเวลา ซึ่งจะพึ่ง AI ในการสั่งการและควบคุมว่าจะให้เลนส์หมุนหาโฟกัสไว้ที่จุดใด และกล้องต้องใช้จุดโฟกัสตำแหน่งไหน ทำให้การโฟกัสเปลี่ยนไปตามวัตถุที่เคลื่อนที่อย่างแม่นยำ แต่ในขณะที่ระบบ Tracking เดิมนั้น อาศัยแค่การคำนวณเรื่องสี รูปแบบ ระยะทางและคอนทราสต์ของภาพที่กล้องเห็นเท่านั้น ระบบ Tracking เดิมจึงไม่รู้ว่าจะโฟกัสไปที่ไหนอีกหากวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือมีคอนทราสต์ที่เปลี่ยนไป รวมถึงยังทำงานได้ช้าเพราะต้องคอยโฟกัสใหม่เรื่อยๆ ไม่ได้ทำงานต่อเนื่อง Real Time นั่นเอง
และด้วยความฉลาดของระบบโฟกัส Real Time Tracking จึงทำให้กลายเป็นว่ากล้อง Sony A6600 ที่นำไปใช้งานสามารถถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวรวดเร็วได้อย่างง่ายดาย คือกล้องจะรู้ว่าต้องโฟกัสที่จุดไหนเป็นหลัก และติดตามการเคลื่อนที่โดยไม่หลุดโฟกัส (หากเป็นเมื่อก่อน ก็ต้องโฟกัสล่วงหน้าไว้ก่อน ส่วนกล้องจะจับโฟกัสทันหรือไม่นั้นก็ต้องเสี่ยงดวงกันเพราะระบบโฟกัสต้องคอยย้ำโฟกัสซ้ำๆไม่ต่อเนื่องเหมือนระบบ Real Time Tracking) นั่นหมายความว่ามือใหม่ที่อยากถ่ายภาพแนวแอ็คชั่น ก็จะกลายเป็นมือโปรได้ง่ายๆด้วยกล้องตัวนี้ เพราะต้องยอมรับเลยว่า น้าป๋วยไม่ถนัดเรื่องการถ่ายภาพนก แต่พอมาจับกล้องตัวนี้แล้วบวกกับความสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องที่ความเร็วสูงสุด 11 ภาพต่อวินาที กลายเป็นว่าได้ภาพแอ็คชั่นสวยๆมารีวิวได้อย่างง่ายดาย
และไม่ใช่แค่นั้น Real Time Tracking ยังใช้งานกับการทำงานของระบบ Eye AF ด้วย ซึ่งระบบนี้ก็เป็นที่รู้กันว่ากล้องจะประมวลผลค้นหาใบหน้าและจะโฟกัสภาพที่ดวงตา โดยใน Sony A6600 มีทั้ง Real Time Eye AF ทั้งในคนและสัตว์ แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือ Real Time Eye AF สำหรับคนนั้น ใช้งานกับการถ่ายวีดีโอได้ด้วย เดี๋ยวไปดูตัวอย่างวีดีโอที่ทดสอบการใช้งานเรื่องระบบโฟกัสและตัวอย่างอื่นๆที่ได้จากกล้องตัวนี้กัน
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับตัวอย่างการใช้งานวีดีโอในกล้อง Sony A6600 จะเห็นได้ว่าทำงานได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของการแตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัสกับการถ่ายวีดีโอด้วยระบบ Real Time Eye AF ซึ่งกล้องจะโฟกัสที่ตานางแบบตลอดเวลาที่มีการเคลื่อนที่ ทำให้หน้านางแบบคมชัดตลอดเวลา แถมยังโฟกัสภาพได้ลื่นไหลไม่มีอาการกระตุกวืดวาดด้วย ดังนั้นใครที่เป็นสายถ่ายวีดีโอ นี่ก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งสำหรับการนำกล้อง Sony A6600 ไปใช้ โดยเฉพาะสายถ่ายวีดีโอ VLOG เพราะสามารถบิดพับจอขึ้นมาถ่าย Selfie ได้ พร้อมๆกับที่กล้องจะโฟกัสที่หน้าเราเองตลอดเวลา ส่วนเสียงและภาพจากตัวกล้องแบบดิบๆเลย (ไม่มีตัดต่อ ไม่มีใช้ไมโครโฟนภายนอก ไม่มีเกรดสี) จะเป็นยังไงไปดูตัวอย่าง VLOG ที่ได้นางแบบมาอาสาลองถ่ายวีดีโอทดสอบเป็นตัวอย่างให้ชมกันได้เลย
ส่วนเรื่องภาพนิ่งอื่นๆเป็นอย่างไรบ้างนอกเหนือจากเรื่องโฟกัสที่เป็นจุดเด่นหลักไปแล้ว ก็ค้องบอกว่าทาง Sony มีการพัฒนาเรื่องระบบการจัดการไฟล์ภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของ Skin Tone ที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยกล้อง Sony A6600 สามารถให้โทนภาพที่สมจริงในส่วนรายละเอียดของผิวคน และสดใสมากขึ้นกว่าเดิม ภาพที่ได้ก็จะไม่อมเหลืองหรือดูไม่สดใส
และแน่นอนว่ากล้อง Sony A6600 นั้นเป็นกล้องที่มาพร้อมกับการทำงานแบบมืออาชีพเลย ดังนั้นเรื่องของการที่กล้องมีระบบกันสั่นมาให้ในตัว ก็ถือเป็นจุดเด่นที่ไ้ด้เปรียบอยู่พอสมควรในการตัดสินใจ เพราะสามารถนำไปใช้งานกับเลนส์ที่ไม่มีกันสั่นก็ยังได้อานิสงส์ของตัวกล้องที่มีระบบกันสั่นรองรับ และแม้ว่าจะเป็นกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ APS-C แต่การนำเลนส์ Full Frame มาใช้ร่วมกันก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะ Sony เขาตั้งใจออกแบบระบบเมาท์เลนส์ให้ใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมดอยู่แล้ว อย่างภาพตัวอย่างด้านล่าง น้าป๋วยก็เลือกใช้งานเลนส์ Sony FE 90mm F2.8 Macro G เพื่อถ่ายภาพระยะใกล้ เนื่องจากเลนส์ดังกล่าวให้ความคมชัด และเมื่อใส่กับ Sony A6600 แล้วให้อัตราขยายสูงโดยไม่ต้องเข้าใกล้มากนัก
ส่วนถ้าใครเป็นสายท่องเที่ยวแล้ว หากจะเลือกกล้อง Sony A6600 เป็นกล้องคู่ใจไว้ใช้งานก้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย เพราะจุดเด่นที่บอกไปแล้วเรื่องของ แบตเตอรี่ที่อึดอยู่ได้นาน ก็น่าจะทำให้การถ่ายภาพท่องเที่ยวสนุกขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดกลางทริป และอีกจุดเด่นที่สำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ขนาดบอดี้นั้นไม่ได้ใหญ่มากนัก การเลือกกล้องที่มีขนาดเล็กสำหรับการท่องเที่ยว ช้วยให้ไม่เป็นภาระมากนัก คุณยังเที่ยวได้สนุกไปพร้อมๆกับได้ภาพสวย และเมื่อพูดถึงภาพสวยๆก็ต้องพูดถึงไฟล์ภาพที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลเหมือนกันในการตัดสินใจเลือกซื้อกล้องสักตัว จากการใช้งาน Sony A6600 ถ่ายภาพแนวท่องเที่ยวทั่วไป พบว่ากล้องตัวนี้ตอบสนองได้ดีในเรื่องการโฟกัส และไฟล์ภาพที่ได้ก็ถือว่าใช้งานได้ดี และกล้องรุ่นนี้ตั้งค่า ISO ได้ตั้งแต่ 100-32000 (ขยายเป็น 50-102400 ได้)
ลองดูตัวอย่างภาพด้านบนที่ถ่ายด้วย ISO 6400 ดูละกันว่า Noise ออกมาในภาพให้เห็นมากน้อยแค่ไหน ตรงจุดนี้เห็นแล้วต้องบอกว่าคุณภาพไฟล์ของ Sony A6600 ดีเกินพอ ส่วนถ้าใครใช้งานแบบหนักๆ ดัน ISO สูงกว่านี้ ไม่ค่อยแนะนำเท่าไรนะ เพราะคุณภาพมันจะด้อยลง เอาเป็นว่าน้าป๋วยรับได้กับ ISO ที่ 6400 เอาไปใช้งานได้สบายๆเลย
อีกหนึ่งจุดเด่นของกล้อง Sony A6600 ก็คือ การมีวิวไฟน์เดอร์นี่แหละ และไม่ใช่แค่มีมาให้นะ แต่คือคุณภาพของวิวไฟน์เดอร์นั้นดีมาก ความละเอียดของวิวไฟน์เดอร์ 2,359,296 จุด นี่คือทำให้การมองภาพในช่องมองไม่ปวดตา สามารถปรับเฟรมเรทให้ทำงานได้ดีขึ้นเป็น 100fps (PAL) ช่วยให้การถ่ายภาพในเวลากลางวันแล้วมองเห็นภาพได้ชัดเจน
แล้วมีอะไรอีกที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพได้อีก นอกเหนือจากเรื่องแบตเตอรี่อึด , ระบบโฟกัสที่แม่นยำรวดเร็ว , ขนาดกล้องที่กะทัดรัดและคุณภาพไฟล์ ก็ต้องบอกว่ากล้อง Sony A6600 แม้จะเน้นเรื่องการใช้งานแบบมืออาชีพ การควบคุมกล้องต่างๆก็ยังมีระบบช่วยถ่ายภาพแบบง่ายอยู่เหมือนเดิม เช่น Scene Mode หรือ Auto Mode ที่เน้นการใช้งานสะดวกสำหรับมือใหม่ เวลาจะถ่ายหน้าชัดหลังเบลอก็ทำได้ง่ายๆแน่นอน ตัวกล้องมีฟีเจอร์การใช้งานครบครัน มีกันสั่นในตัว มีวิวไฟน์เดอร์ดีๆให้ใช้ เรียกได้ว่า เป็นกล้องตัวจบที่แท้จริงในตอนนี้ ไม่ใช่แค่สายท่องเที่ยว แต่นักถ่ายภาพสายอื่นๆก็เหมาะกับกล้องตัวนี้ไม่ว่าจะเป็นแนวมาโคร แนวถ่ายสต็อคหรือแนวถ่ายภาพแอ็คชั่น น้าป๋วยถึงได้เรียกว่าเป็นร่างทรงของกล้องรุ่นใหญ่ที่ย่อขนาดลงมาในตอนแรกนั่นเอง
ส่วนสำหรับงานวีดีโอ ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน เพราะจัดเต็มเรื่องระบบโฟกัส , ตัวกล้องมีช่องหูฟังและไมโครโฟนมาในตัวเรียบร้อย แถมยังถ่ายวีดีโอ 4K Super 35 มม 30p/25p ได้ รองรับ S-LOG3 รวมถึงหน้าจอระบบสัมผัสเพื่อการโฟกัสและบิดหน้าจอถ่าย VLOG Selfie ได้ ใครจะอัพเกรดกล้องเพื่องานสวยๆ รองรับการทำงานครบๆ ตัวนี้น่าจะทำได้ดีแน่ๆ
สำหรับกล้อง Sony A6600 จากการได้มารีวิว ขอบอกเลยว่าเป็นกล้องที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่ครบครันสำหรับผู้ที่ต้องการกล้องที่ใช้งานได้ทั้งการถ่ายวีดีโอและภาพนิ่ง เพราะเทคโนโลยีเด่นๆของ Sony ถูกนำมาใส่ไว้ในกล้องตัวนี้หลายอย่างมากๆ จนกลายเป็นว่าถ้าหากต้องการกล้องที่เป็นตัวจบ ไม่อยากค้างคาใจในเรื่องสเป็คและฟีเจอร์การใช้งาน เลือกตัวนี้เถอะครับ เพิ่มเงินอีกหน่อยจากรุ่นรอง มาจบทีเดียวดีกว่า ส่วนถ้าใครอยากหากล้องสำรองไว้ใช้งานจากตัว Full Frame ในแบบที่ไม่รู้สึกว่าดาวน์เกรดจนเป็นกล้องที่ไม่น่าใช้ ก็ต้องเลือก Sony A6600 อีกเช่นกันเพราะสเป็คมันสุดจริงๆในระบบ APS-C ตอนนี้ 555+
สรุปการใช้งานกล้อง Sony A6600
จุดเด่น
- ระบบโฟกัส Real Time AF คือเร็ว แม่นยำ ใช้งานง่าย ถ่ายภาพหรือวีดีโอได้สนุกแน่นอน
- แบตเตอรี่อึดมาก ลดภาระการพกพาแบตเตอรี่หลายๆก้อนได้
- ขนาดบอดี้เล็กกะทัดรัด เหมาะแก่การพกพาท่องเที่ยว
- หน้าจอสัมผัส บิดพับได้ 180 องศา ใช้ Selfie ได้ ถ่ายวีดีโอก็ดี
- ระบบกันสั่น 5 แแกนในตัวกล้อง
- บอดี้แข็งแรง ทนทาน มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน โดยเฉพาะสายวีดีโอที่ต้องการช่องเสียบไมโครโฟน และหูฟัง
จุดสังเกต
- ไม่มีแฟลชป๊อปอัพ
- ยังไม่รองรับช่องใส่การ์ดแบบ UHS-II
ตัวอย่างภาพที่ได้จากกล้อง Sony A6600