Article : สรุปการใช้งาน ! กว่า 1 เดือนกับ OPPO F11 Pro มือถือราคาหมื่นนิด ๆ
ให้เราครบขนาดนี้แล้ว จะต้องการอะไรอีก !!?
สวัสดีเพื่อน ๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมากับบทความใหม่ ๆ กับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เรายังอยู่กับ OPPO F11 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นสุดคุ้มของ OPPO ที่เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นของ OPPO ที่ให้อะไรมาครบถ้วนแบบสุด ๆ ทั้งในเรื่องของดีไซน์สวยเฉียบอย่างกับมือถือเรือธง, กล้องที่ชูจุดเด่นของการถ่ายภาพ Portrait ได้อย่างยอดเยี่ยม, แบตเตอรี่ความจุเยอะสะใจพร้อมระบบชาร์จไวที่ดีที่สุดในกลุ่มราคานี้ และที่ขาดไม่ได้คือราคาค่าตัวที่เปิดตัวมาเพียง 10,990 บาทเท่านั้น !! ครบขนาดนี้ วันนี้เราก็ขอมาพูดถึงประสบการณ์การใช้งานเพิ่มเติมสักหน่อย ว่าหลังจากที่เราอยู่กับ OPPO F11 Pro นี้มากว่า 1 เดือน อะไรที่ทำให้เราติดใจได้ขนาดนี้ มา…มาเริ่มกันเลย :D
ดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมโดนใจ หน้าจอใหญ่ไร้ติ่ง !
เริ่มต้นกันที่เรื่องแรก หลายคนคงสะดุดและทักกันก่อนอย่างแน่นอนเกี่ยวกับเรื่องของดีไซน์ของ F11 Pro เพราะ OPPO นั้นเด่นเรื่องนี้มาตลอด ยิ่งมาบนรุ่นนี้ก็สร้างความประทับใจให้เราได้อีกครั้งด้วยฝาหลังแบบไล่เฉดสี Triple Color Gradient หรือการไล่เฉดสีแบบ 3 สีเข้าด้วยกัน ตัดเป็นแนวแทยงมีลูกเล่นที่ต่างไปจากการไล่จากซ้ายไป - ขวา หรือ บนลงล่างแบบทั่ว ๆ ไป ส่วนสีสันที่เลือกใช้บนสี Thunder Black ด้วยโทนม่วง - ดำ - น้ำเงินแบบนี้ชอบมาก ๆ เลยล่ะ มีความลึกลับที่น่าค้นหาเอามาก ๆ
หรือถ้าอยากได้โทนสว่าง ๆ หน่อยก็ยังมีสี Aurora Green ที่มีการไล่เฉดสีของทั้งฟ้าและเขียวมาให้เลือกด้วยเช่นกัน ตรงนี้น่าจะเป็นเสน่ห์ของ OPPO ที่มักมีสีสันที่แปลกตาไปกว่าคนอื่นเสมอ ๆ ลองสังเกตดูว่า OPPO นั้นไม่ค่อยมีมือถือสีดำแบบเรียบ ๆ มาเลย ขนาดจะดำบน F11 Pro ยังต้องมีสีม่วงกับน้ำเงินแซมเลยเนาะ :P
ส่วนการวางตำแหน่งที่ด้านหลังเวลาวางเครื่องคว่ำอยู่แบบนี้ก็ให้ความรู้สึกที่สวยลงตัวไม่น้อย ด้วยการออกแบบที่อิงความสมมาตร (Symmetry Design) วางตำแหน่งเรียงกันมาตรงกลางทั้งหมดทางซ้ายและขวาเท่ากันเป๊ะ ๆ โลโก้ OPPO เองก็ช่วยให้สวยยิ่งขึ้นด้วยการปรับตำแหน่งให้เข้ากับการถือใช้แนวนอน แบบนี้ยิ่งอยากเข้าไปสัมผัสจริง ๆ
ด้านหลังที่ว่าเด่นแล้ว พลิกกลับมาเจอหน้าจอก็โดดเด่นไม่แพ้กัน หลังจากที่ได้ลองใช้งานมาเกือบ 1 เดือน ต้องบอกเลยว่า OPPO F11 Pro นั้นมอบประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอ Panoramic Screen ได้ดีมาก เพราะแทบทั้งด้านหน้าจะเป็นหน้าจอทั้งหมดเลย (ใช้อัตราส่วนกว่า 90.9%) ไร้ติ่งมากวนใจ เวลาเล่นเกม ดูหนัง หรือใช้งานแอปทั่ว ๆ ไปก็แสดงผลได้อย่างเต็มที่ ชอบตรงที่หน้าจอไม่โค้งมากจนเกินไป มันเหมือนเราได้ดูจอแบบเต็ม ๆ แถมเรื่องชนิดหน้าจอแบบ LTPS LCD ก็แสดงสีสันได้อย่างธรรมชาติและไม่หลอกตาเราจนเกินไปด้วย
กล้อง 48 ล้านพิกเซลที่ถ่ายสวยทั้งวิวและคน
กล้องก็เป็นอีกจุดที่ OPPO ชูมาโดยตลอด ตอนแรกบอกตามตรงเลยว่าไม่ได้คาดหวังกับกล้องหลังของ F Series เท่าไหร่ แต่เท่าที่ลองใช้จริง ๆ ต้องบอกว่าทำได้เกินคาดมาก ๆ เรื่องที่ชวนให้ตกใจอย่างแรกเลยคงหนีไม่พ้นการถ่าย Portrait นี่แหละ ด้วยสโลแกนที่ตั้งไว้เด่นชัดขนาดนี้ "Portrait สวยแม้แสงน้อย" พอเอามาลองถ่ายภาพคนจริง ๆ ด้วยโหมด Portrait ตัวกล้องเก็บรายละเอียดของใบหน้าคนได้อย่างยอดเยี่ยม คือเราไม่จำเป็นต้องปรับค่าอะไรเลย แค่เล็งจัดองค์ประกอบของภาพให้เข้าที่แล้วกดถ่าย แชะ ! ผลลัพธ์ออกมาสวยแบบสุด ๆ ใบหน้าเนียน ฉากหลังละลาย สวยทุกสภาพแสงจนแอบคิดว่าเดี๋ยวนี้กล้องมือถือราคาหมื่นต้น ๆ ทำได้ถึงขนาดนี้แล้วเหรอ ? ทำให้เวลาจะไปถ่ายภาพคนที่ไหน จำเป็นต้องหยิบ OPPO F11 Pro ขึ้นมาถ่ายทุกที เปลี่ยนภาพลักษณ์เดิม ๆ ของ OPPO ที่คนมักจะติดภาพว่าแค่เซลฟี่สวยมาสู่ Portrait งาม ๆ ด้วยกล้องหลังได้อย่างหมดใจ
ส่วนภาพวิวหรือการถ่ายกลางคืน OPPO F11 Pro มาพร้อมกับระบบ AI Scene Recognition ช่วยเลือกซีนและปรับแต่งให้ได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้การถ่ายภาพสวยเป็นเรื่องง่าย เท่าที่ลองใช้งานมาจริง ๆ เรายังชอบความง่ายของโหมดที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่หยิบ แชะ แล้วแชร์ได้เลย Ultra Night mode ที่เคยชอบมาก ๆ บน R17 Pro พอมาอยู่บนรุ่นนี้ ก็ได้ความสามารถที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ชอบความสีสดของ OPPO ที่หาไม่ได้บน Night mode แบรนด์อื่น ๆ พอมาอยู่บนรุ่นราคาหมื่นนิด ๆ แบบนี้ได้ยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่เลยล่ะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO F11 Pro
VOOC Flash Charge 3.0 ชาร์จไวแบบนี้ สบายใจอะบอกเลย
การชาร์จบนสมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้สำคัญมาก ๆ เพราะถึงแม้แบตเตอรี่จะให้มาเยอะจนอึดพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวันแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องกลับมาชาร์จอยู่ดี ซึ่งถ้ายิ่งแบตฯใหญ่ ๆ แล้วต้องใช้เวลาชาร์จนาน ๆ นี่ไม่ทันใจแน่ ๆ แต่บน F11 Pro ทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นเยอะ ด้วยระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge 3.0 เวอร์ชั่นล่าสุดที่ชาร์จได้เร็วกว่า VOOC เดิม 20% ของเดิมก็ว่าเร็วมากแล้ว ช่วยให้เราสบายใจมาก ๆ เวลาที่ใช้งานมาตลอดทั้งวัน แล้วจำเป็นต้องชาร์จไว ๆ เพื่อกลับมาใช้งานต่ออีก เพราะระบบ VOOC 3.0 นั้นสามารถชาร์จจาก 0 - 100% ภายในเวลาเพียง 80 นาทีเท่านั้น
ดังคำโฆษณาที่เคยเอ่ยไว้ตอน F9 ว่า "ชาร์จ 5 นาที คุยได้ 2 ชม." อันนี้เรื่องจริงเลย เพราะบางทีที่เราติดสายโทรศัพท์อยู่แล้วแบตฯใกล้หมด ก็ไม่อยากจะเสียบชาร์จไปคุยไป หรือทิ้งช่วงนาน ๆ เนอะ ขอเวลาแป๊บนึง ชาร์จสัก 5 - 10 นาที คุยต่อได้อีกหลายเรื่องเลยล่ะครับ
หรือถ้าเล่นเกมเพลิน ๆ ติดพันอยู่ก็ยังสามารถชาร์จไปเล่นไปได้ด้วยเช่นกัน เพราะระบบ VOOC นั้นมีมาตรฐานความปลอดภัยถึง 5 ขั้นตอน ไม่ทำให้ไฟลัดวงจร และความร้อนจากการชาร์จและเล่นไปด้วยกันก็ไม่ได้สะสมจะระอุมือถือต่อไปไม่ได้นะ หลายครั้งที่เกมมันต่อเนื่องแล้วก็ลองชาร์จไปเล่นไปผมว่าเอาอยู่เลย และความเร็วในการชาร์จก็ไม่ตกอีกด้วย ชอบสุด ๆ
ระบบการใช้งานที่รวดเร็วขึ้นมี Hyper Boost
อีกเรื่องที่ชอบจริง ๆ บน F11 Pro ก็คือระบบปฏิบัติการที่อัปเกรดใหม่มาเป็น Android 9.0 Pie ครอบมาด้วย ColorOS 6.0 แล้ว เรียกว่าเป็นตัวแรกของ OPPO เลยที่ได้ซอฟต์แวร์ตัวนี้ หน้าตาถูกปรับโฉมไปใหม่หมดเลย สวยขึ้น น่าใช้งานมากขึ้น แต่ไม่ใช่แค่หน้าตาอย่างเดียว เพราะระบบภายในก็มีการเพิ่มตัว Hyper Boost เข้ามาด้วย ตามที่เคลมไว้คือเร็วขึ้นกว่าเดิม 31.91% และเท่าที่ใช้จริงก็รู้สึกว่าอนิเมชั่นต่าง ๆ มันเร็วขึ้นจริงครับ การเปิดแอปก็ปุบปับกว่าเดิมดูลื่นไหล
และเวลาเล่นเกมไอ้ Hyper Boost นี้ยังช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้นด้วย เพราะระบบจะมีการจัดสรรหน่วยความจำรวมถึงรีดประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลให้พร้อมต่อเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ ได้ดีขึ้นไปอีก อย่างเกมที่ผมเล่นเป็นประจำอยู่แล้ว Asphalt 9 ด้วยสเปคของตัวเครื่องเล่นจริง ๆ อาจจะเจออาการเฟรมเรตตกอยู่บ้าง แต่พอมาเล่นบน F11 Pro กลับรู้สึกว่าลื่นขึ้นกว่าที่คิด ถึงแม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบเฟรมเรตนิ่งตลอดทั้งเกม แต่ก็ถือว่าช่วยให้เล่นได้ดีเลยล่ะ เรื่องประสิทธิภาพก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนาจา
สรุปหลังเล่นมาเกือบเดือน !
จากจุดเด่นที่ว่ามา ต้องยอมรับเลยครับว่า OPPO F11 Pro นี้เป็นมือถือราคาหมื่นนิด ๆ ที่น่าสนใจและครบสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันมาก ๆ ทั้งในเรื่องของดีไซน์ที่สวยจนหลาย ๆ คนต้องหันมองเวลาหยิบขึ้นมาใช้งาน หน้าจอที่สวยเต็มแบบที่หาได้ยากในกลุ่มราคานี้, กล้องที่ดูโดดเด่นมาก ๆ ใครที่หลงใหลในการถ่ายภาพกลางคืนหรือ Portrait ถ้าได้ลองตัวจริงนี่ติดใจแน่ ๆ, และที่ขาดไม่ได้ก็คือระบบชาร์จที่ไวที่สุดแล้วในกลุ่มราคาหมื่นนิด ๆ แบบนี้ เรียกว่าครบหมทุกด้านแล้วล่ะเนอะ ดีไซน์สวย สเปคดี กล้องคม ชาร์จไวอีก ครบขนาดนี้แล้วจะต้องการอะไรอีก ซื้อเถอะ ! OPPO F11 Pro วางขายแล้ววันนี้กับราคา 10,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นร่วมกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่ายลดสูงสุดกว่า 50% อีกด้วย เอ้า ! ขายกันขนาดนี้แล้ว ไปจัดกันเถอะเพื่อน ๆ :P
บทความโดย : เฮียแม็พ. TechXcite