จากเหตุการณ์ Google ประกาศแบน Huawei มีใครได้ - ใครเสียบ้าง?
จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ลุกลามมาถึงธุรกิจการสื่อสาร ทำให้หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐหยุดทำธุรกิจกับ Huawei ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่า Huawei จะเจอปัญหาใหญ่นี้คนเดียว แต่จริงๆ แล้ว ผู้บริโภคอย่างแน่นอนว่าจะได้โดยหางเลขไปด้วย รวมถึงบริษัทอย่างพวกผู้ผลิตชิ้นส่วน หรือผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นก็จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เช่นกัน
ซึ่งแม้จะยังคาดเดาอะไรตอนนี้ไม่ได้มาก ว่าทิศทางจะไปทางไหน แต่แน่นอนว่าเมื่อมีบางคนเสีย มันก็ต้องมีคนที่ได้เช่นกัน ลองไปชมบทวิเคราะห์จาก GSMArena ครับว่า จะมีใครได้ใครเสียกับการแบนของ Huawei ตอนนี้กันบ้าง
ฝ่ายเสียผลประโยชน์
Huawei, Honor
แน่นอนว่าต้องเริ่มต้นที่ Huawei และบริษัทย่อยอย่าง Honor ซึ่งตอนนี้มีการประกาศจาก Google ออกมาแล้วว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่ในท้องตลาด และบางรุ่นที่กำลังจะวางขาย จะยังใช้งานได้ "ปกติ" คือสามารถเข้าใช้งาน Google Play Store ได้ มี Security Updates และใช้งานเหมือนตอนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในตอนนี้
แต่ในอนาคตมีโอกาสโดยลอยแพสูงมาก ตอนนี้ใช้ Android เวอร์ชั่นไหนอยู่ ก็อาจไม่ได้ต่อ รวมถึง Android 10 Q ที่กำลังจะมาในปีนี้ด้วย ดังนั้นอาจเลิกพูดถึง Android R ในปีหน้าไปได้เลย
ส่วนรุ่นใหม่กว่านั้นที่ยังไม่เปิดตัว จะไม่สามารถใช้งาน Google Services ต่างๆ ได้อีก ซึ่งแน่นอนว่าแม้จะแทบไม่มีผลกระทบกับ Huawei ในตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีนเลย เพราะในจีนนั้นมีบริการพวกแอปพลิเคชัน, เกม, โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือแผนที่นำทางของตัวเองใช้อยู่แล้ว
แต่นอกประเทศล่ะ คุณจะซื้อสมาร์ทโฟนที่ไม่มีบริการเหล่านี้ได้เหรอ อาจเป็นไปได้ว่า Huawei น่าจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาแผนสำรองมารองรับเรื่องนี้อย่างเช่นทำ OS เองมันซะเลย หรืออื่นๆ อันนี้ต้องรอติดตามกันต่อไป
ผู้ใช้สมาร์ทโฟน
ผู้ใช้อย่างเราๆ นี่ล่ะครับ อาจเสียโอกาสจากเทคโนโลยีของ Huawei เพราะค่ายนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน (รวมถึงมีแนวโน้มเติบโตสูงมากด้วยในอนาคต ถ้าไม่มาโดนเตะตัดขาซะก่อนแบบตอนนี้) โดยเฉพาะในด้านกล้องถ่ายภาพ และกำลังตีตลาดพรีเมี่ยมของ Apple และ Samsung ในปัจจุบัน รวมไปถึงแบรนด์อย่าง Honor ที่ตีตลาดกลางกับ Samsung และ Xiaomi อย่างสนุกในตอนนี้ด้วย
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้้ก็ทำให้ Google เสียผลประโยชน์เช่นกัน เพราะแบรนด์ทั้ง Huawei และ Honor เป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้ระบบปฏิบัติการ Android OS เข้าถึงผู้คนได้อย่างมาก แน่นอนว่าจะทำให้ผู้ใช้ Android OS ลดลงอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย
Android OS
ตัวระบบปฏิบัติการเองก็อาจได้รับความซวยนี้ไปด้วยครับ เพราะถ้าคุณเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนอกสหรัฐ คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าเกิดวันดีคืนดี คุณทรัมป์ แกประกาศอะไรแบบนี้ขึ้นมาอีก พวกเราจะเป็นรายต่อไปมั้ย? หรือ พวกเราควรเตรียมแผนสำรองอะไรไว้เลยตอนนี้มั้ย? คำถามพวกนี้ต้องเกิดขึ้นมาแน่ และอาจทำให้คนหันมาทำ OS สำรองกันหมด
Huawei เองก็มีแผนสำรองอย่างการทำ OS ของตัวเองที่ชื่อว่า "Hongmeng" เช่นเดียวกับ Samsung ที่เตรียมความพร้อมกับ Tizen OS เอาไว้แล้ว แต่ยังคงมุ่งไปในทาง Android OS ที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน
ผู้ผลิตชิ้นส่วน
ทั้งหมดนี้จะสร้างความหายนะกับผู้จัดหาชิ้นส่วนด้วยเช่นกัน แม้ว่า Huawei มีชิปเซ็ตและโมเด็มของตัวเอง แต่ก็ไม่มีทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น Huawei P30 Pro ใช้หน่วยความจำของ Micron แต่บริษัทก็อยู่ในกลุ่มที่จะไม่ขายให้กับ Huawei อีกต่อไป
ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนเหล่านั้นต้องหาผู้ซื้อรายใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และหัวเว่ยจะต้องหาซัพพลายเออร์ใหม่ และต้องรีบหาอย่างรวดเร็วด้วย
ฝ่ายได้ผลประโยชน์
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่น
ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นนั่้นเอง เพราะตลาดต่อไปอาจจะมีการแข่งขันที่ลดลงเพราะคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Huawei และ Honor อาจหลุดวงโคจรไปนั่นเอง
รวมถึง Huawei เองก็ต้องโฟกัสกับตลาดในประเทศมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคในประเทศจีนจะได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ ในช่วงแรก แต่ไม่แน่ว่าการที่ Huawei ถูกตัดกำลังก็อาจส่งผลกระทบในระยะยาวกับตลาดในประเทศ เนื่องจากอาจทำให้ตลาดขาดการแข่งขันก็เป็นได้
ผู้ใช้สมาร์ทโฟน
ส่วนผู้ใช้ทั่วโลกก็อาจได้รับประโยชน์จากตรงนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่ Apple และ Android OS เป็นสองระบบปฏิบัติการหลักของโลกมานาน ต่อไปนี้เราอาจได้เห็น "ระบบปฏิบัติการใหม่" ถูกพัฒนาแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าผู้บริโภคเองก็จะได้รับประโยชน์ตรงนี้ด้วยเช่นกัน (คงไม่ใช่ทั้ง Symbian หรือ webOS หรอกนะ น่าจะมาจากจีนซะมากกว่า หรืออื่นๆ ก็เป็นได้ แต่ไม่ใช่มาจากสหรัฐแน่ๆ ล่ะ)
ก็ประมาณนี้ครับ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันว่าอะไรจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง ซึ่งข่าวนี้จริงๆ แล้วก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต ดังนั้นเราต้องจับตาดูกันให้ดีครับ อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะตอนนี้มันส่งผลกระทบมาถึงผู้บริโภคแล้ว
source: gsmarena