realme Watch

สมาร์ทวอทช์ น้ำหนักดี ฟีเจอร์ครบ
มาดูตัวสมาร์ทวอทช์กันก่อน realme Watch มีดีไซน์ที่เรียบสวย น้ำหนักเบาเหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคนี้อย่างมากครับ ตัวเรือนมาพร้อมขนาดหน้าจอ LCD ขนาด 1.4” ความละเอียด 320 x 320 พิกเซล สีสวยกำลังดีครับ ตัวกระจกหน้าจอจะเป็น Gorilla Glass แบบ 2.5D สังเกตดี ๆ จะมีโลโก้ realme อยู่ที่ล่างหน้าจอนี้ด้วยนะ

ที่ด้านหลังของตัวเรือนจะมีเซ็นเซอร์ Heart Rate Monitor อยู่ด้วย รองรับการใช้งานตรวจจับดารเต้นของหัวใจรวมถึงฟีเจอร์อย่างการวัดออกซิเจนในเลือดด้วย

ส่วนตัวสายจะเป็นสายสายซิลิโคน ผิวนุ่ม ใส่แล้วสบายไม่ระคายผิวเท่าไหร่ครับ กระชับกับตัวข้อมือได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ แต่มีข้อสังเกตอยู่นิดหน่อยก็คือเวลาใส่นั้นแอบยากไปนิดยิ่งตัวสายสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำมาตรฐานนี่ต้องตั้งใจใส่เป็นพิเศษเลยล่ะ

ตัวสายจากตรงนี้เราสามารถถอดออกและเปลี่ยนได้เองด้วยนะ ทาง realme เขามีให้เลือกถึง 4 สีคือ สีดำ, สีแดง, สีน้ำเงิน และสีเขียว อย่างในรีวิวนี้เราใช้สีเขียวครับผม

ที่มุมขวาจะมีปุ่มกด 1 ปุ่ม พร้อมกบัการทำเส้นสีเหลืองที่เป็นเอกลักษณ์ของ realme อยู่ด้วย เห็นปุ่มนี้แล้วนึกถึงบนสมาร์ทโฟน realme จริง ๆ

และที่สำคัญ realme Watch นั้นรองรับการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ด้วย หายห่วงเรื่องการใช้งานในหลายสภาพ จะออกกำลังกายให้เหงื่อชุ่ม หรือใส่พร้อมล้างไม้ล้างมือก็ไม่ต้องกลัวว่าสมาร์ทวอทช์เราจะพังไปดื้อ ๆ เนาะ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ realme Watch ก็ทำออกมาได้ดีสมราคาครับ เน้นในเรื่องความเบาและการสวมใส่ที่สะดวกสบาย ฟีเจอร์ก็ครบครัน วัสดุงานประกอบก็สมกับราคา 2,499 บาทดีครับ

เชื่อมต่อผ่าน realme Link
มาเข้าสู่เรื่องการใช้งานกันเลย อุปกรณ์เสริมทั้ง 2 นี้ก็สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ง่าย ๆ ด้วยแอป realme Link ตัวเดียวเลย จะหูฟังหรือสมาร์ทวอทช์ก็ใช้แอปนี้แหละครับ การเชื่อมต่อก็ไม่ยุ่งยากเปิดแอปมาและคุ้นหาอุปกรณ์จากนั้นเชื่อมต่กันผ่านระบบ Bluetooth ปกตินี่แหละ แต่น่าเสียดายที่แอปตัวนี้ยังมีให้ดาวน์โหลดผ่านระบบ Android เท่านั้นบน iOS ยังไม่มา ><“
ซึ่งข้อดีของแอปนี้ก็คือเมื่อเราเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าสู่แอปของเราแล้ว ตัวอุปกรณ์ก็จะถูกผูกไปกับบัญชีเลย แบบนี้ดีมากเพราะหากเราเปลี่ยนเครื่องอุปกรณ์ทั้งหลายที่เคยเชื่อมกันไว้ก็ยังอยู่ แค่กดเชื่อมต่อไม่ต้องมาตั้งค่าอะไรใหม่ให้วุ่นวายครับ

โดยในแอป realme Link เมื่อเราเชื่อมต่อ realme Watch เข้าไปแล้ว ก็จะมีการตั้งค่ารวมถึงข้อมูลที่ซิงค์กันมากมาย ทั้งเรื่องข้อมูลการออกกำลังกายของเรา รวมถึงการตั้งค่าการแจ้งเตือนก็ทำได้จากแอปนี้เลยครับ

การใช้งาน
การใช้งานตัว realme Watch ก็ไม่ยุ่งยากครับ เราสามารถใช้นิ้วแตะบนหน้าจอได้เลย เลื่อนหน้าจอได้ทั้ง 4 มุมแบ่งเป็นการทำงานคร่าว ๆ ดังนี้
- เลื่อนหน้าจอลง - ดูการแจ้งเตือน
- เลื่อนหน้าจอขึ้น - หน้าเมนูการทำงานต่าง ๆ
- เลื่อนไปขวา - ทางลัดเปิดการตั้งค่า
- เลื่อนไปทางซ้าย - หน้ากิจกรรมต่าง ๆ
เวลาเราเข้าใช้งานแล้วอยากจะย้อนกลับก็เพียงเลื่อนไปทางขวาหรือกดที่ปุ่มกดด้านขวา 1 ครั้งก็ได้ครับ

แจ้งเตือนเป็นภาษาไทยครบ
เริ่มต้นกันที่เรื่องการแจ้งเตือน เชื่อว่าหลายคนเป็นห่วงเรื่องการรองรับภาษาไทย แต่บอกได้เลยว่า realme Watch นั้นรองรับภาษาไทยแบบเต็มรูปแบบแล้วครับ เวลามีแจ้งเตือนเข้าก็เป็นภาษาไทยครบครับ พวกแอปอื่น ๆ นอกจาก SMS เราสามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมให้แจ้งเตือนได้ที่แอป realme Link เลยครับ เพราะค่าเริ่มต้นจะไม่ได้เลือกมาให้เนาะ
ตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า (รูปฟันเฟือง) > การแจ้ง > เพิ่มเติม

โทรเข้าก็แจ้งเตือนนะ
แจ้งเตือนข้อความได้ก็แจ้งเตือนสายเข้าได้ด้วยเช่นกัน บน realme Watch เราสามารถรับการแจ้งเตือนเมื่อมีสายเข้าได้รวมถึงกดวางสายได้จากข้อมือเลย แต่แน่นอนว่าไม่สามารถรับและคุยผ่านตัว Watch ได้เองเนาะ เพราะไม่มีไมโครโฟนกับลำโพงมาให้

ดูสถานะของตัว Watch ได้จากการปัดขวา
เมื่อเราปัดหน้าจอไปทางขวาเราจะเจอกับหน้าสถานะรวมถึงทางลัดในการเปิด-ปิดโหมดต่าง ๆ ด้วยประกอบด้วย
- รูปพระจันทร์ - ปิดการแจ้งเตือนช่วงคราว
- รูปนาฬิกาบนข้อมือ - เปิด-ปิดการใช้งานยกข้อมือเพื่อปลุกจอ
- รูปพระอาทิตย์ - ปรับระดับแสงหน้าจอ
- รูปแบตเตอรี่ - เปิด-ปิดโหมดประหยัดพลังงาน

เช็กสภาพอากาศ การนับก้าวหรือ อัตราการเต้นหัวใจก็ได้
หรือถ้าเราเลื่อนหน้าจอไปทางซ้ายก็จะเป็นทางลัดของแอปต่าง ๆ เราจะดูพวกสภาพอากาศ, การตรวจจับการนอน, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันได้จากการปัดมาทางซ้ายนี้เลยครับ แต่ตรงนี้จะเป็นแค่การ “ดู” เท่านั้นเนาะ กดเริ่มใช้งานฟีเจอร์เหล่านั้นไม่ได้

ใช้งานจริงเลื่อนขึ้นเลย
พวกฟีเจอร์การใช้งานหลัก ๆ ให้เราเลื่อนหน้าจอขึ้นเพื่อเข้าสู่เมนูครับ ตรงนี้มีให้เลือกทุกฟีเจอร์เลย ทั้ง
- การเล่นกีฬา
- วัดออกซิเจนในเลือด
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- ดูบันทึกการออกกำลังกาย
- บันทึกการนอน
- ควบคุมเครื่องเล่นเพลง
- ควบคุมกล้อง
- ค้นหามือถือ
- โหมดการทำสมาธิ
- นาฬิกาปลุก
- นาฬิกาจับเวลา
- สภาพอากาศ
- การตั้งค่า
อยากใช้งานอะไรก็กดเข้ามาได้ในนี้เลยครับ

มีหน้าปัดให้เลือก 12 แบบ
ในเรื่องการปรับแต่ง realme Watch ก็ไม่เพื่อน ๆ ต้องเบื่อกับหน้าปัดเดิม ๆ เพราะมี Watch Faces ให้เลือกปรับมากถึง 12 แบบผ่านตัวแอป แต่บนตัว Watch เองจะมีสำรองไว้ 6 แบบ เราสามารถแตะค้างที่หน้าปัดและเลือกได้เลยจากบนข้อมือ

หรือถ้าอยากได้แบบอื่นที่ซ่อนไว้ก็ให้มาเลือกบนสมาร์ทโฟนแทนครับ เข้าไปที่แอป realme Link เลือก realme Watch แล้ว
การตั้งค่า (รูปฟันเฟือง) > หน้าปัดนาฬิกาข้อมือ > เปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาปัจจุบัน
ในอนาคตทาง realme สัญญาว่าจะมีการอัปเดตเพิ่ม Watch Faces เพิ่มเติมอีกเป็น 100 เลยด้วยผ่านระบบ OTA ครับ

ออกกำลังกายได้หลายประเภทกีฬา
อย่างที่เห็นว่า realme Watch มีโหมดการเล่นกีฬาด้วย ซึ่งตัว Watch เองสามารถตรวจจับรูปแบบการเล่นกีฬาได้มากถึง 14 ชนิดประกอบด้วย
- การเดิน
- การวิ่งในร่ม
- การวิ่งกลางแจ้ง
- การปั่นจักรยาน
- การปั่นจักรยานออกกำลังกาย
- การเต้นแอโรบิค
- ฟุตบอล
- บาสเกตบอล
- ปิงปอง
- แบดมินตัน
- การฝึกกล้ามเนื้อ
- การเล่นฟิตเนส
- โยคะ
- คริกเกต
เรียกว่าเยอะแยะเลือกชนิดแล้วกด “เริ่ม” เพื่อออกกำลังกายได้เลย

วัดอัตราการเต้นของหัวใจและออกซิเจนในเลือดได้ด้วย
เห็นไปแล้วว่าตัว realme Watch นั้นมีเซ็นเซอร์ PPG วัดอัตราการเต้นของหัวใจคุณภาพสูงด้วย ซึ่งเราสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างแม่นยำและสามารถวัดได้แบบเรียลไทม์เลยด้วย

รวมถึงวัดออกซิเจนในเลือดก็ทำได้ด้วย หรือหากออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติก็จะมีการแจ้งเตือนให้ด้วย

ใช้ควบคุมเครื่องเล่นเพลงได้ด้วย
นอกจากฟีเจอร์ด้านการออกกำลังกายแล้ว realme Watch ยังมีฟีเจอร์ในการควบคุมเครื่องเล่นเพลงบนสมาร์ทโฟนได้ด้วย เลือกมาที่แอป “เพลง”ได้เลย ถ้าเลือกแล้วยังใช้งานไม่ได้ให้เข้าไปตั้งค่าบนแอป realme Link เพิ่มเติมก่อนที่
การตั้งค่า (รูปฟันเฟือง) > ระบบควบคุมการเล่นเพลง

ใช้งานเป็นรีโมทชัตเตอร์ได้ด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ก็คือเมื่อเราเชื่อม realme Watch เข้ากับสมาร์ทโฟนแล้ว เราสามารถใช้งานตัว Watch เป็นรีโมทชัตเตอร์ได้ด้วย สะดวกดีเผื่อเราอยากตั้งกล้องแล้วกดชัตเตอร์จากข้อมือเนาะ ก็ให้เลือกไปที่แอป “กล้อง” จาก Watch ได้เลย แต่อย่าเข้าไปตั้งค่าเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ใน realme Link ก่อนด้วยนะจ๊ะ
การตั้งค่า (รูปฟันเฟือง) > กล้องระยะไกล

ตามหามือถือได้ด้วย
realme Watch มีฟีเจอร์ค้นหามือถือได้ด้วย เผื่อเราหามือถือไม่เจอแต่ยังมี Watch อยู่ในข้อมือก็กดเรียกให้มือถือส่งเสียงได้จากแอป “กำลังมองหาโทรศัพท์มือถือ” เลยครับ เข้าไปตั้งค่าเปิดฟีเจอร์นี้ใน realme Link ได้ที่
การตั้งค่า (รูปฟันเฟือง) > ค้นหาโทรศัพท์ของฉัน

แบตเตอรี่อึดใช้งานได้เป็นสัปดาห์
ปิดท้ายตัว realme Watch ด้วยเรื่องแบตเตอรี่ละกันเนาะ รุ่นนี้ทาง realme เขาเคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องราว 7 - 9 วันก็คือใช้ได้เป็นสัปดาห์เลยล่ะ เชื่อว่าหลายคนที่ใช้อุปกรณ์ AIoT แบบนี้คงไม่อยากต้องมาชาร์จอุปกรณ์บ่อย ๆ เหมือนกัน เท่าที่ลองใช้งานมาราวสัปดาห์กว่าเราก็เพิ่งจะชาร์จไปเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น แบตเตอรี่ถือว่าอึดใช้ได้เลย ใช้สัก 5 วันแล้วมาชาร์จทีก็กำลังเหมาะเลย

สรุปแล้ว
สรุปในส่วนของ realme Watch ก็เป็นสมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อย จุดเด่นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของฟีเจอร์การใช้งานที่ให้มาค่อนข้างครบ กันน้ำได้, หน้าจอขนาดใหญ่, รองรับรูปแบบกีฬามากถึง 14 ประเภท, วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ รวมถึงแบตเตอรี่ที่อึดพอใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวล ทั้งหมดนี้ก็น่าจะตอบโจทย์เพื่อน ๆ ที่อยากได้สมาร์ทวอทช์สักตัวแล้วแหละ แถมมีราคาค่าตัวเพียง 2,499 บาทเท่านั้นเอง ทำได้เท่านี้ก็ถือว่าแจ๋วแล้วล่ะครับ ส่วนเรื่องวัสดุงานประกอบต่าง ๆ อันนี้ก็ตามราคาครับ ไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ก็ไม่ได้ดูแย่จนเกินไปเนาะ ชมมาเยอะแล้ว ก็ต้องมีจุดที่ขอบ่นนิดหน่อยก็คือเรื่องของตัวสายที่ใส่ค่อนข้างยากนี่แหละครับ ตัวสายมีความยืดหยุ่นประมาณหนึ่งแต่ไม่มากพอที่จะม้วนเข้ากับข้อมือเท่าที่ควร รูของสายก็ประกบเข้ากับสายอีกอันได้ยากไปนิด ทำให้เวลาสวมใส่อาจจะใช้เวลานิดหน่อยครับและอีกเรื่องก็คือตัวแอป realme Link ตอนนี้ยังมีแค่บน Android เท่านั้น บน iOS ยังไม่มานี่แหละครับ นอกนั้นโอเคหมดละ :D