ดีไซน์
Review : HUAWEI P40 Pro+ ท็อปสุดของซีรีส์ กล้องเทพ LEICA 5 ตัว
ถ่ายรูปดีที่สุดจริงหรือ !?
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวมือถือรุ่นใหม่กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับ HUAWEI P40 Pro+ สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นท็อปสุดของ HUAWEI ที่จุดเด่นในเรื่องกล้องที่เหนือใคร หลังจากลองใช้งานมาราว 2 สัปดาห์ก็จะขอมารีวิวกันสักหน่อยว่านี่คือรุ่นที่กล้องดีที่สุดจริงหรือ !? แล้วนอกจากเรื่องกล้องแล้วการใช้งานอย่างอื่นเป็นยังไงบ้าง รีวิวนี้ตอบทุกข้อสงสัยเลยครับ !!
ดีไซน์ที่สวยหรู จอโค้งเย้ายวนทุกมิติ
เริ่มต้นกันที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อนเลย HUAWEI P40 Pro+ นั้นเอาจริง ๆ ก็เหมือน P40 Pro แทบจะทั้งหมด แต่เราก็ยังไม่ได้รีวิว P40 Pro เลยเนอะ งั้นขออธิบายรวมในนี้เลยละกัน ตัวหน้าจอของ HUAWEI P40 Pro+ จะเป็นแบบโค้ง 3D สวยทั้ง 4 ด้านตรงนี้ทาง HUAWEI ใช้ชื่อเรียกว่า Overflow Display
ซึ่งตัวขอบหน้าจอจะมีความโค้งลึกลงไปเหมือนน้ำที่กำลังปรึ่ม ๆ อยู่บนแก้วน้ำ ให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสได้เป็นอย่างดี เนียนเวลาเรารูดนิ้วจากมุมจออย่างมากเลยทีเดียว ช่วยให้การใช้งานนั้นดูลื่นไหลและมีมิติกว่าหน้าจอแบบโค้งทั่ว ๆ ไป
แต่เอาจริง ๆ ตัวหน้าจอนั้นจะแสดงผลหลัก ๆ อยู่ในพื้นที่ตรวงกลางอยู่แล้ว จะมีก็แต่ขอบเครื่องที่ล้นออกไปด้านข้าง ส่วนด้านบน-ล่างนั้นยังไม่โค้งตามลงไปซะทีเดียวครับซึ่งตัวฟิล์มหรือกระจกหน้าจอก็ยังพอใช้งานแบบทั่ว ๆ ไปได้อยู่โดยไม่ต้องลงโค้งแบบเต็มจอซะทีเดียว ซึ่งตั้งแต่แกะกล่องก็จะมีฟิล์มแบบ TPU แถมมาให้ด้วย
ขนาดหน้าจอของรุ่นนี้อยู่ที่ 6.58” และใช้จอแบบ OLED ให้ความสวยสดได้เป็นอย่างดีบนความละเอียด 2640 x 1200 พิกเซล สีสันและความคมชัดยังมาในสไตล์ HUAWEI คือเน้นไปที่ความคมชัด Sharpness สูงในทุก ๆ การใช้งาน ถ้าเป็นพวกการดูภาพหรือวิดีโอก็จะคมเข้มเป็นพิเศษเลยใครที่ชอบความคมแบบจัด ๆ ถูกใจแน่นอน
พร้อมกันนี้ยังมี Refresh Rate 90Hz ช่วยให้การตอบสนองตัวหน้าจอนั้นทำได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไปที่ใช้แบบ 60Hz ลองสัมผัสแล้วรู้เลยว่าหน้าจอมันลื่นดีจริง ๆ ปรู๊ดปร๊าด ๆ เลย ถึงแม้จะไม่ถึง 120Hz แต่ด้วยตัวซอฟต์แวร์ EMUI10.1 ที่มีการปรับแต่งซอฟต์แวร์มาให้รองรับอย่างดีแล้วก็ยิ่งเข้ากันไปหมด
รูกล้องหน้า แอบใหญ่ไปหน่อยนะ
ตัวกล้องหน้าของ P40 Pro+ ก็จะวางไว้ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ เป็นกล้องคู่แบ่งเป็นกล้องหลักความละเอียด 32MP และกล้อง IR สำหรับใช้วัดระยะลึกตื้นของภาพรวมถึงสามารถด้านการใช้คำสั่งท่าทางด้วย แต่ส่วนตัวคิดว่ากล้องหน้าแอบใช้พื้นที่บนหน้าจอเยอะไปหน่อย กินมุมซ้ายบนไปพอควรเลย
มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเหมือนเคย ตำแหน่งจะอยู่ตรงเกือบกลางเครื่องเขยิบขึ้นมากว่าตอน P30 Pro พอสมควร แตะใช้งานได้สะวดกและคล่องตัวไม่ต้องคอยเอื้อมนิ้วลงไปให้วุ่นวายครับ
บอดี้เซรามิกหรูหรากว่าที่เคย
พลิกกลับมาดูทมี่ด้านหลังตรงนี้จะเป็นจุดที่แตกต่างกันระหว่าง HUAWEI P40 Pro และ P40 Pro+ แล้วล่ะเนาะ เพราะรุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้วัสดุแบบเซรามิกแล้ว ให้ความหรูหรามากกว่ากระจกพอควรเลย ผิวสัมผัสดูดีพรีเมี่ยมกว่าจะไม่มันวาวเท่ากับตัวกระจกมากนักและทนทานต่อรอยขีดข่วนมากกว่าด้วย
ส่วนสีที่วางจำหน่ายในไทยก็มีสีเดียวคือ Ceramic White ซึ่งมันเป็นสีขาวแบบขาวจริง ๆ สวยมากกกกก เราไม่ค่อยได้เห็นสมาร์ทโฟนฝาหลังขาวเรียบ ๆ แบบนี้มานานแล้ว แถมความขาวนี้ยังตัดกับตัวกรอบเลนส์สีดำได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
แต่ข้อเสียของเซรามิกก็มีเหมือนกันคือเรื่องของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นกระจกอยู่พอสมควร รุ่นนี้หนักถึง 226 กรัม จับถือดูแล้วก็พอรู้ว่าเครื่องแอบหนักตรงบริเวณด้านบนหกว่านิดหน่อยครับ
กล้องหลัง 5 ตัว จัดมาให้เน้น ๆ
ก็เพราะเลนส์กล้องของรุ่นนี้มีมากถึง 5 ตัวนี่เนอะ เลยแอบหนักเป็นธรรมดา วางรวมกันอยู่ในโมดูลกล้องทรงเหลี่ยมที่มุมซ้ายบน คงเอกลักษณ์ของ P Series ด้วยคำว่า LEICA พร้อมสเปคกล้อง VARIO SUMMILUX-H โดยกล้องของ HUAWEI P40 Pro+ ก็มีการอัปเกรดขึ้นมาจาก P40 Pro อีกที
ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้เน้นการถือถ่ายรูปในแนวนอนเหมือนพวกกล้องคอมแพ็ค เพราะออกแบบการวางโลโก้มาเป็นแนวนอนทั้งหมดอยู่แล้วเนาะ
ความนูนของกล้องรอบนี้อาจจะดูเหมือนไม่นูนเท่า P40 Pro เพราะฝาหลักแบบเซรามิกนั้นมีความหนาขึ้นมาอีกหน่อย แต่ถ้าเราวางเครื่องในพื้นเรียบแล้วกดที่มุมบนซ้ายก็ยังเจออาการไม่เสมอของตัวเครื่องอยู่เหมือนเดิม แต่ถ้าใส่เคสก็คงตัดปัญหานี้ไปได้เนาะ
กรอบเครื่องของ P40 Pro+ ยังคงใช้แบบโลหะขัดมันมีความหรูหรามาก สีเงินของขอบพอมาอยู่กับกระจกหน้าจอสีดำและฝาหลังสีขาวนี่ก็ลงตัวสุด ๆ เลยล่ะครับ
ปุ่มกดต่าง ๆ จะอยู่ที่มุมขวามือของตัวเครื่องเหมือนเดิม ที่ปุ่ม Power ก็มีการทำเส้นสีแดงฝังลงไปด้วย ให้อารมณ์ของ Leica แบบที่ HUAWEI ใช้มาอย่างยาวนาน
ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนและตัว IR Blaster ไว้ใช้งานเป็นรีโมทคอนโทรลได้ด้วย ตรงนี้เจ๋งดีเพราะหลาย ๆ แบรนด์ไม่ค่อยมีติดมาให้แล้ว
พอร์ตการเชื่อมต่อก็อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องมีแค่ช่อง USB Type-C พอร์ตเดียวเท่านั้น พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. เอาออกไปเรียบร้อย มีไมโครโฟนและลำโพงหลักอยู่ข้างล่างนี้ด้วยเนาะ
ส่วนช่องใส่ซิมของ P40 Pro+ ก็จะเป็นแบบ Dual-SIM ซึ่งสามารถใส่ NM Card หรือการ์ดความจำภายนอกของ HUAWEI เองได้ด้วยสูงสุดที่ 256GB ครับ
กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ด้วย
ปิดท้ายในเรื่องดีไซน์กับความสามารถกันน้ำกันฝุ่นของ HUAWEI P40 Pro+ ที่รุ่นนี้ได้มาตรฐาน IP68 มา สามารถลงน้ำได้ระดับ 1.5 เมตรนานถึง 30 นาที หายห่วงเรื่องโดนฝนหรือเผลอทำตกน้ำได้เลย
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ HUAWEI P40 Pro+ ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ความสวยงามของหน้าจอเล่นกับความโค้งนี่ดูมีเสน่ห์และแปลกตาดีมาก ๆ วัสดุงานประกอบก็สมเป็นเรือธงรุ่นท็อปสุดใช้เซรามิกที่หรูหราและสวยเอามาก ๆ แต่ก็มีเรื่องที่ยังไม่ชอบเกี่ยวกับดีไซน์อยู่บ้างคือรูกล้องหน้าที่ใหญ่ซะเหลือเกินกินพื้นที่ไปหมด รวมถึงน้ำหนักของตัวเครื่อง 226 กรัมไม่เบาเลยนะ ถ้าถือใช้งานนาน ๆ ก็แอบเมื่อยมือได้เหมือนกันล่ะ
กล้อง
กล้อง Ultra Vision LEICA Penta Camera เหนือระดับกับทุกช่วง
เข้าสู่เรื่องไฮไลท์กับกล้องกันก่อนเลยดีกว่า เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ว่าที่ HUAWEI บอกว่า P40 Pro+ นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่กล้องดีที่สุดนี่จริงแค่ไหน อย่างแรกที่ต้องยอมรับว่าดีจริง ๆ ก็คือ “ฮาร์ดแวร์” เพราะให้กล้องมามากถึง 5 ตัว และได้ระยะมาครบทั้งมุมกว้างไปจนถึงซูมสุดพลังที่เหนือกว่า P40 Pro ไปอีกเท่าตัวเลย สเปคของกล้องทั้ง 5 ตัวก็มีดังนี้ครับ
- 50MP กล้องหลัก Ultra Vision LEICA (23มม.), f/1.9, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28", OIS
- 40MP เลนส์ Ultra Wide Cine (18มม.), f/1.8, มี Autofocus
- 8MP เลนส์ Tele, Optical 3x (80มม.), f/2.4, OIS
- 8MP เลนส์ Periscope, Optical 10x (240มม.), Hybrid Zoom 20x, Digital 100x, f/4.4, OIS
- กล้อง ToF 3D Depth Sensor
- เซ็นเซอร์อุณหภูมิสี แบบ 8 Channel
จะเห็นว่าแค่ฮาร์ดแวร์กล้องนี่ก็โหดทั้งนั้นแล้วจริง ๆ กล้องหลักเป็น 50MP เซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนสมาร์ทโฟนตอนนี้, มีเลนส์ Ultra Wide Cine ที่ความละเอียดถึง 40MP เก็บภาพมุมกว้างได้ดีทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ, และทีเด็ดก็คือช่วงซูมที่ได้เลนส์ซูมมาถึง 2 ตัว Optical 2x และ Optical 10x ช้วยให้การซูมนั้นสมบูรณ์มากขึ้นทั้งซูมไม่เยอะมากไปจนถึงซูมแบบสุดลูกหูลูกตาก็ยังคมชัด
มี Master AI เหมือนเดิม
ในส่วนของการถ่ายภาพแบบ Auto นั้นจะมีฟีเจอร์ Master AI มาให้เลือกเปิดใช้งานเหมือนเดิม ตัวระบบจะเลือกว่าภาพนั้น ๆ ควรใช้ Scene ไหน และปรับแต่งให้ภาพดูสวยมากขึ้น โดยที่เราไม่ต้องมาปรับแต่งทีหลังเพิ่มเลยด้วย เรียกว่าแค่เล็งองค์ประกอบดี ๆ ถ่ายไปยังไงก็สวยอะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ HUAWEI P40 Pro+ ต้องยอมใจจริง ๆ HUAWEI ยังไงก็ HUAWEI ครับ คุณภาพไฟล์ออกมาเยี่ยมมาก ภาพถ่ายจากกล้องหลักที่อัปเกรดขึ้นมานี่ทำให้ภาพดูคมชัดรวมถึงการละลายฉากหลังจากฮาร์ดแวร์เองจริง ๆ ก็ทำได้ดีมาก ด้วยคุณภาพของเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ บวกกับ Master AI ที่ฉลาดขึ้น ภาพไหนที่ย้อนแสงหรือมีความมืดในบางจุดตัว AI ก็ปรับแต่งขึ้นมาแบบที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เล็งกด และเช็กไฟล์ครับสวยแบบไม่ต้องพูดเยอะ
มีเลนส์ Super Wide ที่ใช้แทนเลนส์หลักได้เลย
ในส่วนของเลนส์มุมกว้าง ตัว Wide Cine นั้นให้ความละเอียดมาที่ 40MP เลยถือว่าเป็นเลนส์มุมกว้างที่มีความละเอียดสูงมาก แต่...ความกว้างของเลนส์ตัวนี้จะไม่มากเท่ากับเลนส์ Ultra Wide ตัวอื่น ๆ เพราะได้ระยะเลนส์มาที่ 18 มม. เท่านั้น (ส่วนใหญ่รุ่นอื่น ๆ จะได้ช่วง 16 มม.) เทียบแล้วประมาณ 114 องศาได้ ซึ่งถ้าใครที่อยากได้มุมกว้างแบบจริง ๆ อาจจะไม่ถูกใจนัก แต่ข้อดีก็คือตัวเซ็นเซอร์จะมีอัตราส่วนแบบ 3:2 ทำให้เวลาเราถ่ายภาพออกมาจะได้ใกล้เคียงกับภาพจากกล้อง Mirrorless ดี
และแน่นอนว่าการที่เปลี่ยนมาใช้เลนส์ Ultra Wide Cine นี้ฟีเจอร์การเข้าใกล้วัตถุหรือ Macro ระดับ 2.5 ซม.ก็หายไปด้วยครับ แต่ยังดีที่ตัวเลนส์นั้นยังมีระบบ AF อยู่ ตัวซอฟต์แวร์เลยมีโหมด Close-Up มาให้เหมือนเดิมแต่ระยะจะห่างออกมาที่ประมาณ 4 - 5 ซม.แทน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ Ultra Wide Cine ของ HUAWEI P40 Pro+ อย่างที่บอกว่าตัวเลนส์นั้นมีความกว้างไม่มากนัก ทำให้การเก็บภาพวิวที่กว้างจริง ๆ อาจจะไม่ถูกใจเท่าที่ควร แต่ถ้าเน้นความกว้างที่มากกว่าเลนส์หลัก การสลับมาใช้ตัวนี้ก็ช่วยให้เราได้ภาพที่ยอดเยี่ยมเพราะด้วยตัวเลนส์ที่คุณภาพสูงมาก เป็นเลนส์ Wide ที่เก็บภาพได้ดี เปิด Wide ตลอดภาพที่ได้กว้างและโดดเด่นมาก ๆ
มีเลนส์ซูม 2 ตัวจะระยะไหนก็คมชัด
มาถึงเรื่องซูมที่เป็นจุดเด่นของ HUAWEI P40 Pro+ กันแล้ว เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดที่เพิ่มความสามารถเรื่องกล้องขึ้นจาก P40 Pro ไปอีกด้วยเลนส์ซูมถึง 2 ตัว มี Optical 3x และ Optical 10x เข้ามาชดเชยให้ภาพระหว่างนั้นคมชัดแบบไม่เสียรายละเอียด
เพราะในปัจจุบันปัญหาหลักของสมาร์ทโฟนซูมก็คือความก้าวกระโดดของช่วงเลนส์จาก 1x และไปที่ 5x เลย ทำให้ช่วงซูมระหว่าง 1.1x - 4.9x นั้นจะใช้แบบ Digital แทน นั่นหมายความว่าถ้าเราอยากซูมแบบครึ่งกลาง ๆ ที่ 4.4x ภาพก็อาจจะมีความคมชัดที่ลดลงเพราะ แต่การที่มีเลนส์ซูมมา 2 ระยะแบบนี้ก็จะช่วยให้ระยะห่างของช่วงเลนส์นั้นลดน้อยลงไป
พร้อมทั้งยังใช้เทคโนโลยีบนเลนส์ Periscope แบบใหม่ ทำการชิ่งของกระจกแบบใหม่เป็นตัว U ทำให้ล่นระยะของชิ้นเลนส์ทำให้สามารถซูมแบบ Optical ได้ถึง 10x เป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟนเลยครับ
และซอฟต์แวร์ของ HUAWEI ก็ยังมีการรวมภาพของเลนส์หลาย ๆ ตัวเข้าด้วยกันหรือที่เรียกว่า Hybrid Zoom เข้ามาใช้งานด้วย ซึ่ง HUAWEI เป็นเจ้าแรกเลยที่คิดค้นความสามารถนี้ขึ้นมา ทำให้คุณภาพและความละเอียดนั้นยอดเยี่ยม บน P40 Pro+ สามารถใช้งาน Hybrid Zoom ได้สูงสุด 20x และ Digital ที่ 100x กันเลยครับ
ตัว UI ในการซูมก็ดีขึ้น เมื่อเราซูมไกลออกไปเกินกว่า 15x จะมีตัวไกด์โผล่ออกมาที่มุมซ้ายเพื่อให้รู้ว่าจุดที่เราซูมอยู่มันอยู่จุดไหน ช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสะดวกมากขึ้นไม่ต้องคอยซูมออกมาดูซะก่อน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากการซูมของ HUAWEI P40 Pro+ จะเห็นว่าคุณภาพการซูมของ HUAWEI P40 Pro+ นั้นยอดเยี่ยมมาก การที่มีเลนส์ซูมมา 2 ช่วงนี่ช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดจริง ๆ หวังผลได้ตั้งแต่ 2x - 20x เลย จะซูมใกล้ซูมไกลระบบโฟกัสและระบบกันสั่นก็ยังทำงานได้ดีทั้งหมด ในช่วงที่ไม่ใช่ Optical Zoom ก็จะใช้ Hybrid Zoom เข้ามาเติมเต็ม ใครที่ชอบการซูมมาก ๆ ตัวนี้ตอบโจทย์แบบสุด ๆ
เทียบกับ P40 Pro ล่ะ ?
ไหน ๆ ก็เข้าเรื่องซูมแล้วเป็นจุดที่รุ่นนี้อัปเกรดขึ้นมาจาก P40 Pro แบบจริงจัง ซึ่งเมื่อเทียบการซูม 10x แบบ Hybrid ของ P40 Pro กับแบบ Optical Zoom ของ P40 Pro+ ก็จะเห็นว่ารายละเอียดเมื่อซูมดูนั้นจะแตกต่างกันพอสมควร รายละเอียดของ P40 Pro+ ดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นการซูมแบบไปไกล ๆ กว่าอย่าง 15x - 20x นี่ยิ่งเห็นชัดเลยครับ
ฟีเจอร์ใหม่ Golden Snap
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ HUAWEI โปรโมทตอนเปิดตัวแล้วว้าวมาก ๆ ก็คือฟีเจอร์ Golden Snap ที่คล้าย ๆ Best Shot ถ่ายไปแล้วมาเลือกช็อตที่ดีที่สุดทีหลัง หรือกระทั่งการลบผู้คนออกจากฉาก ลบเงาสะท้อนของกระจก เป็นฟีเจอร์ที่เจ๋งมาก ๆ ฟีเจอร์นี้จะถูกซ่อนอยู่ในโหมด Moving Picture ครับ วิธีการเปิดใช้งานก็ให้มากดที่ไอคอนกลม ๆ ที่มุมจอก่อน จากนั้นก็กดถ่ายได้เลยตัวกล้องจะเก็บภาพแบบเคลื่อนไหวประมาณ 2 วินาที
และเราสามารถมาเลือกเซฟภาพได้ทีหลังด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมอาทิ เลือกช็อตที่ดีที่สุดหรือลบคนออกจากฉาก กด Edit แล้วมาเลือกได้เลยครับ
ลบแสงสะท้อนจากกระจกได้ด้วย
นอกจากการลบคนแล้ว การลบแสงสะท้อนจากกระจกก็เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อันนี้ใช้ AI ในการคำนวณและลบคนออกไป ไม่จำเป็นต้องเปิด Moving Picture แต่อย่างใดครับ แค่เรามาเลือก Edit ภายหลังแล้วกดที่ Remove Reflection แค่นั้นเอง
ตัวเลือกการปรับแอบขัดใจนิดหน่อย
ชมมาเยอะแล้วก็ขอติบ้างละกันเนาะ ตัว UI ในเรื่องการสลับเลนส์หรือการซูมของ HUAWEI นั้นส่วนตัวเราว่าวางตำแหน่งไว้ไม่เหมาะกับการใช้งานมือเดียวสักเท่าไหร่ เพราะไอคอนเวลาเราพลิกมาแนวนอนตัวไอคอนการซูมก็จะสลับมาอยู่ที่แนวนอนด้วย ทำให้การเลื่อนนิ้วนั้นทำได้ยากกว่ามุมขวาเหมือนตอนใช้งานแนวตั้ง เราจำเป็นต้องใช้ 2 มือในการเลื่อนถ้าอยากได้ภาพแนวนอน อาจจะไม่สะดวกเวลาเราที่หยิบเครื่องขึ้นมาเร็ว ๆ แล้วอยากซูมเข้าไปถ่ายน่ะนะ
Portrait Mode ถ่ายคนสีดีขึ้นแล้ว
ในส่วนของโหมด Portrait บน HUAWEI P40 Pro+ ก็ทำได้ดีเหมือนเคย มีโหมด Beauty เพิ่มความหน้าเนียนลงไปให้แบบ รวมถึงเเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังให้เลือกปรับมากขึ้นด้วย จะอยากได้วงกลมเด่น ๆ Bokeh ลอยมา หรือ Bokeh รูปหัวใจหวาน ๆ ก็เลือกปรับได้ มีให้เลือกตั้ง 9 แบบแหนะ ตัวเลนส์มีให้เลือก 3 ระยะคือ 1x - 3x โดยจะใช้เลนส์หลักในการถ่ายทั้งหมดเนาะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ HUAWEI P40 Pro+ จะเห็นว่าโทนของภาพนั้นสวยสดเป็นธรรมชาติมากขึ้นแล้ว สีสันดูสดใส ธรรมชาติมากขึ้น และไม่ติดเขียวแบบก่อน ๆ การตัดขอบภาพก็ทำได้เนียนมาก เพราะมีเลนส์ ToF เข้ามาช่วยด้วย
โหมดกลางคืนฉลาดขึ้น
อีกโหมดที่ HUAWEI ทำได้ดีมาก ๆ ก็คือโหมดกลางคืนหรือ Night Mode ที่ทำงานร่วมกับ HUAWEI A.I.S ช่วยให้เราถ่ายภาพกลางคืนได้โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง แถมใช้ได้กับทุกเลนส์และสภาพแสงด้วย อยากถ่ายภาพกลางวันแบบรายละเอียดแน่น ๆ ก็ใช้ Night Mode ได้อะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืนของ HUAWEI P40 Pro+ จะเห็นว่าภาพจาก Night Mode นั้นเก็บรายละเอียดของภาพได้เป็นอย่างดี สีสันรวมถึงความคมชัดยังคงอยู่ และง่ายต่อการถ่าย เพราะไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องเลยด้วย แต่ในการรวมภาพก็ใช้เวลาหลายวินาทีอยู่ ซึ่งถ้าไม่ได้ต้องการรายละเอียดแน่น ๆ ใช้โหมด Auto เดี๋ยวนี้ก็ฉลาดพอที่จะเก็บภาพกลางคืนให้สว่างได้แล้วแถมใช้เวลาไม่นานด้วย
ไม่ใช่แค่ภาพนิ่ง วิดีโอก็แจ่มขึ้น
วิดีโอที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนของ HUAWEI มาตลอด รอบนี้ก็แก้จุดนั้นได้ดียิ่งขึ้นแล้ว ด้วยการให้กล้อง Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซลมานี่แหละ ช่วยให้ถ่ายภาพมุมกว้างขึ้น เวลาถ่ายวิดีโอก็เห็นรายละเอียดชัดเจน อย่างที่บอกว่าใช้แทนตัวกล้องหลักได้เลย แถมในที่แสงน้อยก็ดีอีกต่างหาก สามารถดัน ISO ได้สูงสุดถึง 51200 เรียกว่าแสงน้อยยังไงก็ไหว
แถมยังรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60fps แล้วด้วย ทีนี้ก็ได้ความละเอียดแบบชัด ๆ ในความลื่นไหลของเฟรมเรต 60fps แล้วด้วย
กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวย
กล้องหน้าของ HUAWEI P40 Pro+ ก็ให้ความละเอียดมาสูงถึง 32 ล้านพิกเซล โดดเด่นมาก ๆ ตัวเดียวกับที่ใช้บน P40 แต่ว่ามีเลนส์ IR เข้าช่วยในการตรวจจับและวัดระยะภาพให้มีมิติมากขึ้นด้วย มีระบบ Auto HDR ถ่ายย้อนแสงได้ดีอีกต่างหาก
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ HUAWEI P40 Pro+
ในเรื่องของกล้องก็ต้องยอมรับว่า HUAWEI ยังคงทำได้ดีมากจริง ๆ ทั้ง Master AI ที่ฉลาดมาก ปรับแสงปรับสีให้สวยโดยไม่ต้องคิดเยอะ กด ๆ ไปเดี๋ยวสวยเอง ความซูมแบบสุดพลังของจริงได้คมทุกระยะได้เลนส์แบบใหม่ Optical Zoom ถึง 10x ซูมไกลสุด ๆ ที่ 100x ก็ยังได้ เรียกว่าเกิดมาเพื่อการซูมแบบจัดเต็มดีที่สุดที่จะหาได้แล้วตอนนี้ สีสันก็ปรับให้ดีขึ้น แต่จุดที่ยังคิดว่าน่าจะทำให้ดีกว่านี้ก็คือเรื่องของเลนส์ Wide ที่อาจจะกว้างไม่ถูกใจเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ เนาะ แต่โดยรวมเราสามารถยกตำแหน่งสมาร์ทโฟนที่กล้องดีที่สุดให้กับรุ่นนี้ได้จริง ๆ ครับ จัดเต็มมาก !!
สเปคและฟีเจอร์การใช้งาน
สเปคก็จัดเต็มเล่นอะไรก็ลื่น
มาเข้าสู่เรื่องสเปค HUAWEI P40 Pro+ ก็มาพร้อมสเปคที่ไม่น้อยหน้าใคร ชิปเซ็ต Kirin 990 5G ได้ความจุสะใจ 8GB (LPDDR5) + 512GB (UFS3.0) พร้อมแบตเตอรี่ 4200mAh และระบบชาร์จไวถึง 4200mAh อีกด้วยครับ เทียบแบบนี้ก็ถือว่าท็อปสุด ๆ แล้วเหมือนกันเนาะ
สเปค HUAWEI P40 Pro+
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.58” ความละเอียด FHD+
- อัตราส่วนแบบ 19.8:9, Refresh Rate 90Hz
- ซีพียู Kirin 990 | 5G Octa-core 2.86GHz (7nm+)
- จีพียู Mali-G76 MP6
- แรม 8GB (LPDDR5)
- ความจุ 512GB (UFS3.0)
- แบตเตอรี่ 4200mAh
- รองรับชาร์จไว SuperCharge 40W
- รองรับชาร์จไร้สาย SuperCharge 40W
- กล้องหน้าคู่
- 32MP กล้องหลัก f/2.0
- กล้อง IR TOF
- กล้องหลัง 5 ตัว
- 50MP กล้องหลัก Ultra Vision LEICA (23มม.), f/1.9, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28", OIS
- 40MP เลนส์ Ultra Wide Cine (18มม.), f/1.8, มี Autofocus
- 8MP เลนส์ Tele, Optical 3x (80มม.), f/2.4, OIS
- 8MP เลนส์ Periscope, Optical 10x (240มม.), Hybrid Zoom 20x, Digital 100x, f/4.4, OIS
- กล้อง ToF 3D Depth Sensor
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- รองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ 3D
- กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, USB Type-C
- รัน Android 10 (HMS)
รองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่องเหมือนเดิม !
HUAWEI P40 Pro+ ใช้ชิปเซ็ต Kirin 990 | 5G ตัวท็อปสุดของ HUAWEI ตอนนี้ ที่สถาปัตยกรรม 7nm+ EUV แบบ Octa-Core แบ่งการทำงานเป็น 4 Little Core (Cortex-A55) ตัวประหยัดพลังงาน 1.95GHz + 2 Middle Core (Cortex-A76) ตัวกลาง 2.36GHz + 2 Big Core (Cortex-A76) ตัวแรง 2.86GHz ช่วยให้ประมวลผลได้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการทำงานของ AI ที่ดีขึ้นกว่าเดิม และแน่นอนว่ารองรับ 5G มาตั้งแต่แกะกล่องเลย ทำความเร็วดาวน์โหลดได้สูงสุดถึง 2.3Gbps และอัปโหลดอีก 1.25Gbps อีกด้วยครับ !
คะแนนก็สูงใช้ได้เลย
ด้วยสเปคที่เหนือชั้นขนาดนี้ คะแนนทดสอบจากแอป Benchmark ก็ไม่ธรรมดาด้วยครับ ซึ่ง HUAWEI P40 Pro+ ทำคะแนนทดสอบจาก AnTuTu Benchmark ไปได้มากถึง 489,646 คะแนนเลยทีเดียวแบ่งคะแนนย่อยออกเป็น
- CPU - 135696
- GPU - 163179
- MEM - 119278
- UX - 71493
รันด้วย EMUI 10.1 บน Android 10
ซอฟต์แวร์บน HUAWEI P40 Pro+ ก็ได้ตัวล่าสุดของ HUAWEI มาเลยกับ EMUI 10.1 ยังคงครอบทับอยู่บน Android 10 เหมือนเดิม รอบนี้มีเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาอีก ทั้งระบบผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ Celia, MeeTime, แถบ Multi Window ใหม่ รวมถึงการปรับปรุงความลื่นไหลให้ได้มากกว่าเดิมด้วยครับ
นำเสนอ Gesture เต็มรูปแบบ
ตั้งแต่ EMUI9 มา HUAWEI พยายามนำเสนอรูปแบบการควบคุมให้เป็นแบบ Gesture มาตลอดเพื่อความลื่นไหลที่มากขึ้น และพอมาเป็น EMUI10.1 รอบนี้ก็ตั้งค่าแรกมาให้เป็นแบบ Gesture แทนปุ่ม 3 ปุ่มด้านล่างไปเลย ส่วนตัวเราชอบแบบนี้นะ มันดูต่อเนื่องใช้งานปาดจากซ้ายหรือขวาเพื่อย้อนกลับ เลื่อนค้างเพื่อเข้าหน้า Recent App ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด ยิ่งใช้งานบนหน้าจอ 90Hz แล้วยิ่งทำให้ลื่นไหลเข้าไปใหญ่
มีแถบ Multi Window ที่มุมข้างไม่ต้องกดสลับแอป
บน EMUI10.1 มีเพิ่มแถบทางลัดแอปไว้ที่มุมจอโดยเราสามารถเรียกแถบนี้ออกมาง่าย ๆ ด้วยการเลื่อนจากมุมจอ (เหมือนกดย้อนกลับ) ค้างไว้ครู่หนึ่ง จากนั้นจะมีแถบทางลัดแอปโผล่ออกมา ให้เราเลือกแตะใช้งานแอปเหล่านั้นได้ทันที หรือจะแตะค้างไว้แล้วลากลงมาบนหน้าจอเพื่อใช้งานแบบ Multi Window ก็ได้ครับ สะดวกดี
มี Dark Mode เหมือนเดิม
เพื่อน ๆ ที่ไม่ชอบหน้าจอสว่างพื้นหลังสีขาว บน EMUI ก็มี Dark Mode ให้เลือกปรับเหมือนกัน และโทนก็เป็นการปรับให้เข้มขึ้น ไม่ใช่การปรับทุกอย่างจากขาวเป็นดำแบบทั่ว ๆ ไป ส่วนสีตัวอักษรก็จะกลายเป็นสีเทา ไม่ใช่ขาวจนแสบตาครับ
Celia ผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ของ HUAWEI
ปิดท้ายด้วยผู้ช่วยคนใหม่ของ HUAWEI อย่าง Celia ที่เข้ามาตอบโต้กับเราผ่านคำสั่งเสียง สั่งให้ตั้งปลุก สั่งให้ค้นหาต่าง ๆ ทำได้ เท่าที่ลองใช้งานมาก็ถือว่าตอบสนองได้ดีพอควรครับ มีคำสั่งเสียง “Hey, Celia” ด้วยนะ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ Celia ยังคงรองรับแค่ 3 ภาษา อังกฤษ, จีน และสเปนเท่านั้นครับ
ใช้บริการจาก HUAWEI ทั้งหมด
ในเรื่องของการใช้งานก็คงพอจะทราบกันอยู่แล้วว่า HUAWEI นั้นเปลี่ยนมาใช้งาน HMS หรือ HUAWEI Mobile Services แบบเต็มรูปแบบแล้ว การใช้งานหลัก ๆ ก็ผ่านของ HUAWEI เองทั้งหมด จะโหลดแอปก็เข้าไปที่ HUAWEI AppGallery จะใช้เบราวเซอร์ก็ HUAWEI Browser หรือพวกแอปวิดีโอต่าง ๆ ก็ด้วยครับ
ซึ่งตรงนี้หลายคนคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า HMS บริการบางอย่างจากของ Google เมื่อมาใช้บน HUAWEI P40 Pro+ รุ่นนี้จะใช้งานได้ไม่เต็มที่นัก ทั้ง YouTube หรือ Google Maps เองก็ไม่สามารถใช้งานได้ในรูปแบบแอป แต่ก็มีทางเลือกในการใช้งานผ่านเบราวเซอร์ได้แทนครับ
แอปโซเชี่ยลยอดฮิตในไทยอย่าง LINE ตอนนี้มีบน AppGallery เรียบร้อยแล้ว ตรงนี้หลายคนคงสบายใจขึ้นหน่อย ถ้าใช้แอปตัวนี้เป็นหลัก แต่กับตัวอื่น ๆ อย่าง FaceBook, Instagram ตอนนี้ก็ยังไม่มีให้ดาวน์โหลดผ่าน AppGallery ต้องติดตั้งผ่าน APK หรือแอปอย่าง APKPure แทนครับ
รวมถึงพวกเกมก็ยังมีให้ดาวน์โหลดไม่เยอะมากนัก แต่โชคดีที่ P40 Pro+ ก็ยังใช้ Android อยู่ เราสามารถดาวน์โหลดแบบ APK มาติดตั้งเองได้อยู่ ซึ่งหากเกมที่ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้บริการ GMS อย่าง PUBG, COD นี่ก็ยังสามารถเล่นได้อยู่ครับ
ซึ่งถามว่าการที่ไม่มี GMS นี้เป็นเรื่องใหญ่ไหม อันนี้ก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราจำเป็นต้องใช้งานบริการหลัก ๆ ของ Google รึเปล่า เท่าที่เราลองใช้งานมาผ่าน HMS ล้วน ๆ ก็ถือว่าพอใช้ได้อยู่บ้าง เพราะแอปหลัก ๆ ที่เราใช้ก็หาโหลดจาก APKPure ได้เกือบหมด Facebook, IG หรือเกมบางส่วนเล่นได้แล้ว แต่ถ้าเป็นคนที่อยากเล่นอยากลองแอปใหม่ตอนเวลา แอปนั้นลง Android แล้ว (ผ่าน PlayStore) อยากลอง แบบนี้ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะตัว HMS เองก็ไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมดในตอนนี้ อันนี้คงต้องยอมรับเนาะ
หน้าจอ ระบบเสียง เล่นเกม
หน้าจอ OLED ที่สวยงาม แสดงผลลื่นไหล
มาเข้าสู่เรื่องความบันเทิงบน HUAWEI P40 Pro+ กันบ้าง ในเรื่องหน้าจอการแสดงผลรุ่นนี้ทำได้ดีมากอย่างที่บอกไป ตัวจอ OLED นั้นแสดงผลสวยงามจะดูรูปหรือวิดีโอก็รู้สึกคมชัดไปหมด แถมตัว Gallery ของตัว HUAWEI จะมีการเร่งภาพให้คมชัดขึ้นอีกหน่อยด้วย
ส่วนเรื่องการดูวิดีโอจาก YouTube อย่างที่บอกไปว่าพอใช้งาน HMS เราก็ไม่สามารถใช้งานแอปของ Google ได้เลย ถึงแม้จะโหลดตัวไฟล์ APK มาติดตั้งก็ตาม วิธีการดูวิดีโอผ่าน YouTube แบบแก้ขัดก็คือเข้าไปที่เว็บไซต์ m.youtube แทน ตรงนี้ก็พอใช้งานได้หลายฟีเจอร์อยู่ครับ สามารถล็อกอินได้ ดูรายการที่เรากด Subscribe ได้
และก็มีข้อดีที่พิเศษกว่าบนแอปด้วยเพราะเราสามารถเลือกความละเอียดของวิดีโอได้สูงสุดเท่าที่วิดีโอนั้นจะทำได้เลย ปกติถ้าดูบนแอปจะเลือกได้แค่ตามความละเอียดของหน้าจอเท่านั้น ใครอยากดูวิดีโอระดับ 8K บนจอของ P40 Pro+ ก็เลือกผ่าน Browser ได้เลย
ฟีเจอร์อย่างการแตะ 2 ครั้งเพื่อข้าม 10 วินาทีก็ทำได้เช่นเกัน แต่...ข้อเสียหลัก ๆ ของการเปิดผ่านเบราวเซอร์ก็คือเราไม่สามารถกดขยายวิดีโอให้เต็มหน้าจอได้ รวมถึงการ Cast ภาพไปสู่ทีวีหรือเครื่องที่รองรับด้วยครับ
จอ 90Hz ลื่นถูกใจแน่นอน
ในเรื่องการตอบสนองรุ่นนี้ก็ได้จอแบบ 90Hz มาเลย ทำให้เวลาเราใช้งานเลื่อนหน้าจอ อ่านฟีดต่าง ๆ มันทันตา รวมถึงทันนิ้วมือเวลาสัมผัสอย่างมาก ใช้ดู Facebook หรือ IG นี่คือถูกใจสุด ๆ เรียกว่าใช้หน้าจอแบบนี้จนชิน กลับไปใช้จอแบบ 60Hz ไม่ได้แล้วนะ มันติดใจไปแล้ว
ลำโพงเดี่ยว น่าเสียดายไปหน่อย
ส่วนเรื่องระบบเสียง HUAWEI P40 Pro+ ให้ลำโพงหลักมาตัวเดียวที่ด้านล่างของตัวเครื่อง เหมือนกับ P40 Series ทุกรุ่น คุณภาพโดยรวมโอเคครับ เสียงแน่นกำลังดีและความดังก็ยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายตรงที่เสียงที่ได้มันออกมาเป็น Mono นี่แหละ เวลาดูหนังหรือเล่นเกมมันไม่อินเท่ากับแบบ Stereo อะ
ลำโพงสนทนาแบบสะเทือนกระจก
สาเหตุที่ลำโพงเหลือเพียงตัวเดียวที่ด้านล่างก็เพราะ HUAWEI เลือกใช้ระบบเสียงแบบ Acoustic Display หรือการสั่นสะเทือนของกระจกในการกระจายเสียงแทนนั่นเอง ถึงแม้จะไม่มีลำโพงที่ด้านบนแล้ว แต่การกระจายเสียงแบบนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันครับ ดังชัดเจนและได้ยินทั่วไม่ต้องหูไปจ่อที่ช่องลำโพงอีกต่อไปแล้ว
เล่นเกมสะใจ สเปคแรง !
เรื่องเล่นเกม HUAWEI P40 Pro+ ใช้ชิปเซ็ต Kirin 990 | 5G ตัวแรงอย่างที่บอกไป ทำงานร่วมกับระบบ GPU Turbo 3.0 ด้วยช่วยให้เล่นเกมได้เป็นอย่างดีอีก อันนี้ไม่ต้องห่วงเลย เกมที่เราจะใช้ทดสอบคือ Asphalt 9 และ Call of Duty ครับ
สำหรับ Asphalt 9 ก็สามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน AppGallery เลย นั่นหมายความว่ารองรับเต็มที่แล้ว แต่หากใครที่ซิงค์ข้อมูลผ่านตัว Google Play Games ไว้แล้วอยากจะมาเล่นต่อบน P40 Pro+ อันนี้ต้องเสียใจด้วย เพราะหมดสิทธิ์ครับไม่สามารถซิงค์ข้อมูลหากันได้จ้ะ
เราสามารถปรับเลือกกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุด เล่นได้อย่างลื่นไหลเท่าที่เล่นมาจริงจัง ตัวเฟรมเรตนิ่งและสเถียรมาก ได้ GPU Turbo ช่วยตรงนี้ไว้ได้อย่างดี
ส่วน Call of Duty อันนี้ไม่มีบน AppGallery เนอะ แต่ยังพอหาโหลดแบบ APK มาลงได้อยู่
ตัวเกมสามารถปรับกราฟิกและเฟรมเรตได้ที่ระดับ Very High ถือว่าสูงมากแล้ว เท่าที่ลองเล่นก็ลื่นไหลมาก ๆ กราฟิกก็สวยงามอลังการ ยิ่งเล่นบนหน้าจอแบบ 90Hz ที่ตอบสนองได้ดีแบบนี้ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
เฟรมเรตก็นิ่ง ๆ เหมือนกันในเกมนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ดาวน์โหลดจาก AppGallery โดยตรงก็ตาม ตรงนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับชิปเซ็ต Kirin 990 5G ทีสามารถรันเกมระดับนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
ในเรื่องของการเล่นเกมก็ถือว่าทำได้ดีอยู่แล้ว ตัวสเปคไม่ได้มีอะไรที่ติดใจ เชื่อว่ารันได้ทุกดเกมแบบลื่น ๆ แต่ในเรื่องตัวเกม ณ ตอนนี้เกมที่เราฮิต ๆ กันอย่าง PUBG หรือ Call of Duty ก็ยังพอหามาเล่นได้อยู่ ใครที่เล่นเกมพวกนี้เป็นหลักก็หายห่วงได้ แต่หากเป็นเกมใหม่ ๆ ต่อจากนี้ก็อาจจะต้องคิดกันอีกทีว่าจะพอหามาเล่นได้ไหม หรือจะมีโอกาสพอร์ตไปลงบน AppGallery รึเปล่า
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่อึดมาก ชอบ HUAWEI ก็ตรงนี้
ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่ HUAWEI P40 Pro+ ให้แบตเตอรี่มา 4200mAh เท่ากับ P40 Pro นั่นแหละ การจัดการแบตฯทำได้ดีมาก ใช้งานได้ตลอดทั้งวันเลย ไม่ต้องมากังวลว่าแบตฯไหลเลย จะถ่ายรูปเล่นเกม หรือโซเชี่ยลก็หายห่วงครับ HUAWEI เขาจัดการเรื่องแบตฯได้ดีจริง ๆ ชอบตรงนี้
ชาร์จก็ไว 40W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
ส่วนเรื่องระบบชาร์จ HUAWEI P40 Pro+ มาพร้อมกับระบบชาร์จไว SuperCharge 40W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ชาร์จไวมาก 30 นาทีก็ได้แบตฯมา 70% แล้ว แถมยังปลอดภัยเพราะผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland มาแล้วด้วย ใช้ชุดชาร์จที่แถมมาในกล่องยังไงก็เร็วปลอดภัยแน่นอน !
ราคา 40,990 บาท
สุดท้ายแล้วจริง ๆ กับเรื่องราคา HUAWEI P40 Pro+ เปิดตัวมาที่ราคา 40,990 บาท แพงกว่า P40 Pro ถึง 9,000 บาทแต่ก็แลกมาด้วยกล้องที่จัดเต็มมากขึ้น บอดี้ที่หรูหรากว่า ความจุเยอะขึ้นเป็นเท่าตัวเนาะ ซึ่งตอนนี้ก็เปิดให้จองล่วงหน้าอยู่ รับของแถมเพียบ ๆ มูลค่ารวม 12,200 บาทเลยนะ !
รายละเอียดเพิ่มเติมโปรโมชั่นจอง HUAWEI P40 Pro+
สรุป
HUAWEI P40 Pro+ ก็ถือว่าเป็นเรือธงที่จัดเต็มในเรื่องของกล้องอยู่เหมือนเคย จุดเด่นหลักของรุ่นนี้ก็คือกล้องที่เท่าที่ลองใช้งานมาจริง ๆ ยอมรับเลยว่าเป็น “ที่ 1” ในตอนนี้เลยล่ะ ทั้งฮาร์ดแวร์ชั้นยอดตั้งแต่มุมกว้างจนถึงซูมสุดระยะทำได้ดีทั้งหมด ซอฟต์แวร์ก็ฉลาดทำให้เราถ่ายภาพได้สวยและสนุกแบบที่ HUAWEI เป็นมาตลอด สเปคภายในก็จัดเต็มไม่ผิดหวัง แบตเตอรี่อึดแบบจุใจ มีชาร์จไวทั้งแบบสายและไร้สายถึง 40W หน้าจอลื่น ๆ แบบ 90Hz ตอบสนองดีใช้แล้วฟิน แต่...จุดสังเกตหลัก ๆ ของรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการไม่มี GMS อย่างที่บอกไปในรีวิวว่าถ้าเราไม่ได้เน้นเรื่องแอปมากมายเป็นหลักใช้งานแต่ที่ฮิต ๆ ตอนนี้ก็พอจะหาดาวน์โหลดและติดตั้งกันได้พอสมควรแล้ว แต่ถ้าต้องพึ่ง GMS จริง ๆ เราว่าเจ้ารุ่นนี้ยังไม่ตอบโจทย์เลยล่ะ
สรุปแล้วถ้าอยากได้สมาร์ทโฟนสักรุ่นที่มีกล้องโดดเด่นที่สุด ณ เวลานี้ พร้อมสเปคการใช้งานที่ครอบคลุม และไม่ยึดติดกับเรื่อง GMS เท่าไหร่ โหลดไฟล์ APK มาติดตั้งเองได้ไม่เดือดร้อนก็จัดได้เลยไม่ผิดหวังจริง ๆ กล้องนี่เทพแบบไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่ถ้าติดเรื่องแอปต้องมี Google Maps นะ ต้องดู YouTube ผ่านแอปได้ ก็ผ่านรุ่นนี้ไปก่อนละกันครับ
เทียบกับ P40 Pro ล่ะ ?
แล้วถ้ามี HUAWEI P40 Pro อยู่แล้วล่ะ ควรอัปเกรดไหม ? อันนี้คำตอบก็น่าจะอยู่ที่เรื่องกล้องเป็นหลักแล้วล่ะครับ ถามตัวเองก่อนว่าอยากซูมไปมากกว่า 10x ไหม อยากได้ช่วงซูมแบบที่สุดจริง ๆ รึเปล่า ถ้าใช่ก็อัปเกรดไปได้เลย ไม่ผิดหวังแน่นอนความสามารถเดิม ๆ ยังอยู่ครบ แต่ถ้าไม่คิดว่าซูมระดับ 5x - 15x ก็เหลือ ๆ แล้ว งั้นหยุดอยู่ที่ P40 Pro แล้วหาอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มาเพิ่มให้การใช้งานสะดวกขึ้นจะดีกว่าครับ ส่วนจุดแตกต่างอื่น ๆ นอกจากเรื่องกล้องของทั้ง 2 รุ่นนี้มีอะไรบ้างอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างนี้เลย :D
เปรียบเทียบ HUAWEI P40 Pro vs P40 Pro+ ห่างกัน 9,000 บาท ต่างกันตรงไหนบ้าง ?
จุดเด่น
- กล้องหลัง 5 ตัวใช้งานดีมาก
- กล้องหน้าก็เซลฟี่เยี่ยม
- บอดี้เซรามิกหรูหรา
- หน้าจอ OLED 90Hz ลื่น ๆ ไปเลย
- สเปคเร็วแรงตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- ซอฟต์แวร์ลื่นไหล EMUI 10.1
- รองรับระบบชาร์จไว 40W ทั้งแบบสายและไร้สาย
จุดสังเกต
- ไม่มี GMS
- ลำโพงเป็นแบบ Mono
- ตัวเครื่องแอบหนักไปหน่อย 226 กรัม
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite