ผลิตภัณฑ์พรีเมียมใหม่ล่าสุดจากฟิตบิท
Versa 2 สมาร์ทวอทช์สั่งงานได้จากเสียง
และบริการ Fitbit Premium เพื่อเข้าถึงคำแนะนำด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิด
- Versa 2 สมาร์ทวอทช์ สั่งงานด้วยเสียงสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ วางจำหน่าย ในประเทศไทยแล้ว โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 7,990 บาท
- Fitbit Premium บริการแบบสมาชิก เพื่อเข้าถึงคำแนะนำด้านสุขภาพและการออกกำลังกายตัวใหม่ล่าสุด โดยราคาสมาชิกที่ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี
Fitbit วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระดับโลกใหม่ล่าสุด Fitbit Versa 2™ ต่อยอดไลน์สินค้าสมาร์ทวอทช์ยอดนิยมตระกูล Fitbit Versa™ รวมถึง Fitbit Premium บริการสมาชิกแบบชำระเงินผ่านทางแอปพลิเคชันของฟิตบิท เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับข้อมูลเชิงลึกผ่านโปรแกรมเฉพาะบุคคลด้วยคำแนะนำด้านสุขภาพและการออกกำลังกายแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับคำแนะนำที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงเพื่อถึงเป้าหมายด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย
นอกจากนี้ เพื่อช่วยพัฒนาพฤติกรรมการนอนซึ่งเป็นรากฐานของสุขภาพที่ดี Fitbit Versa 2 ได้เพิ่มฟังก์ชั่นสุดอินโนเวทีฟ ที่ออกแบบมาเพื่อติดตามการนอน อาทิ Sleep Score และ Smart Wake เพิ่มเติมด้วยดีไซน์เสริมสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50เมตร พร้อมด้วยไมโครโฟนในตัวเครื่อง และ Fitbit Pay ในทุกๆ รุ่น สามารถเชื่อมโยงกับแอปพลิชันแห่งเสียงเพลงอย่าง Spotify ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานผ่านตัวเครื่อง พร้อมฟังเพลงและพอดแคสต์เพื่อสร้างแรงจูงใจได้ตลอดเวลาอย่างไม่มีสะดุด
อุปกรณ์แวร์เอเบิล Versa 2 วางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าชั้นนำ อาทิ B2S, Dotlife, Jaymart, King Power, Lazada, Power Buy, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน และศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ทุกสาขา พร้อมกับการทำงานที่เร็วขึ้น หน้าจอการแสดงสีที่ดีขึ้น แอปพลิเคชันและหน้าปัดนาฬิกากว่า 3,000 รายการ และตัวเลือกสำหรับเปิดหน้าจอในระบบ always-on พร้อม battery life มากกว่า 6 วัน ตอกย้ำถึงการเป็นสมาร์ทวอทช์สุดพรีเมียมเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วโลกที่พร้อมดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ตลอด 24 ชั่วโมง
Versa 2 มาใน สี Black กรอบคาร์บอน สี Petal กรอบอลูมิเนียมสี Copper Rose และสี Stone กรอบสี Mist Grey โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 7,990 บาท อุปกรณ์เสริมมีราคาตั้งแต่ 960 บาท ถึง 3,200 บาท และ Versa 2 Special Edition สี Navy และ Pink กรอบอลูมิเนียมสี Copper Rose และสี Smoke กรอบสี Mist Grey ราคา 8,990 บาท
ฟีเจอร์ใหม่ของฟิตบิทเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจพฤติกรรมการนอนของตนเอง แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขหรือพัฒนาการนอนให้ดียิ่งขึ้น
- Sleep Score: ผู้ใช้สามารถดูคะแนนด้านการนอนหลับได้ในแอปพลิเคชัน Fitbit เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านคุณภาพการนอนของตนเอง โดยคะแนนเหล่านี้จะมาจากการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ (ระดับการพักผ่อนและนอนหลับ) ความกระสับกระส่ายในช่วงเวลานอน เวลาที่ตื่นและระดับการนอนหลับ หรือ Sleep Stage และ ผู้ใช้ยังสามารถสมัครสมาชิก Fitbit Premium หากต้องการดูรายละเอียดเรื่อง Sleep Score ที่มากขึ้น
- Smart Wake: สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์ทุกรุ่นเร็วๆ นี้ โดยฟีเจอร์ Smart Wake นี้ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยปลุกคุณให้ตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นที่เหมาะสม เมื่ออยู่ในช่วง Light หรือ REM ของการนอนหลับ โดยจะปลุกจากการตั้งค่าและจะเว้นช่วงครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นได้
- Sleep Mode: เมื่อตั้งการใช้งานในโหมดนี้ เครื่องจะหยุดการทำงานของการแสดงค่าบนหน้าจอและปรับการตั้งค่าเตือนให้อยู่ในโหมดเงียบ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ถูกรบกวนตลอดคืน Sleep Mode ยังสามารถใช้งานได้ ทุกๆ ครั้งที่ผู้ใช้ไม่ต้องการการรบกวน เช่นเมื่อกำลังประชุมหรือออกกำลังกาย
- Estimated Oxygen Variation Graph: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะสามารถให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ เป็นกราฟแสดงผลที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นระดับอ็อกซิเจนในเลือดของตนเอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกวัดด้วยเซ็นเซอร์เรดและอินฟราเรดที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง การรู้ค่าอ็อกซิเจนในเลือดในระยะสั้นจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเรื่องการหายใจขณะนอนหลับได้มากขึ้น
สำหรับบริการ Fitbit Premium ซึ่งใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกที่ฟิตบิทรวบรวมมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาการและการแพทย์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ได้ขยับร่างกายมากขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น และมีโภชนาการที่ดีผ่านโปรแกรมที่เป็นส่วนตัวด้วยฟีเจอร์ประเมินข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคล การประเมินด้านการนอนขั้นสูง รายงานด้านสุขภาพ และแนวทางการออกกำลังกายกว่าพันรายการ ทั้งหมดนี้ถูกรวบรวมอยู่ในที่เดียว โดยในการเปิดตัวนี้ได้รวบรวมคำแนะแนวแบบครบวงจรสำหรับไลฟ์สไตล์สุดเฮลตี้ อาทิ แนวทางการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ การสร้างนิสัยสำหรับการนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ การเพิ่มความแอคทีฟ แนะแนวฝึกฝนการวิ่ง การนับแคลอรี่ แนะแนวสำหรับลดการบริโภคน้ำตาลและเกลือ พร้อมทั้งโปรแกรมอีกมากมาย อาทิ การโค้ชที่นำไปทำตามได้จริง ข้อแนะนำประจำวัน การออกแบบการออกกำลังกาย เครื่องมือในการพักผ่อน คู่มือปรุงอาหาร และข้อมูลให้ความรู้อีกมากมาย ที่ไม่ว่าผู้ใช้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมือใหม่ในเรื่องการดูแลสุขภาพ Fitbit Premium ก็สามารถไปถึงเป้าหมายได้ โดยจะให้บริการในราคาสมาชิกที่ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี และยิ่งไปกว่านั้นฟิตบิทยังวางแผนเตรียมข้อเสนอมากมาย รวมไปถึงการพัฒนาฟีเจอร์นวัตกรรมบริการ Premium อย่างไม่หยุดยั้งตามคำแนะนำของผู้ใช้งาน