กล้อง 3 ตัววางอยู่ที่มุมซ้ายของตัวเครื่อง ตำแหน่งของกล้องค่อนข้างนูนออกมาจากฝาหลังระดับนึง แต่ก็มีขอบสูงล้อมรอบอีกชั้นเพื่อป้องกันการกระแทกที่หน้าเลนส์ มีข้อความคั่นกลางระหว่างกล้องหลักกับก็กล้องตัวรองเป็นคำว่า 108MP Camera เป็นเหมือนการตอกย้ำและแอบขิงเบาๆ ถึงความละเอียดกล้องหลักที่สูงถึง 180 MP ถัดมาที่มุมซ้ายล่างก็เป็นโลโก้ของ Mi ชื่อบริษัทและตอกย้ำถึงการรองรับ 5G
มาดูการจัดวางปุ่มในตำแหน่งต่างๆ กันบ้าง ปุ่ม power และปุ่มโวลลุ่มเพิ่มลดเสียงจะอยู่ฝั่งเดียวกันที่ขอบด้านขวาของตัวเครื่อง ปุ่ม power นั้นเป็นแถบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปในตัว ซึ่งส่วนตัวคิดว่าตำแหน่งสแกนลายนิ้วมือจุดนี้เป็นตำแหน่งที่สะดวกต่อการปลดล็อคเครื่องมากที่สุด และสามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว
ใน Mi 10T Pro ใช้ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 บนพื้นฐาน Android 10.0 ซึ่งมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆทั้งเรื่องของดีไซน์และความปลอดภัยในการใช้งานที่มากกว่าเดิม ลักษณะไอคอนที่หน้าจอหลักจะเป็นสี่เหลี่ยม ใช้งานสะดวก
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Dark Mode 2.0 ที่สามารถใช้งานร่วมกับแอปอื่นๆได้ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Dark Mode แบบอัตโนมัติโดยพื้นหลังจะค่อยๆเปลี่ยนสีหม่นลงเรื่อยๆ ตามช่วงเวลาของวันได้อีกด้วย
เรื่องความปลอดภัยใน Mi 10T Pro ก็รองรับการปลดล็อคด้วยรหัสผ่าน เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ รายการสแกนใบหน้าเพื่อเข้าถึงตัวเครื่อง ซึ่งความไวและความแม่นยำในเซ็นเซอร์ทั้งสแกนลายนิ้วมือและใบหน้าทำได้ดี เข้าถึงตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ฟีเจอร์อื่น
Dark Mode
โหมดประหยัดพลังงาน
โหมดทำความสะอาดขยะในตัวเครื่อง
การแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน
Find my Phone
โหมดถนอมสายตา
Mi Share
กล้อง
กล้องของ Mi 10T Pro ให้กล้องหลักความละเอียดสูงถึง 180 ล้านพิกเซล แน่นอนว่าเราแทบไม่เห็นมือถือรุ่นกลางที่ให้ความละเอียดกล้องมาสูงถึงขนาดนี้ สามารถซูมได้ 2 ระยะ มาพร้อมกล้องเลนส์ wide angle เพื่อการถ่ายภาพในมุมมองกว้าง และเลนส์ Mono
108MP กล้องหลัก
15MP เลนส์ Ultra-Wide
5MP เลนส์ Mono
มาดูตัวอย่างภาพถ่ายกัน
นี่คือการประสิทธิภาพการซูมทั้ง 3 ระยะ เริ่มจากรูปแรกคือมุมมอง Ultra-Wide ตามด้วย Normal และมุมมองซูม 2X
เปรียบเทียบระยะเลนส์ Wide และ Normal
Normal
Wide
Normal
Wide
Normal
Wide
ตัวอย่างภาพจาก Mi 10T Pro
กล้องหน้า 20MP
แบตเตอรี่และสรุปการใช้งาน
แบตเตอรี่ใน Mi 10T Pro ให้มาอยู่ที่ 5000 มิลลิแอมป์รองรับชาร์จไวที่ 33W จากการใช้งานจริงความเร็วในการชาร์จถือว่าทำได้ดี ส่วนแบตเตอรี่ถ้าเล่นเกมที่กราฟิกสูงมากๆแบบก็ถือว่าหมดเร็วเหมือนกัน ใครที่ต้องการเล่นเกมโดยคงแบตเตอรี่ให้นานแนะนำให้ลดรายละเอียดเกมลง อย่างเช่นเฟรมเรตหรือความละเอียดภาพก็จะช่วยให้แบตเตอรี่นั้นใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม นอกจากนี้การใช้งานทั่วไปมีโหมดประหยัดแบตเตอรี่ที่จะยิ่งช่วยเซฟพลังงานเครื่องให้อีกด้วย
สรุปการใช้งาน
Mi 10T Pro เป็นมือถือที่ทำให้เราได้ยินคำว่านักฆ่าเรือธงอีกครั้ง ด้วยสเปคที่ใช้พลังงานจากวัสดุตัวท็อปมากมาย ทั้ง CPU เรือธง Snapdragon 865 หน้าจอ refresh rate 144 Hz รวมไปถึงความละเอียดกล้องหลักที่ให้มามากถึง 108 MP ใครที่กำลังมองหามือถือรุ่นคุ้มค่าราคาดี ได้สเปคใกล้เคียงเรือธง Mi 10T Pro เป็นมือถือที่ตอบโจทย์ที่สุดแล้วในตอนนี้ โดยวางขายในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาทเท่านั้น