แกะกล่องและดีไซน์
Review: realme 6 pro สมาร์โฟนที่มีดีมากกว่าแค่ถ่ายรูปสวย จัดเต็ม Snapdragon 720G และครั้งแรกกับ Dual Selfie กล้องหน้าเลนส์คู่ใน realme
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวไอทีทุกคนนะคะ วันนี้กู๊ดดรีม TechXcite มาส่งรีวิวตามสัญญากับรีวิว realme 6 Pro และการนวัตกรรมใหม่ๆ ครั้งแรกของ realme มาใส่ไว้ในรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกทั้งดีไซน์กล้องหน้ากับนวัตกรรมกล้อง Dual Selfie กล้องหน้าเลนส์คู่ หรือการมาของ Snapdragon 720G ครั้งแรกใน realme และยังมีความน่าสนใจอีกมากมายที่อยากจะมาเล่าให้ฟัง ก่อนอื่นเราไปแกะกล่องพร้อมกันอีกสักครั้งว่าด้านในให้อุปกรณ์อะไรมากันบ้าง
แต่ก่อนจะไปดูสมรรถนะด้านใน เรามาเริ่มต้นจากการแกะกล่องกันเช่นเคยว่าในกล่องเขามีอุปกรณ์อะไรให้เรามาบ้าง เวลาไปซื้อใช้งานเองจะได้เช็คของกันไปด้วยว่าครบมั้ย
แกะกล่อง
- เครื่อง realme 6 Pro
- Adaptor
- สายชาร์จ USB-C
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิม
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็ยังคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆ ของที่จำเป็นให้มาครบครัน จัดวางในกล่องเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนใครที่หาเข็มจิ้มถาดซิมไม่เจอจะอยู่ใต้สายชาร์จอีกทีจ้า ไม่ได้อยู่กับคู่มืออย่างที่เราชินมือกัน
ดีไซน์
realme 6 Pro มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว อัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 90Hz และเป็นครั้งแรกของ realme กับการนำนวัตกรรมกล้องหน้าเลนส์คู่ Dual Selfie มาใช้งานซึ่งจะวางอยู่ตรงมุมซ้ายของตัวเครื่อง สไตล์กล้องคู่เป็นแบบหน้าจอเจาะรูพอวางสองเลนส์ติดกันเลยอาจจะดูไม่ต่างจากรอยบากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าถามว่าสร้างความหงุดหงิดในการใช้งานมากมั้ยก็ไม่ถึงกับกวนใจอะไร อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 20:9 ความละเอียดระดับ FHD+ 2400x1080 หน้าจอคมชัดสีสันสดใสกราฟิกเนียนตาดี ความสว่างของหน้าจอเมื่ออยู่ในที่แดดจัด อาจจะมองลำบากนิดๆ ต้องเร่งแสงเยอะหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าใช้งานได้ดีในเรื่องของหน้าจอ มาพลิกดูหลังตัวเครื่องกันบ้าง
เป็นครั้งแรกกับเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไล่สี UV-curing โดยแรงบันดาลใจของลวดลายมาจากสายฟ้า สีน้ำเงินแสดงถึงสายฟ้าที่ผ่านก้อนเมฆ สีแดงแสดงถึงความเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ซึ่งใน realme 6 Pro จะมีมาด้วยกันสองสีคือ Lightning Blue และ Lightning Red ซึ่งเป็นสีที่ดรีมได้มา เรื่องลวดลายทำออกมาได้เห็นเด่นชัด สวยงาม ซึ่งด้วยวิธีการไล่สีเมื่อโดนแสงจะเกิดลวดลายเหมือนเคลื่อนไหวได้
กล้องหลังวางเรียงกัน 4 ตัวในแนวตั้งเช่นเดียวกับ realme 5 Pro นับรวมกล้องทั้งหมดให้มาถึง 6 ตัวด้วยกัน ส่วนโลโก้ของ realme ก็ยังคงวางอยู่ตำแหน่งเดิมในแนวตั้ง
ทางด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง อยู่คู่กับช่องถาดซิมแบบ Triple-slot 2 ซิมการ์ด รองรับ NanoSim และช่องใส่ Micro SD ทั้งยังรองรับเมมโมรี่การ์ดได้มากสุดถึง 256GB
ปุ่มพาวเวอร์ของ realme 6 Pro นั้นสามารถสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งานได้เลย ซึ่งดรีมชอบมากๆ และมันสะดวกมากๆ ความไวในการประมวลผลก็ทำได้ดี สแกนได้รวดเร็วว่องไว
พอร์ตการใช้งานด้านล่าง มี Jack 3.5 ไมค์ตัดเสียงรบกวน ไล่มาเป็นพอร์ตชาร์จ Micro-USB และลำโพงหนึ่งฝั่ง ส่วนด้านบนนั้นราบเรียบไม่มีพอร์ตการใช้งานใดๆ
สเปคการใช้งาน
- หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว อัตรา Refresh Rate 90Hz
- ชิปเซ็ตประมวลผลกราฟิก Adreno 618
- ชิปเซ็ต ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G 0 Octa-Core ขนาด 8nm ความเร็ว 2.3GHz
- RAM 8GB
- ROM 128GB
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
- รองรับการปลดล็อคแบบสแกนนิ้ว
- ถาดใส่ซิมแบบ Triple-slot 2 ซิมการ์ด รองรับ Nano Sim
- รองรับ Micro SD สูงสุดถึง 256GB
- กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64+8+12+2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าเลนส์คู่ 16+8 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh
- รองรับ Flash Charge 30W
คะแนน Antutu
สำหรับคะแนน Benchmark ใน realme 6 Pro 270628 คะแนน ก็ถือว่าควรค่ากับการมาเยือนของ Qualcomm Snapdragon 720G มาพร้อมกับ RAM 8GB ROM 128GB ซึ่งความจุเท่านี้เชื่อว่าปีนี้จะกลายเป็นมาตรฐานของ RAM และหน่วยความจำบนมือถือรุ่นใหม่ๆ ในปีนี้ และแน่นอนว่าคะแนนที่ออกมาเรื่องเล่นเกมส์ต้องไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นเราจะไปลองเข้าเกมส์ทดสอบกันให้เห็นๆ ไปเลยว่า Snapdragon 720G จะเอาอยู่แค่ไหนกับเกมส์ขนาดใหญ่ที่มีกราฟิกสูงๆ
การเล่นเกมส์และการดูหนังฟังเพลง
หลังจากเห็นคะแนนกันไปแล้ว ก็มาลองเข้าเกมส์ทดสอบประสิทธิภาพของ CPU กัน ใน realme เขามี Game Space เพื่อช่วยในการจัดการพื้นที่เพื่อดึงประสิทธิภาพประสิทธิภาพของเกมส์ออกมาให้ได้มากที่สุด ในโหมดนี้สามารถเข้ามาดูความแรงของสัญญาณ ปรับความละเอียด และดูการทำงานของแบตเตอรี่ โดยไอคอนจะอยู่ที่หน้าหลักสามารถเปิดใช้งานเพื่อเลือกแอปพลิเคชั่นที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพได้เลย
ROV
ในเกมส์ ROV เป็นเกมส์ที่มีกราฟิกจัดจ้าน ถ้าเน็ตไม่แรง CPU ไม่พร้อมจริงก็พังพินาศ AFK กระตุกกันสนุกสนาน หัวร้อนไปตามๆ กัน ซึ่งใน realme 6 Pro กับ Snapdragon 720G และชิปเซ็ตที่มาพร้อม Qualcomm Snapdragon Elite Gaming รองรับการเล่นเกมแบบ HDR เพิ่มความความชัดของรายละเอียด ความสว่างและเงาชัดเจน และระดับโทนสีมีความกว้างมากขึ้น เล่นเกมส์ได้ชิลๆ กับหน้าจอ 90 Hz ทำให้การควบคุมปุ่มต่างๆ ไหลลื่นดีมาก ไม่มีหน่วง ไม่กระตถกเลยแม้ในจังหวะเข้าเกมส์ไฟต์ ซึ่งมักเกิดการสั่นไหวของเฟรมเรต โดยรวมถือว่าทำได้ดีมากๆ ในเกมส์ ROV
Call of Duty
มาต่อกันอีกเกมส์กับ Call of Duty เกมส์นี้การลื่นไหลของการบังคุบเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะต้องอาศัยความนิ่งในการเล็ง และการเดินไปด้วยยิงไปด้วย เดินไปกระตุกไป สะดุดไป ก็เป็นอันโดนฆ่าตายโดยที่ยังไม่ได้ยกปืน กับอีกจังหวะสำคัญในช่วงของการซูมเพื่อยิงฝ่ายตรงข้าม ถ้าการประมวลผลทำได้ไม่ดีจังหวะนี้จะเกิดการหน่วงของหน้าจอ ซึ่งจะทำให้เสียอารมณ์และเสียจังหวะด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเสียงฝีเท้าของศัตรูที่ต้องคอยฟัง ซึ่งการจัดวางลำโพงทำให้เวลาเล่นเกมส์นิ้วเราไม่ไปบังที่ลำโพง จึงให้เสียงที่ดังชัดเจนทำให้เกิดความได้เปรียบมากขึ้น ส่วนเรื่องของความสวยงามภาพกราฟิก มีชิปกราฟิก Adreno 618 ช่วยให้ประมวลผลกราฟฟิกได้ดีกว่าเดิม และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 75% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
การดูหนังฟังเพลง
ในการดูหนังฟังเพลงทั้งผ่าน Youtube หรือ Netflix ก็เป็นอีกหนึ่งการใช้งานยอดนิยม ที่หลายคนให้ความสำคัญทั้งความละเอียดของหน้าจอ ระบบเสียง พื้นที่บนหน้าจอ หรือการแสดงผลแบบเต็มตาเพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชม
ซึ่ง realme 6 Pro ก็ให้ในสิ่งที่หลายคนต้องการ ทั้งรูปแบบหน้าจอเต็มพื้นที่อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 หน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ FHD+ 2400x1080 ระบบเสียง Dolby Atmos และคุณภาพเสียง Hi-Res จึงให้รูปแบบเสียงที่ดังกังวาลและคุณภาพที่ดีมากกว่าเดิม
ซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์การใช้งาน
realme 6 Pro ใช้ realme UI ภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android 10 ซึ่งรูปแบบของ realme UI นี้จะเน้นใน 4 เรื่องสำคัญคือ
- สีสัน
- ไอคอน
- พื้นหลัง
- ภาพเคลื่อนไหว ที่ผู้ใช้งานสามารถ Custom ปรับแต่งได้ตามที่ตัวเองต้องการ อีกทั้งยังให้ภาพแบบ high-saturation เพื่อเพิ่มความสดใสของหน้าจอให้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
ซึ่งฟีเจอร์พิเศษของ realme UI ให้เราสามารถเชื่อมต่อหูฟ้งไร้สายได้พร้อมกัน 2 เครื่อง โหมดกลางคืนที่จะเปิดใช้งานอัตโนมัติเพื่อการถนอมสายตา นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องของการเพิ้มประสิทธิภาพในการประมวลผล เช่น การเพิ่มความลื่นไหลมากกว่าเดิมถึง 20% ช่วยถนอมแบตเตอรี่และยืดอายุการใช้งานได้ 10% หรือลดความดีเลย์ของระบบสัมผัส 35% ซึ่งจะดึงประสิทธิภาพในการเล่นเกมเพิ่มขึ้นอีก 20% และในเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
- สามารถเชื่อมต่อหูฟ้งไร้สายได้พร้อมกัน 2 เครื่อง
- โหมดที่จะช่วยให้ผ่อนคลายโดยการเปิดเพลงฟังสบายๆ พร้อมเปิด โหมด DND (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนที่รบกวนตา่งๆ
- ใช้ 3 นิ้วแตะค้างไว้ที่หน้าจอ เพื่อแคปหน้าจอ
- ระบบป้องกันข้อมูลส่วนตัว
- Dark Mode เปิดอัตโนมัติในเวลากลางคืน
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผล
- ระยะเวลา App Booting ลงลด 25% ความลื่นไหลเพิ่มขึ้น 20%
- อายุการใช้งานแบตเตอรเี่พิ่มขึ้น 10%
- ลดการใช้พลังงานเมื่อเปิดสแตนด์บายข้ามคืน 35%
- ลดความดีเลย์ระบบสัมผัส 35% ประสิทธิภาพการเล่นเกมเพิ่มขึ้น 20%
ความปลอดภัย
- รองรับการสแกนลายนิ้วมือ โดยการวางนิ้วมือทาบลงที่แถบสแกนลานนิ้วมือด้านข้างปุ่มเดียวกับปุ่มพาวเวอร์
- รองรับการสแกนใบหน้าที่สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ซึ่งโดยส่วนตัวดรีมชอบรูปแบบของการสแกนลายนิ้วมือรูปแบบนี้มากที่สุด เพราะมันสะดวกมากๆ กดปุ่มพาวเวอร์ก็สามารถเข้าใช้งานได้เลย ซึ่งความเร็วของการสแกนก็แทบจะใช้งานได้ทันที ไม่ต้องรอประมวลผลนาน
การแคปหน้าจอ
สามารถทำได้ 2 รูปแบบคือการกดปุ่มพาวเวอร์ค้างไว้พร้อมกับปุ่มลดเสียง และอีกหนึ่งวิธีคือการใช้สามนิ้วลากที่หน้าจอจากด้านบนลงล่าง และในทางกลับกันเมื่อใช้สามนิ้วลากจากด้านล่างขึ้นมาข้างบนจะเป็นการใช้งานแบบ 2 หน้าจอที่ถูกพัฒนามาจาก realme UI
กล้อง
กล้องหลังอัดแน่นมามากถึง 4 ตัวซึ่งประโยชน์ของแต่ละเลนส์นั้นก็แตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน
- กล้องหลัก 64MP
- เลนส์ Ultra-Wide angle 8MP เพื่อการถ่ายภาพในมุมกว้าง
- เลนส์ Telephoto 12MP เพื่อการซูมภาพในระยะไกล
- เลนส์ Macro 2MP เพื่อการถ่ายภาพในระยะใกล้ 4 ซม.
เรื่องกล้อง realme เขาไม่เคยกั๊กอยู่แล้ว และก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน มาเริ่มที่กล้องหลัก 64MP ก็จัดว่าเป็นความละเอียดของกล้องที่มากเพียงพอแล้ว ซึ่งไฟล์ภาพที่ออกมาก็สมค่าพิกเซลไฟล์ดีไฟล์ละเอียด ภาพคมชัดอัปโหลดลงโซเชียลแบบเนียนกริบเสมือนถ่ายด้วยกล้องโปร
ในโหมดของการถ่ายภาพทั่วไป เราสามารถเลือก HDR เพื่อที่ภาพจะสามารถดึงรายละเอียดของแสงเงาและสีสันออกมาได้สดใสกว่าเดิม สามารถเลือกเปิด-ปิดได้ที่ด้านบนของโหมดถ่ายภาพ ทีนี้เรามาดูต่อกันที่เลนส์ Wide เพื่อการถ่ายภาพในมุมกว้างกันบ้างว่าจะเก็บได้กว้าง ครบถ้วนทุกองค์ประกอบขนาดไหนกับความละเอียด 8MP
ยอมรับว่ากว้างจริง ถ้าถ่ายวัตถุในมุมมอมตรงก็จะให้ความกว้างที่ดูไม่เสียสัดส่วนของภาพ แต่ถ้าถ่ายภาพในมุมมอง Worm Eyes view หรือมุมมองที่เสยขึ้นก็จะให้ภาพกึ่งๆ ฟิชอายเบาๆ คือจะมีความโค้งมนของรูปภาพ แต่ก็ไม่ทำให้ภาพดูบิดเบี้ยวจนเกินงาม ซึ่งอีกหนึ่งความชอบก็คือเมื่อถ่ายย้อนแสง HDR ทำงานได้ขยันขันแข็ง สามารถดึงรายละเอียดของภาพโผล่พ้นความมืดออกมาได้โดยที่ยังคงสีสันสดใสให้ภาพดูมีชีวิตชีวา
มาดูเลนส์ Telephoto กันบ้าง กล้องมือถือยุคใหม่รุ่นไหนมีเทเลจะดูไฮ ดูเก๋ ดูมีความเจริญเข้าถึง ซึ่งความสามารถของเทเล realme 6 Pro ก็ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อมาดูตัวอย่างกัน
มีฟิลเตอร์ให้ได้เลือกใช้งานแบบจบหลังกล้องกันไปเลย ใช้ AI ในการประมวลผลเพื่อย้อมสีภาพตามต้องการ
ซึ่งในโหมดนี้นอกจากการถ่ายภาพบุคคลแล้วยังนำไปถ่ายภาพวัตถุต่างๆ เพื่อสร้างมิติของภาพได้ด้วยนะ ทำอย่างไรมาดูกัน
ซึ่งความแม่นยำในการตัดขอบฉากหลังก็ถือว่าทำได้ดีเพียงแค่เราต้องกดเลือกโฟกัสจุดที่ต้องการให้วัตถุนั้นคมชัดขึ้นมาและเบลอฉากหลังที่เราไม่ต้องการทิ้งซะ ก็จะให้ภาพที่ดูมีมิติ
การถ่ายภาพกลางคืน
Night Mode ใน realme 6 Pro คืออีกหนึ่งความดีงามแต่ต้องอาศัยความมือนิ่งสักนิดเพื่อให้รายละเอียดโดยรอบยังคงคมชัด ในขณะที่วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรถยนต์ รถไฟ เคลื่อนไหวสร้างเส้นแสงให้ภาพถ่ายออกมาสวยงาม ไม่น่าเชื่อว่ามือถือราคาเท่านี้สามารถทำได้ขนาดนี้แล้ว มาลองดูตัวอย่างอื่นๆ กัน
กล้องหน้าเลนส์คู่ Dual Selfie
- เลนส์หลักความละเอียด 16 MP ใช้เซ็นเซอร์ของ Sony IMX471
- เลนส์ Ultra Wide-angle ความละเอียด 8MP ความกว้างถึง 105 °
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
realme 6 Pro ให้แบตเตอรี่มาอยู่ที่ 4,300 mAh รองรับเทคโนโลยี Vooc flash charge 30W สามารถชาร์จเต็ม 70% ในระยะเวลา 30 นาที ก็นับว่าเพียงต่อการใช้งาน จัดว่าชาร์จเร็วมากๆ แต่การชาร์จเร็วที่ดีที่สุดควรชาร์จผ่านสายของ realme 6 Pro โดยตรง จากการทดสอบชาร์จกับสายชาร์จ Fast Charge ตัวอื่น จะไม่ได้ดึงประสิทธิภาพของการชาร์จออกมาได้เต็มที่ สายชาร์จเป็น USB-C
สรุปการใช้งาน
realme 6 Pro เป็นมือถือที่ไม่กั๊กสเปค มีของดีอะไรจับยัดใส่หมดแบบไม่หวง ในซีรีส์ 6 เราได้เห็นการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใส่เยอะมากๆ ทั้งกล้องหน้า Dual selfie กล้องหน้าเลนส์คู่ครั้งแรกของ realme และครั้งแรกกับขุมพลังชิปเซ็ต Qualcomn Snapdragon 720G ไหนจะรูปแบบของแถบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างที่ปุ่มพาวเวอร์ซึ่งทำออกมาตอบโจทย์การใช้งานที่ง่ายและสะดวกมากกว่าเดิม ส่วนเรื่องกล้องในซีรีส์ 5 ก็จัดว่าทำออกมาได้ดีแล้วนะ แต่ในซีรีส์ 6 ได้เพิ่ม Telephoto ที่มีประสิทธิภาพมาให้ใช้งาน บวกกับการทำงานของ AI ที่ฉลาดและแม่นยำขึ้น ในราคาแค่ 10,999 บาท บอกเลยว่าเป็นมือถือที่โคตรน่าโดนและคุ้มค่ามากๆ อีกรุ่นนึงเลย
ข้อดี
- ดีไซน์สวย
- สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มพาวเวอร์
- กล้องหน้า Dual Selfie
- Vooc flash charge 30W
- กล้องหลัง 4 ตัว
จุดสังเกต
- ฝาหลังลื่นต้องระมัดระวังในการถือ
- Night Mode ประมวลผลช้าไปนิด